ดีไซเนอร์ไทยระดับแนวหน้าประกาศศักยภาพแฟชั่นไทยในแนวคิดความยั่งยืนบนแกรนด์รันเวย์ ณ สยามพารากอน
โดยแกรนด์รันเวย์ "Siam Paragon Bangkok International Fashion Week 2023" ณ สยามพารากอน ตอกย้ำความสำคัญของแนวคิด Sustainability ซึ่งเป็นเทรนด์และเป้าหมายที่วงการแฟชั่นทั่วโลกรวมถึงดีไซเนอร์ไทยต่างให้คุณค่าและความสำคัญ โดยในปีนี้เหล่าดีไซเนอร์ไทยระดับแนวหน้าต่างก็ร่วมสร้างสรรค์ผลงานแฟชั่นยั่งยืนผ่านการตีความแบบเฉพาะตัวที่แตกต่างกันออกไป อย่าง Absolute Siam X HOLY NUMBER 7 X 789 โดย Absolute Siam (แอบโซลูท สยาม) มัลติแบรนด์สโตร์ที่รวบรวมสินค้าแฟชั่นไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างเป็นเอกลักษณ์ ที่สร้างสรรค์โดยสยามเซ็นเตอร์ เมืองแห่งไอเดียล้ำเทรนด์ จับมือแบรนด์สตรีทแฟชั่นสัญชาติเกาหลี HOLY NUMBER 7 ออกแบบคอลเลคชั่นพิเศษ ร่วมกับหนุ่มๆศิลปิน 789 Trainee โดยนำคอลเลคชั่นนี้ใช้เทคนิค direct digital textile printing (DTP) ซึ่งเป็นการพิมพ์แบบดิจิทัลลงบนผ้า ถือว่าเป็นวิธีการพิมพ์ผ้าที่ยั่งยืนที่สุด ใช้น้ำและพลังงานน้อยลง และไม่จำเป็นต้องใช้สารเคมีที่รุนแรง ส่วน FRI27NOV. presented by SCG โดย ชนะชัย จรียะธนา นำถุงปูนซีเมนต์ที่รอการทำลาย ของ SCG มา Upcycle สร้างมูลค่าใหม่กลายเป็นคอลเลคชั่นเสื้อผ้าและแอ็คเซสซอรี่สุดคูลอย่างการนำถุงปูนมาตัดเย็บกับเสื้อยีนส์เก่า ที่สามารถใช้จริงได้ในชีวิตประจำวัน ส่วน Greyhound Original x Tiktok เลือกใช้ผ้ารีไซเคิลมาสร้างสรรค์ผลงานให้เป็น "Green Label"
นอกจากนี้ ภูภวิศ กฤตพลนารา ดีไซเนอร์แห่ง ISSUE presented by Purra นำวัสดุเหลือใช้จากงานอุตสาหกรรมแฟชั่นมาเป็นส่วนหนึ่งในการรังสรรค์ผลงาน โดยเฉพาะการใช้เศษไหมมาทำงานปักซิกเนเจอร์ "ISSUE Thailand" อันเป็นเอกลักษณ์ Painkiller Atelier presented by Seiko 5 Sports เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่ให้ความสำคัญกับเรื่องของ Sustainability มาอย่างต่อเนื่อง โดยเลือกใช้วัตถุดิบคงค้างในสต๊อก นำมาออกแบบให้เป็นสินค้าชิ้นใหม่ ซึ่งเป็นการนำวัสดุเหลือใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด รวมถึงเลือกใช้ผ้าไนล่อนที่ผลิตจากขวดน้ำพลาสติกรีไซเคิล อีกทั้งสินค้าทุกชิ้นของคอลเลคชั่นนี้ และคอลเลคชั่นต่อๆไป จะบรรจุในถุงเสื้อผ้าที่สามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ ที่ผลิตขึ้นมาสำหรับแบรนด์โดยเฉพาะด้วยเช่นกัน ด้าน Tube Gallery presented by TAT ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับแนวคิด "The Future of Fashion" ในมุมมองของแบรนด์ไว้ว่า แฟชั่นจะเป็นการตอบสนองความต้องการนำเสนอ Identity ของผู้คนที่หลากหลายและซับซ้อนมากยิ่งขึ้น ทำให้แฟชั่นในรูปแบบ Mass Production ที่ผลิตในจำนวนมาก ๆ จะลดลง เพราะความต้องการของผู้สวมใส่แตกต่างกันมากขึ้น เสื้อผ้าในลักษณะ Tailor Made น่าจะกลับมามีความสำคัญในอุตสาหกรรมแฟชั่นในอนาคตอีกครั้ง
นอกจากการอวดโฉมคอลเลคชั่นของเหล่าดีไซเนอร์แถวหน้าของประเทศไทยแล้ว BIFW2023 ยังจัดเสวนาในหัวข้อเกี่ยวกับแฟชั่นและความยั่งยืน โดยตัวแทนจากภาครัฐ และนักออกแบบระดับแนวหน้าของเมืองไทย โดยได้รับเกียรติจาก ผอ.นิศาบุษป์ วีรบุตร จาก กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ, เอก ทองประเสริฐ เจ้าของแบรนด์ EK Thongorasert, กันย์ญเนศ พรมะธานชัย เจ้าของแบรนด์ญาเนศร์ และ ปรเมศร์ สายอุปราช เจ้าของแบรนด์ Mr. Leaf มาร่วมพูดคุยในหัวข้อ "Make ~IM~Possible : OTOP & MSMEs Fashion Go Global ต่อยอดแฟชั่นท้องถิ่น สู่เวทีโลก... เราทำได้?" นอกจากนี้ยังมีการเสวนาจากนักออกแบบไทยในโครงการ Designer room & talent Thai (DSR & TT ) ในอดีตที่มีประสบการณ์ในการเข้าร่วมแฟชั่นโชว์ระดับโลก อย่าง Q Design & Play, Wishulada, Renim Project และ ศิโรจน์ ไชยสาม ในหัวข้อ "Innovation + Design for Sustainable lifestyles products" ณ SCBX NEXT STAGE ชั้น 4 สยามพารากอน
สยามเซ็นเตอร์อวดโฉมผลงานแฟชั่นยั่งยืนของนิสิตนักศึกษาจากสถาบันชั้นนำทั่วประเทศ
สำหรับเวที VISIONARY STAGE ที่ สยามเซ็นเตอร์ เมืองแห่งไอเดียที่ล้ำเทรนด์ มุ่งเน้นการสนับสนุนเหล่าดีไซเนอร์รุ่นใหม่จากสถาบันชั้นนำทั่วประเทศ ให้ได้โชว์ไอเดียสร้างสรรค์สู่สายตาผู้ชมทั่วโลก พร้อมนำเสนอแนวคิดเรื่อง Sustainability ผ่านมุมมองของคนรุ่นใหม่ โดยสยามเซ็นเตอร์เป็นเวทีที่นักศึกษาด้านแฟชั่นมาร่วมนำเสนอผลงานมากที่สุดของการจัดงานแฟชั่นโชว์ในประเทศไทย กับผลงานของนิสิต นักศึกษา นักออกแบบรุ่นใหม่กว่า150 คน จาก 12 สถาบัน และผลงานการออกแบบกว่า 400 ลุค โดยเน้นการใช้ผ้าพื้นเมืองที่มีกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หรือใช้วัสดุธรรมชาติ ย้อมสีธรรมชาติ และการประยุกต์ใช้วัสดุเหลือใช้อย่างสร้างสรรค์
โดย มหาวิทยาลัยขอนแก่น นำเสนอความเป็นท้องถิ่นอีสานไทยและความใส่ใจสิ่งแวดล้อมด้วยการใช้วัสดุรีไซเคิลและเลือกวัสดุจากผ้าทอท้องถิ่นอีสานที่ย้อมสีธรรมชาติและผ่านกระบวนการทอมือ เช่น ผ้าไหมอีรี่ ผ้าไหมหางกระรอก, มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ใช้ผ้าทอพื้นถิ่นอีสานผลิตจากวัสดุธรรมชาติเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อย่างผ้าขาวม้าและผ้าพื้นเมืองชนิดอื่นๆ, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย สงขลา สร้างสรรค์ผลงานจากเรื่องราววิถีชีวิต วัฒนธรรมและภูมิปัญญาด้วยเครื่องแต่งกายจากผ้าพื้นเมืองชายแดนใต้ เช่น ผ้าบาติก ผ้าปาเต๊ะ ผ้าทอ ที่มีสีสันอันเป็นอัตลักษณ์เชิงพื้นที่แดนใต้ ซึ่งมีกระบวนการผลิตที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม และ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ นำวัสดุมาประยุกต์ใช้ บนรากฐานแนวคิดแฟชั่นเพื่อความยั่งยืน
สยามดิสคัฟเวอรี่ ดิเอ็กซ์พลอราทอเรี่ยม ตอกย้ำภาพลักษณ์ความเป็นผู้นำทางด้านความคิดสร้างสรรค์ที่ล้ำสมัย เป็น Lifestyle Lab ที่ทุกตารางเมตรเต็มไปด้วยแฟชั่นที่น่าจับตามอง มอบประสบการณ์ค้นหาสไตล์ในแบบที่เป็นคุณ จัดงาน "The Future of Fashion" นำเสนอเทรนด์แฟชั่นที่มาแรงและคงอยู่ตลอดกาลกับคอนเซ็ปต์ "แฟชั่นที่ยั่งยืน" (Sustainable Fashion)
โดยสยามดิสคัฟเวอรี่นำเสนอแบรนด์แฟชั่นยั่งยืนหลากหลาย เช่น "MAD MATTER" มีแนวทางเรื่องความยั่งยืนมาตั้งแต่เริ่มต้น กับคอนเซ็ปท์ Creative Lifestyle Brand who made from "Waste to Worth" นอกจากนี้ยังมีโซน Discovery Selection รวมแบรนด์นำเข้าที่มีเฉพาะที่สยามดิสคัฟเวอรี่ มีทั้ง GANNI โดยกว่า 50% เป็นผ้าทำมาจากวัสดุรีไซเคิล, oval square ที่มีการเลือกเส้นใย โดยพิจารณาจากปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม ต่อด้วย CLOSED ในคอนเซ็ปต์ A BETTER BLUE เดนิมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม, BAUM UND PFERDGARTEN (โบมอุนด์เฟดกาเท่น) ที่เสื้อผ้าแต่ละตัวจะมีการระบุรายละเอียดสัดส่วนการใช้วัสดุรักษ์โลกเป็นเปอร์เซ็นต์ที่เว็บไซต์ และยังมีอีกหลากหลายแบรนด์ที่ให้ได้ค้นหา
ร่วมขับเคลื่อนความยั่งยืนผ่านโลกแฟชั่น ไปกับ Siam Paragon Bangkok International Fashion Week 2023 หรือติดตามความเคลื่อนไหวกิจกรรมดีๆ ได้ทาง www.siamparagon.co.th หรือ เฟซบุ๊ก Siam Paragon
ที่มา: ศูนย์การค้าสยามพารากอน