เศรษฐกิจไทยในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ เติบโตเพียง 1.9% วิจัยกรุงศรีเตรียมปรับลดประมาณการ GDP ปี 2566 ลงจาก 2.8%

อังคาร ๒๑ พฤศจิกายน ๒๐๒๓ ๑๖:๒๔
GDP ไตรมาส 3 เติบโตต่ำที่ 1.5% YoY เศรษฐกิจทั้งปี 2566 มีแนวโน้มเติบโตต่ำกว่าที่เคยคาดไว้ที่ 2.8% สภาพัฒน์ฯ รายงาน GDP ใน 3Q2566 ขยายตัวเพียง 1.5% YoY จากขยายตัว 1.8% ในไตรมาสก่อน ต่ำกว่าที่ตลาดและวิจัยกรุงศรีคาดไว้ที่ +2.4% และ +2.0% ตามลำดับ การชะลอตัวของเศรษฐกิจไตรมาส 3 เป็นผลจาก (i) การส่งออกสินค้าที่ลดลง ii) การใช้จ่ายรัฐบาลลดลง เนื่องจากการลดลงของการใช้จ่ายด้านสาธารณสุขที่เกี่ยวข้องกับโรคโควิด-19 รวมทั้งการหดตัวของรายจ่ายด้านการลงทุน และ (iii) การลดลงของสินค้าคงคลังในไตรมาสนี้ (-220%) ซึ่งนับว่ามีส่วนสำคัญที่ฉุดการเติบโตของ GDP อย่างไรก็ตาม การบริโภคภาคเอกชนขยายตัวต่อเนื่องตามการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ และการลงทุนของภาคเอกชนที่เติบโตเร่งขึ้น สำหรับภาคการผลิต (Supply side) ผลกระทบจากส่งออกที่อ่อนแอตามภาวะเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า ส่งผลให้การผลิตภาคอุตสาหกรรมหดตัวต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 4 (-4.0%) สาขาเกษตรกรรมขยายตัวชะลอลง (+0.9%) ขณะที่ภาคท่องเที่ยวที่เติบโตช่วยหนุนให้สาขาบริการในส่วนที่พักแรมและร้านอาหารยังเติบโตสูง (+14.9%) ทั้งนี้ ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2566 เศรษฐกิจไทยขยายตัว 1.9% ล่าสุดสภาพัฒน์ฯ ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปีนี้เป็นขยายตัว 2.5% จากเดิมคาด 2.7% และคาดปี 2567 เติบโตที่ 2.7%-3.7% (ค่ากลางที่ 3.2%)
เศรษฐกิจไทยในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ เติบโตเพียง 1.9% วิจัยกรุงศรีเตรียมปรับลดประมาณการ GDP ปี 2566 ลงจาก 2.8%

วิจัยกรุงศรีเตรียมปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจไทยในปี 2566 ลงจากเดิมที่คาดไว้ที่ 2.8% ปัจจัยลบจาก GDP ไตรมาส 3 เติบโตต่ำกว่าคาด รวมถึงจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาไทยอาจต่ำกว่าที่เคยคาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ 28.5 ล้านคน ซึ่งในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติรวม 22.2 ล้านคน อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ คาดว่ายังมีแนวโน้มเติบโตเร่งขึ้น ผลบวกจาก (i) ฐานที่ต่ำในช่วงเดียวกันปีก่อนแล้ว (ii) แรงหนุนจากมาตรการของภาครัฐที่ช่วยบรรเทาภาระค่าครองชีพทั้งค่าใช้จ่ายด้านพลังงานและการเดินทาง รวมถึงมาตรการพักหนี้เกษตรกร (iii) การกระเตื้องขึ้นของภาคส่งออกในช่วงปลายปี และ (iv) การฟื้นตัวต่อเนื่องของภาคท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลวันหยุดยาว

ทางการออกมาตรการเพิ่มเติม ขณะที่โครงการดิจิทัลวอลเล็ตมีรายละเอียดมากขึ้นแต่ยังมีอีกหลายขั้นตอนที่ต้องติดตาม เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายนที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีได้ชี้แจงถึงรายละเอียดของนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตว่าจะแจกให้กับบุคคลที่อายุ 16 ปีขึ้นไป มีรายได้ต่อเดือนไม่เกิน 70,000 บาท และหรือมีเงินฝากในทุกบัญชีรวมไม่เกิน 5 แสนบาท ซึ่งจะทำให้เหลือผู้มีสิทธิ์เข้าร่วมโครงการนี้อยู่ที่ 50 ล้านคน ส่วนที่มาของงบประมาณที่ใช้ในโครงการ จะเป็นการออกพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) เงินกู้จำนวน 5 แสนล้านบาท โดยเบื้องต้นรัฐบาลประเมินว่าจะเริ่มแจกให้ประชาชนใช้จ่ายได้ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2567 และสิ้นสุดโครงการเดือนเมษายน 2570 อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่ไม่ได้รับสิทธิในโครงการนี้หรือมีรายได้ต่อเดือนมากกว่า 70,000 บาท รัฐบาลเตรียมออกโครงการ E-Refund โดยให้นำค่าใช้จ่ายในการซื้อสินค้าสูงสุดได้ไม่เกิน 50,000 บาท มาหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา คาดว่าจะเริ่มในเดือนมกราคม 2567 นอกจากนี้ กระทรวงการคลังเห็นชอบมาตรการลดหย่อนภาษีเงินได้ผ่านการลงทุนในกองทุนไทยเพื่อความยั่งยืน (Thailand ESG Fund: TESG) โดยกำหนดระยะเวลาลงทุน 8 ปีเต็ม วงเงินลงทุนไม่เกิน 100,000 บาท/ราย คาดจะเริ่มได้ในวันที่ 1 ธันวาคมนี้ เพื่อสนับสนุนการออมในระยะยาวและช่วยกระตุ้นการลงทุนในตลาดทุนไทย

แม้โครงการดิจิทัลวอลเล็ตจะมีรายละเอียดมากขึ้น แต่ยังต้องรออนุมัติตามกระบวนการการออกพ.ร.บ. เงินกู้จำนวน 5 แสนล้านบาท โดยเฉพาะมาตรา 53 พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 "กำหนดให้การกู้เงินของรัฐบาลนอกเหนือจากที่บัญญัติไว้ในกฎหมายว่าด้วยการบริหารหนี้สาธารณะ เฉพาะกรณีที่มีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินการโดยเร่งด่วนและอย่างต่อเนื่องเพื่อแก้ไขปัญหาของประเทศ โดยไม่อาจตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีได้ทัน" ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวยังต้องผ่านอีกหลายขั้นตอนที่ต้องใช้เวลาพอสมควร เริ่มตั้งแต่ (i) การตีความโดยคณะกรรมการกฤษฏีกา (ii) นำเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา (ผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรก่อน แล้วจึงเสนอให้วุฒิสภาพิจารณาเห็นชอบ) และ (iii) การพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ ดังนั้น จึงยังต้องติดตามพัฒนาการในแต่ละขั้นตอนซึ่งจะมีผลต่อความคืบหน้าและความเป็นไปได้ในการดำเนินโครงการดิจิทัลวอลเล็ต

ที่มา: ธนาคารกรุงศรีอยุธยา

เศรษฐกิจไทยในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ เติบโตเพียง 1.9% วิจัยกรุงศรีเตรียมปรับลดประมาณการ GDP ปี 2566 ลงจาก 2.8%

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๐๔ พ.ค. Siriraj Education Expo 2024 ก้าวสู่ยุคใหม่ไปกับศิริราช พร้อมยกระดับทางการแพทย์ให้ดีขึ้น เพื่อสุขภาวะที่ดีของคนไทยทุกคน
๐๓ พ.ค. ครั้งแรก! งานเทศกาลคอนเทนต์ LGBTQ ฉลองความเท่าเทียมทางเพศ THAILAND INTERNATIONAL LGBTQ FILM TV FESTIVAL 2024 ปักหมุดเตรียมพบกัน กันยายนนี้
๐๓ พ.ค. โน วัน เอลส์ ส่ง 3 เพลงรัก 3 สไตล์! ผ่านมิวสิกซี่รีย์ ที่จะทำให้คุณเข้าใจความรักมากขึ้น
๐๓ พ.ค. ทีซีเอ็มซีมอบรางวัลประกวดการออกแบบผลงานด้านผลิตภัณฑ์อคูสติกส์
๐๓ พ.ค. GT Auto ฉลองแชมป์ยอดขาย Volvo จัดงาน มหกรรม GT Auto Show ลดสูงสุด 1,000,000 บาท พร้อมชูบริการ GT Auto Exclusive Service
๐๓ พ.ค. กทม. เตรียมพร้อมให้บริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ในกลุ่มเสี่ยงและนักเรียนในสังกัด
๐๓ พ.ค. กรมส่งเสริมการเกษตร ประชุมคณะทำงานความร่วมมือด้านการรับรองแหล่งผลิตพืชฯ (GAP พืช) ครั้งที่ 1/2567
๐๓ พ.ค. First Sale! realme 12 5G และ realme 12X 5G สัมผัสประสบการณ์ Portrait Master กับกล้องซูม 3X in sensor
๐๓ พ.ค. CRYSTALLIZING ใหม่! โดย SHISEIDO PROFESSIONAL อัปเกรดกลุ่มผลิตภัณฑ์ยืด-ดัดผม ชูเทคโนโลยีสุดล้ำ DUAL PERFORMANCE SYSTEM
๐๓ พ.ค. บัลเลต์ รีทรีต บนเกาะมัลดีฟส์ กลับมาอีกครั้ง ที่ อวานี พลัส แฟเรส โดย คาร์ริส สการ์เลต นักเต้นบัลเลต์ชื่อดัง