นับตั้งแต่การประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีน ครั้งที่ 18 ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ได้เดินทางเยือนภาคตะวันออกเฉียงเหนือมาแล้วหลายครั้ง รวมถึงจัดการประชุมสัมมนาหลายครั้งเพื่อพิจารณาเรื่องการฟื้นฟูภูมิภาคดังกล่าวอย่างครอบคลุม ซึ่งแสดงให้เห็นว่าผู้นำจีนให้ความสำคัญกับภูมิภาคนี้
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีนซึ่งประกอบด้วยมณฑลเหลียวหนิง จี๋หลิน และเฮยหลงเจียง มีความก้าวหน้าอย่างมากในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นความสำเร็จที่ผู้นำจีนให้การยอมรับเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ระหว่างการเยือนมณฑลเฮยหลงเจียงอีกครั้ง นอกจากนี้ เขายังเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการพัฒนานวัตกรรมทางเทคโนโลยี ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการส่งเสริมอุตสาหกรรมที่สำคัญในภูมิภาค
นายสี จิ้นผิง กล่าวว่า การต่อยอดรากฐานทางอุตสาหกรรมที่มีอยู่แล้วในภูมิภาค จำเป็นต้องอาศัยการพัฒนาอย่างมีคุณภาพสูงในด้านการผลิตขั้นสูง การเร่งอัปเกรดอุตสาหกรรมดั้งเดิม และการใช้ประโยชน์จากพลังของนวัตกรรมทางเทคโนโลยี เพื่อปรับโครงสร้างเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีนมีกลุ่มอุตสาหกรรมเชิงกลยุทธ์ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อเศรษฐกิจและความมั่นคงของประเทศ จึงมีโอกาสมากมายสำหรับการพัฒนาและมีศักยภาพมหาศาล อีกทั้งยังมีส่วนช่วยอย่างมากในการเร่งสร้างระบบนิเวศอุตสาหกรรมร่วมสมัย
อุตสาหกรรมไฮเทคครองส่วนแบ่งเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในกรอบเศรษฐกิจของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดีของการฟื้นตัวในภูมิภาคดังกล่าว โดยในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ ผลผลิตมูลค่าเพิ่มของการผลิตสินค้าไฮเทคในภาคอุตสาหกรรมของเฮยหลงเจียงเพิ่มขึ้น 18% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศ 16.3 จุดเปอร์เซ็นต์ ส่วนภาคการผลิตยามีการเติบโต 15.7% เมื่อเทียบเป็นรายปีในแง่ของผลผลิตมูลค่าเพิ่ม ในขณะที่ภาคการบินและอวกาศและการผลิตอุปกรณ์ขยายตัวอย่างโดดเด่นที่ 24.2%
แนวโน้มนี้บ่งชี้ว่าการเปลี่ยนผ่านอุตสาหกรรมกำลังเข้าสู่ช่วงของการเติบโตอย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังมีความสามารถในการสร้างตัวเร่งปฏิกิริยาใหม่ ๆ เพื่อความก้าวหน้า ขณะเดียวกัน การริเริ่มโครงการใหม่มากมายในสามมณฑลยังสะท้อนถึงการตอบสนองเชิงบวกต่อนโยบายขยายการเข้าถึงตลาดของรัฐบาลจีน ซึ่งสอดคล้องกับถ้อยแถลงของประธานาธิบดีจีนเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
"เราควรประสานงานด้านการค้า การลงทุน การขนส่ง และการก่อสร้างให้ดีขึ้น ตลอดจนสำรวจและบุกเบิกในด้านต่าง ๆ เช่น การเข้าถึงตลาด การเคลื่อนย้ายปัจจัยการผลิต และการเปิดกว้างเชิงสถาบัน ไปจนถึงการสร้างรูปแบบใหม่ของการเปิดกว้างสู่โลกภายนอกอย่างครอบคลุม" นายสี จิ้นผิง กล่าว
ในนครเสิ่นหยาง เมืองเอกของมณฑลเหลียวหนิง มีการริเริ่มโครงการมากกว่า 730 โครงการ คิดเป็นมูลค่ากว่า 100 ล้านหยวน (13.6 ล้านดอลลาร์) ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ ซึ่งเพิ่มขึ้น 14.5% เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยบริษัทยักษ์ใหญ่ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่น บีเอ็มดับเบิลยู (BMW) และ อีฟ เอเนอร์จี (EVE Energy) ได้รุกขยายธุรกิจในเมืองอุตสาหกรรมแห่งนี้ โดยมุ่งเน้นไปที่ภาคยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งเม็ดเงินลงทุนรวมของบริษัทเหล่านี้มีมูลค่าหลายหมื่นล้านหยวน
ขณะเดียวกัน มณฑลจี๋หลินก็มีความคืบหน้าอย่างรวดเร็วในการก่อสร้าง "เมกะโปรเจกต์" หลายโครงการซึ่งเน้นไปที่พลังงานใหม่และการฟื้นฟูระบบนิเวศ โดยในช่วงเดือนมกราคมถึงกรกฎาคม มณฑลจี๋หลินสามารถดึงดูดโครงการลงทุน 233 โครงการ คิดเป็นเม็ดเงินรวมกว่า 1 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้นถึง 23.7%
นอกจากนี้ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีนยังขึ้นชื่อว่าเป็นศูนย์กลางการเกษตรของประเทศ และประธานาธิบดี สี จิ้นผิง กล่าวว่าควรเป็นรากฐานในการรับประกันความมั่นคงทางอาหารของประเทศ
ผู้นำจีนกล่าวเสริมว่า ภูมิภาคนี้จำเป็นต้องให้ความสำคัญมากขึ้นต่อการพัฒนาเทคโนโลยีการเกษตร พร้อมกับส่งเสริมการเกษตรที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี การเกษตรที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การเกษตรที่มีคุณภาพ และการเกษตรที่มีการสร้างแบรนด์ของตนเอง
ทั้งนี้ อำเภอหลี่ซู (Lishu) ในมณฑลจี๋หลินซึ่งเป็นฐานการผลิตธัญพืชที่สำคัญ และผู้นำจีนเคยไปเยี่ยมเยือนมาแล้ว คือตัวอย่างที่ชัดเจนของการพัฒนาการเกษตรที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี โดยอำเภอหลี่ซูได้เปลี่ยนการเพาะปลูกแบบเดิมให้เป็นกระบวนการที่ช่วยอนุรักษ์ดินดำซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการผลิตธัญพืชของมณฑลจี๋หลิน ในช่วงสามปีที่ผ่านมา พื้นที่เพาะปลูกภายใต้ "หลี่ซูโมเดล" เพิ่มขึ้นถึงสองเท่าเป็น 3 ล้านหมู่ (mu) (200,000 เฮกตาร์) ซึ่งสร้างผลผลิตทางการเกษตร 8.16 หมื่นล้านจิน (jin) (40 ล้านตัน) ในปี 2565 ซึ่งสูงเป็นประวัติการณ์สำหรับมณฑลจี๋หลิน
https://news.cgtn.com/news/2023-09-08/China-s-northeast-region-to-advance-revitalization-via-tech-innovation-1mVZp8F42jK/index.html