KOAT คือวิทยาลัยด้านเวชศาสตร์ความงามที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลี ประกอบด้วยสมาชิก 12,000 คน และก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2565 ในการนี้ ซัมยังนำเสนอกรณีทางคลินิกสำหรับกระบวนการหัตถการที่มีประสิทธิผลและปลอดภัยของลาฟูลเลนและโครกิสที่งานประชุมวิชาการดังกล่าวนี้
ดร.ซึงกุ๊ก ฮวาง (Dr. Seung-guk Hwang) อธิการบดีของ KOAT, ดร.แจวุก ลิว (Dr. Jae-wook Lew) ประธานสถาบันการศึกษาและวิจัยฟิลเลอร์แห่งเกาหลี (Korean Filler Education & Research Academy) และดร.โฮวอน ลี (Dr. Ho-Won Lee) ผู้อำนวยการปฏิบัติการของสถาบันการศึกษาและวิจัยฟิลเลอร์แห่งเกาหลี ได้ขึ้นเวทีเพื่อนำเสนอผลลัพธ์ที่พวกเขายืนยันผ่านกระบวนการหัตถการ โดยอธิการบดีฮวางระบุว่า "ขณะนี้ที่เทรนด์ในตลาดเวชศาสตร์ความงามกำลังเปลี่ยนแปลงไปสู่การไขว่คว้าความงามตามธรรมชาติ ลาฟูลเลนแสดงปริมาตรความอิ่มฟูอย่างเป็นธรรมชาติ ส่งผลเป็นความพึงพอใจของผู้ป่วยในระดับสูง"
ลาฟูลเลนคือฟิลเลอร์สำหรับชั้นผิวหนังซึ่งมีองค์ประกอบหลักเป็นโพลิเมอร์ที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพสำหรับการใช้งานทางการแพทย์ ชื่อว่าโพลิคาโปรแลคโตน (Polycaprolactone หรือ PCL) โดยมีระยะเวลาการให้ผลกว่า 2 ปี มอบปริมาตรความอิ่มฟูอย่างเป็นธรรมชาติโดยมีอาการระคายเคืองน้อยกว่า ซึ่งใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีสิทธิบัตรของซัมยัง ทั้งนี้ซัมยังได้ขยายเข้าสู่ตลาดการแพทย์ทางผิวหนังระดับโลก โดยได้รับการอนุมัติสำหรับลาฟูลเลนในอินโดนีเซีย อีกทั้งยังได้ลงนามในความตกลงการเป็นพันธมิตรกับบริษัทเครื่องมือแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านความงามในจีนสำหรับการส่งออกลาฟูลเลน
โครกิสคือไหมสำหรับการร้อยไหมซึ่งมีองค์ประกอบหลักเป็นโพลิไดอ็อกซาโนน (Polydioxanone หรือ PDO) วัสดุโพลิเมอร์ที่มีความเข้ากันทางชีวภาพ ชูความเชี่ยวชาญของซัมยังในด้านไหมเย็บที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพ โดยได้รับการรับรองเครื่องหมาย CE สำหรับเครื่องมือแพทย์ (Medical Devices Directive หรือ MDD) ในปี 2562 ซัมยังได้ลงนามสัญญาการซื้อขายใน 18 ประเทศทั่วโลก รวมทั้งในสหภาพยุโรป ญี่ปุ่น และลาตินอเมริกา และขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการขอรับการอนุญาตให้วางจำหน่ายในตลาดในสหรัฐฯ
ยองจุน ลี ซีอีโอของซัมยัง โฮลดิงส์ กล่าวว่า "ลาฟูลเลนและโครกิสเป็นผลิตภัณฑ์เครื่องมือแพทย์ที่พัฒนาโดยซัมยังด้วยการวิจัยและพัฒนาภายในของเรา จากการวิจัยที่ครอบคลุมกว้างขวางของเราในด้านวัสดุโพลิเมอร์" อีกทั้งยังกล่าวต่ออีกว่า "เราจะสะสมเพิ่มพูนกรณีทางคลินิกและผลวิจัยต่อไปจากภาคสนามทางการแพทย์ทั้งในและระหว่างประเทศ โดยมุ่งที่จะเพิ่มการพิสูจน์ยืนยันความเป็นเลิศและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ทั้งสองนี้บนรากฐานที่อิงหลักฐานเป็นสำคัญ"