นอกจากนั้น ยังได้ประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่อยู่ระหว่างดำเนินโครงการก่อสร้างต่าง ๆ ในพื้นที่กรุงเทพฯ และยังไม่แล้วเสร็จ โดยให้เร่งแก้ไขปัญหา หรือเปิดทางระบายน้ำ เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อระบบระบายน้ำของ กทม.เช่น โครงการก่อสร้างคูระบายน้ำริมถนนวิภาวดีรังสิตของกรมทางหลวง โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีต่าง ๆ ส่วนพื้นที่รอยต่อระหว่าง กรุงเทพฯ ได้จัดประชุมหารือร่วมแก้ไขปัญหาน้ำท่วมบริเวณเขตรอยต่อระหว่างกรุงเทพฯ และปริมณฑล เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับชาวกรุงเทพฯ และปริมณฑลที่อาจจะได้รับผลกระทบให้กลับเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด พร้อมทั้งเปิดช่องทางการแจ้งเตือนสถานการณ์ฝนให้ประชาชนรับทราบแบบเรียลไทม์ ตลอดจนช่องทางแจ้งเหตุ เพื่อขอรับความช่วยเหลือผ่านเว็บไซต์ http://dds.bangkok.go.th/, www.prbangkok.com, Facebook:@BKK.BEST, สำนักงานประชาสัมพันธ์ Twitter:@BKK_BEST, สำนักงานประชาสัมพันธ์ รวมถึงรับแจ้งเหตุปัญหาน้ำท่วมขังในพื้นที่กรุงเทพฯ ได้ที่ศูนย์ควบคุมระบบป้องกันน้ำท่วม โทร.0 2248 5115 หรือแจ้งผ่านระบบ Traffy Fondue และสายด่วน กทม.1555 ตลอด 24 ชั่วโมง
นายธีรยุทธ ภูมิภักดิ์ ผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (สปภ.) กทม.กล่าวว่า สปภ.ได้สั่งการให้สถานีดับเพลิงและกู้ภัยจัดเตรียมยานพาหนะ อุปกรณ์ เครื่องมือเครื่องใช้ และเรือท้องแบน เพื่อรองรับสถานการณ์กรณีเกิดฝนตกหนักในพื้นที่กรุงเทพฯ และบูรณาการการปฏิบัติงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักการระบายน้ำ สำนักเทศกิจ กองโรงงานช่างกล และสำนักงานเขตพื้นที่ ร่วมลงพื้นที่อำนวยความสะดวกประชาชนในการเดินทางเมื่อเกิดฝนตกหนัก โดยเฉพาะในเส้นทาง หรือพื้นที่ที่ประสบปัญหาน้ำท่วมขังได้ทันที อีกทั้งให้ฝ่ายสงเคราะห์ผู้ประสบภัยจัดเตรียมถุงยังชีพ เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วมเป็นการเฉพาะหน้าไว้แล้ว รวมถึงให้ความช่วยเหลือด้านอื่น ๆ ตามระเบียบกรุงเทพมหานครว่าด้วยการสงเคราะห์ผู้ประสบสาธารณภัย พ.ศ.2537 และที่แก้ไขเพิ่มเติม เพื่อลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับประชาชนในพื้นที่กรุงเทพฯ ทั้งนี้ ประชาชนที่ประสบเหตุสาธารณภัยจากพายุ หรือเหตุสาธารณภัยอื่น ๆ สามารถแจ้งเหตุผ่านสายด่วน 199 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
นายศุภกฤต บุญขันธ์ ผู้อำนวยการสำนักเทศกิจ (สนท.) กทม.กล่าวว่า สนท.ได้เตรียมความพร้อมปฏิบัติเมื่อมีสถานการณ์ฝนตกในพื้นที่กรุงเทพฯ โดยเฉพาะในช่วงที่มีฝนตกฟ้าคะนองและมีพายุทั้งในช่วงก่อนฝนตก ขณะฝนตก และหลังฝนตก โดยก่อนฝนตกได้จัดเจ้าหน้าที่พร้อมยานพาหนะออกตรวจสอบบริเวณถนนสายหลัก พื้นที่ชุมชน และพื้นที่จุดอ่อนน้ำท่วมขัง พื้นที่ที่มีการก่อสร้างรถไฟฟ้า - สาธารณูปโภคฯ รวมทั้งกำชับเจ้าหน้าที่เทศกิจให้ลงพื้นที่ตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงของสิ่งปลูกสร้าง ป้ายโฆษณา และต้นไม้ใหญ่ หากพบความไม่มั่นคงแข็งแรงให้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการแก้ไขทันที นอกจากนี้ เมื่อเกิดสถานการณ์ฝนตกหนักมีน้ำท่วมขังได้บูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดยานพาหนะออกปฏิบัติหน้าที่ให้ความช่วยเหลืออำนวยความสะดวกด้านการจราจรและเข้าช่วยเหลือประชาชนให้ได้รับความสะดวกปลอดภัยทันที
ที่มา: กรุงเทพมหานคร