ผู้เชี่ยวชาญจาก เอบีม คอนซัลติ้ง ชี้แนวทางการทำกำไรจากระบบนิเวศสตาร์ทอัพยานยนต์ สำหรับบริษัทขนาดใหญ่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

พฤหัส ๑๕ มิถุนายน ๒๐๒๓ ๐๙:๓๖
ในช่วงสิบปีที่ผ่านมามีการลงทุนเกิดขึ้นอย่างมากในระบบนิเวศสตาร์ทอัพยานยนต์ รวมถึงภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วย ซึ่งการลงทุนในระบบนิเวศสตาร์ทอัพยานยนต์คิดเป็นสัดส่วน 20 เปอร์เซ็นต์ของการลงทุนสตาร์ทอัพทั้งหมดในภูมิภาคในช่วงห้าปีที่ผ่านมา โดยกระจุกตัวอยู่ที่ตลาดรถยนต์มือสองและแอปพลิเคชันเรียกรถโดยสารเป็นหลัก และยังมีการลงทุนที่จำกัดในด้านยานยนต์ไฟฟ้า ยานยนต์อัจฉริยะ และยานยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ
ผู้เชี่ยวชาญจาก เอบีม คอนซัลติ้ง ชี้แนวทางการทำกำไรจากระบบนิเวศสตาร์ทอัพยานยนต์ สำหรับบริษัทขนาดใหญ่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

การรวมตัวกันของสามปัจจัยคือ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อม และการแข่งขันในอุตสาหกรรมที่มีมากขึ้น ทำให้บริษัทขนาดใหญ่ต้องประเมินวิสัยทัศน์ เป้าหมาย และกลยุทธ์ในการทำธุรกิจใหม่ โดยในประเด็นนี้ คริสตอฟ โทคาซ ผู้จัดการฝ่ายธุรกิจอุตสาหกรรมยานยนต์ บริษัทเอบีม คอนซัลติ้ง (ประเทศไทย) จำกัด ได้แสดงความเห็นและข้อมูลเชิงลึกที่น่าสนใจไว้ในงานนวัตกรรมยานยนต์แห่งภูมิภาคเอเชียหรือ "Future Mobility Asia 2023" (FMA 2023) ที่จัดขึ้นเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดย เอบีม คอนซัลติ้ง ได้เข้าร่วมในฐานะพันธมิตรด้านความรู้ ในหัวข้อ "How Start-Ups are Disrupting the Future of Mobility"

"บริษัทขนาดใหญ่ที่กำลังปรับเปลี่ยนวิสัยทัศน์น่าจะมองเห็นถึงความจำเป็นในการสร้างพันธมิตรใหม่ ๆ โดยเฉพาะกับธุรกิจสตาร์ทอัพ เพื่อร่วมกันพัฒนาศักยภาพ ผลิตภัณฑ์ และบริการใหม่ ๆ ออกสู่ตลาด" คริสตอฟกล่าวในการสัมมนาเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคมที่ผ่านมาว่า "เราเชื่อว่าบริษัทขนาดใหญ่ที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และอยากมีบทบาทที่สำคัญทางด้านธุรกิจในอุตสาหกรรมยานยนต์ต้องเข้าร่วมระบบนิเวศสตาร์ทอัพยานยนต์อย่างจริงจังผ่านช่องทางและวิธีการที่หลากหลาย ซึ่งรวมไปถึงการเป็นหุ้นส่วนกับสตาร์ทอัพในระดับท้องถิ่น การร่วมงานกับสตาร์ทอัพนอกเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และแม้แต่การสร้างธุรกิจใหม่ขึ้นมาทั้งหมด เพื่อหาผลประโยชน์และสร้างกำไรให้ได้มากที่สุด"

ระหว่างปี พ.ศ.2561 และ พ.ศ.2565 มีการลงทุนมูลค่ามากกว่าสองล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในธุรกิจสตาร์ทอัพทั่วโลก การลงทุนในเอเชียมีสัดส่วน 30 เปอร์เซ็นต์ และในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีสัดส่วนการลงทุน 3.5 เปอร์เซ็นต์ สตาร์ทอัพด้านยานยนต์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้รับเงินลงทุน 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนน้อยกว่า 1 เปอร์เซ็นต์ของเงินลงทุนจากทั่วโลก หรือเพียงราว 20 เปอร์เซ็นต์ของการลงทุนทั้งหมดในระบบนิเวศสตาร์ทอัพในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่สำคัญคือ 86 เปอร์เซ็นต์ของเงินลงทุนก้อนนี้ถูกนำไปทุ่มให้กับสองบริษัทคือ Grab และ Gojek

เมื่อพิจารณา 15 บริษัทสตาร์ทอัพที่ได้รับเงินลงทุนมากที่สุดในช่วงห้าปีที่ผ่านมา พบว่าส่วนใหญ่ของบริษัทเหล่านี้คือผู้พัฒนาแอปพลิเคชันที่ใช้ยานยนต์ในการเดินทางสาธารณะ ซึ่งก็คือแอปพลิเคชันเรียกรถโดยสารเช่น Grab รวมไปถึงผู้พัฒนาระบบการแชร์รถยนต์และบริษัทด้านยานยนต์รายย่อยอย่าง Beam และ SOCAR Malaysia แต่สตาร์ทอัพที่ได้รับเงินลงทุนสูงที่สุดคือบริษัทในตลาดการซื้อขายรถยนต์มือสอง อาทิ Carro, Carsome, Moladin และ myTukar.com ซึ่งได้รับอานิสงส์จากตลาดแพลทฟอร์มเรียกรถโดยสารที่กำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น

เมื่อจำแนกแหล่งที่มาของเงินลงทุน เกือบ 80 เปอร์เซ็นต์ของการลงทุนในสตาร์ทอัพยานยนต์ในช่วงห้าปีที่ผ่านมามาจากผู้ลงทุนทางการเงิน โดยเฉพาะบริษัทเงินร่วมลงทุนและบริษัทเอกชนที่ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ บริษัทขนาดใหญ่หรือผู้ลงทุนทางกลยุทธ์มีส่วนเกี่ยวข้องในการลงทุนมากกว่า 20 เปอร์เซ็นต์เล็กน้อย และส่วนใหญ่เป็นบริษัทที่มีธุรกิจหลักอยู่นอกอุตสาหกรรมยานยนต์ เช่นบริษัทด้านพลังงานหรือธนาคาร ส่วนบริษัทที่ประกอบธุรกิจด้านยานยนต์โดยตรงเข้าร่วมลงทุนเพียง 5 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น

คริสตอฟกล่าวว่าบริษัทขนาดใหญ่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สามารถเข้าร่วมระบบนิเวศสตาร์ทอัพยานยนต์ได้ด้วยสามวิธีการ "วิธีแรกคือเป็นหุ้นส่วนกับสตาร์ทอัพภายในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งอาจมีข้อจำกัดด้านโอกาสการลงทุนในภูมิภาค ดังนั้นการใช้วิธีนี้เพียงวิธีเดียวอาจยังไม่เพียงพอสำหรับบริษัทส่วนใหญ่

"วิธีที่สองคือมองหาการเป็นพันธมิตรกับสตาร์ทอัพนอกเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะสตาร์ทอัพจากประเทศเล็ก ๆ ที่มีระบบนิเวศสตาร์ทอัพที่พัฒนาแล้วอย่างไต้หวันหรืออิสราเอล ที่มีแนวโน้มว่าจะอยากเป็นพันธมิตรกับบริษัทจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อเข้าถึงตลาดขนาดใหญ่ที่มีผู้บริโภคเกือบ 700 ล้านคน วิธีสุดท้ายคือการสร้างธุรกิจใหม่ขึ้นมาเองทั้งหมดเพื่อสร้างโอกาสในการดำเนินธุรกิจที่ตรงกับทิศทางและวิสัยทัศน์ของบริษัทที่สุด"

คริสตอฟมีประสบการณ์มากกว่าสิบปีในการให้คำปรึกษาในกับบริษัทในอุตสาหกรรมยานยนต์ การผลิต และพลังงาน ความเชี่ยวชาญของคริสตอฟครอบคลุมด้านกลยุทธ์ ดิจิทัลทรานสฟอร์เมชัน และนวัตกรรมองค์กร ไม่นานมานี้คริสตอฟยังร่วมพัฒนากลยุทธ์เพื่อเข้าการสู่ตลาดและสร้างการเติบโต และให้คำปรึกษาด้านทรานสฟอร์เมชันให้กับธุรกิจยานยนต์อีกด้วย

ที่มา: เอบีม คอนซัลติ้ง (ประเทศไทย)

ผู้เชี่ยวชาญจาก เอบีม คอนซัลติ้ง ชี้แนวทางการทำกำไรจากระบบนิเวศสตาร์ทอัพยานยนต์ สำหรับบริษัทขนาดใหญ่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๕:๐๘ ปตท.สผ. - เอไอที ร่วมพัฒนางานวิจัยด้านสำรวจปิโตรเลียม สร้างบุคลากร ต่อยอดสู่การพัฒนา CCS
๑๕:๓๐ NIA จัดใหญ่ฉลองครบรอบ 20 ปี รางวัลนวัตกรรมแห่งชาติ สองทศวรรษแห่งการเชิดชูนวัตกรรมไทยตอกย้ำความยิ่งใหญ่ ชวนนวัตกรสมัครคว้าชัยประจำปี
๑๕:๑๗ BTG เปิดตัว Betagro Ventures มุ่งบ่มเพาะและพัฒนาธุรกิจ FoodTech AgriTech พร้อมเดินหน้าลงทุนสตาร์ทอัพ ผ่านกองทุน 30 ล้านเหรียญสหรัฐ
๑๕:๕๕ PLUS จัดประชุมผู้ถือหุ้นปี 2567 ผถห.โหวตผ่านฉลุยทุกวาระ เคาะจ่ายปันผล 0.12 บาท/หุ้น
๑๕:๓๔ SA ปักหมุดรายได้ปี 67 เป้า 7,000 ลบ. ออลไทม์ไฮ ชูนวัตกรรม THE SUSTAINOVATIVE LIVING ตอบโจทย์ชีวิตวิถีใหม่ ประหยัดพลังงาน
๑๔:๓๙ ผถห.EKH อนุมัติจ่ายปันผลเป็นหุ้น-เงินสด อัตรา 40 หุ้นต่อ1 หุ้นปันผล พร้อมจ่ายเงินสด 0.30 บ./หุ้น ปูพรมลุยธุรกิจสุขภาพ มั่นใจผลงานปีนี้โตไม่ต่ำกว่า
๑๔:๔๙ KKP จับมือ Thairath Money จัดงานเสวนา KKP Financial Talk: Money Master #เรื่องเงินอย่าปล่อยให้รู้งี้ เผยภาพภาระสังคมสูงวัยของไทยใน 5-10 ปีข้างหน้า
๑๔:๐๐ ทีทีบี ผู้นำเรื่องเงินฝากให้มากกว่า เสิร์ฟบัญชีเงินฝากที่หลากหลาย ตอบโจทย์ตรงใจทุกไลฟ์สไตล์การออม
๑๔:๒๓ TMILL ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2567 ผู้ถือหุ้นโหวตรับปันผลอัตรา 0.07 บาทต่อหุ้น
๑๔:๐๓ DEXON จัดงานประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2567 ผถห.อนุมัติจ่ายปันผล 0.052 บาทต่อหุ้น