ปัญหาสุขภาพจิตที่พบได้บ่อยในกลุ่มคนวัยทำงาน นั่นก็คือ "ภาวะ burn out" หรือภาวะหมดไฟในการทำงาน เป็นความเหนื่อยล้าทางอารมณ์และจิตใจที่เกิดจากการเผชิญกับความเครียดเรื้อรังเป็นเวลานาน ๆ มักเกิดขึ้นกับคนที่ทำงานหนัก มีภาระหน้าที่ที่มากเกินไป มีความคาดหวังจากบุคคลอื่นสูง หรือขาดการสนับสนุนจากผู้อื่นจนเกิดอาการทางร่างกาย เช่น สมาธิลดลง อารมณ์ไม่ดี มุมมองต่อตนเองแย่ลง จนเกิดผลกระทบต่อการทำงานและความสัมพันธ์
อาการสามารถแบ่งได้ 3 ด้าน
- Emotional Exhaustionความเครียดทางอารมณ์ คืออารมณ์ความรู้สึกเหนื่อย เพลีย อ่อนแรง อ่อนล้า ไม่อยากปรับตัวกับสิ่งแวดล้อมในที่ทำงาน ไม่อยากการจัดการปัญหาเพราะความอ่อนเพลียที่เกิดขึ้น
- Depersonalizationคือทัศนคติและพฤติกรรมเชิงลบที่ไม่เหมาะสม อาจเป็นการแยกตัวจากสังคม ไม่อยากมีปฏิสัมพันธ์ รู้สึกตนเองแปลกแยกจากคนอื่น และความรับผิดชอบต่องานลดลง
- Reduced Personal Achievementการประเมินตนเองเชิงลบ สงสัยและไม่มั่นใจในความสามารถของตนเอง ส่งผลให้ประสิทธิภาพการทำงานลดลง รวมถึงทักษะในการเผชิญปัญหาลดลง
แยกความต่างกันสักนิด !!
ในทางการแพทย์ ภาวะ burn out มักมีผลกระทบต่อทั้งร่างกายและจิตใจ
ในขณะที่ "ความขี้เกียจ" มักส่งผลต่อแค่ความตั้งใจที่จะทำอะไรสักอย่างเท่านั้น
อาการของภาวะ burn out มักมีอาการบ่งชัอื่นๆ ร่วมด้วย ได้แก่
- รู้สึกเหนื่อยล้า อ่อนเพลีย
- เบื่อหน่าย หมดความสนใจในสิ่งต่างๆ
- ขาดแรงจูงใจในการทำงาน
- ประสิทธิภาพในการทำงานลดลง
- ความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานและครอบครัวแย่ลง
- มีปัญหาในการนอนหลับ รับประทานอาหาร
- ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ
การป้องกันการเกิดภาวะ burnout
- โดยองค์กร
- ปรับสภาพแวดล้อมการทำงาน และเนื้อหาของงานให้เหมาะสมกับพนักงาน
- จัดตารางการทำงานและการใช้ชีวิตให้เหมาะสม (work-life balance)
- พัฒนาหัวหน้างานให้เป็นผู้นำที่ดี
- ให้รางวัลเป็นสิ่งจูงใจ โดยหลีกเลี่ยงการให้เป็นเงิน
- เฝ้าระวังและสังเกตภาวะ burnout ในพนักงาน
- จัดตั้งหน่วยงานที่คอยให้คำปรึกษาด้านจิตใจ
- พัฒนาจุดแข็งของพนักงาน
- จัดตั้งกลุ่มให้การสนับสนุนพนักงาน
- โดยตัวพนักงานเอง
- ปรับการใช้ชีวิต เช่น ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เลือกทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ หาเวลาพักผ่อน
- ฝึกการมีสติรู้ตัว
- ประเมินและสังเกตความคิด อารมณ์ พฤติกรรมตนเองสม่ำเสมอ
- จัดการเวลาทำงานของตนเอง ให้มีเวลาทำงานและเวลาพักผ่อนที่ชัดเจน
- มองหาคนที่จะพูดคุยเรื่องไม่สบายใจได้ หรือกลุ่มคนที่คอยเป็นกำลังใจ
ภาวะ burnout เป็นเรื่องไม่ไกลตัว หากรู้ตัวหรือคนรอบข้างสังเกตได้เร็ว ทำให้การจัดการทำได้ง่าย อาจเป็นการปรับเปลี่ยนมุมมองต่อตนเอง ต่องาน จัดการเวลาในการทำงานและพักผ่อนให้เหมาะสม หรือปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เช่น ออกไปทำกิจกรรมที่ชอบ พบปะเพื่อนที่สนิทใจ พูดคุยและรับแรงสนับสนุนกำลังใจจากคนรอบข้างหรือครอบครัว คุยกับหัวหน้างานในเรื่องที่รู้สึกอึดอัด เพื่อช่วยกันจัดการปัญหาที่เกิดขึ้น จะช่วยให้อาการบรรเทาลงได้ แต่หากทำตามวิธีดังกล่าวแล้วยังรู้สึกไม่ดี มองไม่เห็นคุณค่าในตัวเอง เริ่มมีอารมณ์หงุดหงิดที่คุมได้ยาก จัดการปัญหาไม่ได้ แนะนำให้ปรึกษาจิตแพทย์เพื่อได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม
แพทย์หญิงอริยาภรณ์ ตั้งชีวินศิริกูล Bangkok Mental Health Hospital : BMHH
ที่มา: ชมฉวีวรรณ