เอดจ์คอมพิวติ้งสำหรับภาคการผลิต ทำงานอย่างไร

พฤหัส ๓๐ พฤศจิกายน ๒๐๒๓ ๑๓:๒๖
บทความโดย คุณสุพรรณี อำนาจมงคล ผู้จัดการประจำประเทศไทย เร้ดแฮท
เอดจ์คอมพิวติ้งสำหรับภาคการผลิต ทำงานอย่างไร

เอดจ์คอมพิวติ้งเป็นเทคโนโลยีสำคัญที่สุดสำหรับองค์กรที่มองหาวิธีการที่มีประสิทธิภาพในการทำให้การดำเนินงานทันสมัยขึ้นและสามารถใช้เวอร์ชวลไลเซชันได้ ภาคการผลิตกำลังเปลี่ยนแปลงสู่การนำเทคโนโลยีด้านสารสนเทศ (IT) มาผสานใช้งานร่วมกับเทคโนโลยีที่ใช้ในการดำเนินงาน (OT) เพื่อความโปร่งใสมากขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และสามารถวิเคราะห์ข้อมูลได้ทันเวลามากขึ้น

ผู้ผลิตจำเป็นต้องลดการปล่อยมลพิษจากโรงงาน สร้างประสบการณ์ที่ดีขึ้นให้กับลูกค้า สนับสนุนระบบซัพพลายเชนที่ยืดหยุ่น รวมถึงลดดาวน์ไทม์ และตรวจจับปัญหาต่าง ๆ ให้ได้ก่อนที่จะเกิดผลกระทบต่อการผลิต

เน็ตเวิร์กฟังก์ชันต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นฟังก์ชันการวิเคราะห์เชิงคาดการณ์ การเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการควบคุมและการติดตามตรวจสอบด้วยระบบอัตโนมัติ การปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต การขจัดระยะเวลาตอบสนองที่ใช้เวลามาก และการเพิ่มประสิทธิภาพด้านลอจิสติกส์ เป็นเพียงตัวอย่างที่กระตุ้นให้บริษัทผู้ผลิตใช้โครงสร้างพื้นฐานที่มีแบนด์วิธพอที่จะใช้บริหารจัดการข้อมูลจำนวนมากที่ได้รับเข้ามาและส่งออกไป ณ อุปกรณ์ปลายทางได้

เอดจ์คอมพิวติ้ง (แตกต่างจากคลาวด์คอมพิวติ้ง) ช่วยให้บริษัทผู้ผลิตใช้ระบบอัตโนมัติกับพื้นที่ในโรงงานทั้งหมดและกระบวนการด้านซัพพลายเชนผ่านโรโบติกส์ความสามารถสูงและการสื่อสารระหว่างเครื่องจักรกับเครื่องจักรที่อยู่ใกล้แหล่งที่มาของข้อมูล แทนที่จะต้องส่งข้อมูลกลับไปยังเซิร์ฟเวอร์เพื่อวิเคราะห์และส่งการตอบสนองกลับมา เช่น การสแกนแผ่นโลหะเพื่อตรวจหาความเสื่อมสภาพ การติดตามสภาพการไหลเวียนผ่านท่อต่าง ๆ หรือการติดตามรอบการทำงานของเครื่องจักรอัตโนมัติ เพื่อปรับปรุงระยะเวลาในการตอบสนอง ซึ่งช่วยให้สามารถวิเคราะห์และทำการแก้ไขได้เร็วขึ้น

การรวบรวม การวิเคราะห์ และการดำเนินการเกี่ยวกับข้อมูลภายในพื้นที่โรงงานในเวลาเรียลไทม์ได้นั้น มีประโยชน์มากอย่างแท้จริง การลดดาวน์ไทม์ การคาดการณ์ด้านการบำรุงรักษาได้แม่นยำ และการปรับปรุงคุณภาพผลิตภัณฑ์โดยรวม ส่งผลให้ได้รับผลผลิตมากขึ้น ลดความเสียเปล่า เพิ่มปริมาณงานที่ทำได้ในช่วงเวลาหนึ่ง ๆ และลดต้นทุนโดยรวม

ความท้าทาย

เอดจ์คอมพิวติ้งได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมการผลิตอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามแม้แต่บริษัทที่คุ้นเคยกับการทำงานข้ามโลเคชันอยู่แล้ว ก็ยังต้องพยายามกำจัดการทำงานแบบไซโลด้วยการนำ IT และ OT มาทำงานร่วมกัน

ความล้ำหน้าทางเทคโนโลยีเพื่อภาคการผลิตทำให้อุปกรณ์ที่ใช้อยู่เดิมในโรงงานล้าสมัย กฎระเบียบใหม่ ๆ ที่เรียกร้องให้มีการติดตามตรวจสอบการใช้พลังงาน ข้อมูลการสั่นสะเทือนของเครื่องจักร และการบำรุงรักษาเชิงคาดการณ์ที่เข้มงวดขึ้น ยังมีส่วนให้จำเป็นต้องนำโซลูชันเอดจ์คอมพิวติ้งมาใช้กับเครื่องมือต่าง ๆ ที่มีอยู่ ด้วยพนักงานจำนวนน้อย และยืดหยุ่นเพียงพอที่จะปรับตัวและเติบโตตามความต้องการที่เปลี่ยนแปลงได้

องค์กรแต่ละแห่งมีความต้องการต่างกัน อย่างไรก็ตามผู้ใช้ปลายทางทุกคนต่างพึ่งพาความจำเป็นในการรวบรวม ดูแล วิเคราะห์ และดำเนินการกับข้อมูลที่ได้จากการสื่อสารจากแหล่งที่มาที่ต่างกันมากมาย ซึ่งมักมาจากโลเคชันหลากหลายหรือศูนย์ข้อมูลต่าง ๆ ช่องทางการส่งข้อมูลเหล่านี้ผ่านเน็ตเวิร์กแบบรวมศูนย์ทำให้เกิดคอขวดและทำให้ต้องใช้เวลาในการตอบสนองยาวนานขึ้น แต่เฟรมเวิร์กแบบแนวนอนทั่วไปที่ครอบคลุมโครงสร้างพื้นฐานไอทีทั้งหมด สามารถช่วยบริหารจัดการแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ที่กระจายอยู่ในโลเคชันจำนวนมากได้ทั้งหมด

บริษัทบางแห่งใช้โซลูชันเอดจ์ที่มีส่วนประกอบของฮาร์ดแวร์หลายชนิดที่ทำงานด้วยกันไม่ได้ในพื้นที่ขนาดเล็กที่ขยายได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้นอยู่แล้ว ทั้งยังมีการเพิ่มส่วนประกอบต่าง ๆ ตามความจำเป็น แล้วต่อเข้าด้วยกันเพื่อจัดการกับกระบวนการและเทคโนโลยีเฉพาะงานต่าง ๆ เมื่อเวลาผ่านไป ความซับซ้อนก็เพิ่มมากขึ้น ทำให้จัดการและปรับขนาดการทำงานได้ยากขึ้น บริการคลาวด์และโซลูชันอินเทอร์เน็ตออฟธิงค์ (IoT) ช่วยให้บริษัทผู้ผลิตบริหารจัดการความต้องการด้านโครงสร้างพื้นฐานที่เติบโตขึ้นได้โดยไม่ต้องใช้สินทรัพย์และอุปกรณ์ที่มีอยู่อย่างจำกัดของตน

การบริหารจัดการการประมวลผลที่เอดจ์ที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นจุดที่รวบรวมข้อมูลมหาศาลที่สร้างโดยอุปกรณ์เอดจ์ทั้งหลาย เป็นความท้าทายสำคัญอย่างแท้จริง บริษัทผู้ผลิตอาจมีสถานที่ตั้งหลายแหล่ง และแต่ละแห่งมีเครื่องจักรอัตโนมัติและกระบวนการจำนวนมากที่สตรีมข้อมูลจากหลายพันจุดต่อนาที เมื่อความต้องการเพิ่มขึ้น ปริมาณข้อมูลที่ส่งผ่านเซิร์ฟเวอวร์ต่าง ๆ ก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วยซึ่งเป็นเหตุให้เกิดความล่าช้าในการตอบสนอง ในบางกรณีความล่าช้าแบบนี้ถือเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ในบางกรณีอาจก่อให้เกิดปัญหาร้ายแรง และส่งผลให้การทำงานไม่มีประสิทธิภาพ ความยืดหยุ่น ความสามารถในการปรับขนาดได้ในระยะยาวเป็นสิ่งสำคัญที่บริษัทผู้ผลิตต้องมี เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วโดยกระทบต่อการดำเนินงานให้น้อยที่สุด

เอดจ์คอมพิวติ้งและโอเพ่นไฮบริดคลาวด์

แม้จะปฏิเสธไม่ได้ว่าเอดจ์คอมพิวติ้ง นำมาซึ่งประสิทธิภาพการทำงานที่เทคโนโลยีแบบดั้งเดิมเทียบไม่ได้ แต่ก็ยังไม่ใช่โซลูชันครบวงจรที่จะช่วยขจัดความท้าทายหลากหลายที่บริษัทผู้ผลิตพบเจอได้ทั้งหมด เอดจ์คอมพิวติ้งจะมีพลังมากขึ้นเมื่อนำไปใช้ร่วมกับโครงสร้างพื้นฐานโอเพ่นไฮบริดคลาวด์

โครงสร้างพื้นฐานโอเพ่นไฮบริดคลาวด์ช่วยจัดการข้อมูลที่รวบรวมจากหลากหลายโลเคชั่น เพื่อปรับให้ตรงตามความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปได้ง่ายขึ้น ด้วยทรัพยากรในการประมวลผล เน็ตเวิร์ก และพื้นที่จัดเก็บข้อมูลที่ยืดหยุ่น ซึ่งช่วยให้บริษัทผู้ผลิตรวบรวมข้อมูลเชิงลึก วิเคราะห์ปัญหาต่าง ๆ และพัฒนาโซลูชันได้เร็วขึ้น

การใช้พับลิคและไพรเวทคลาวด์จากแหล่งที่มาที่แตกต่างกัน เพื่อจัดการงานหลากหลาย ช่วยให้บริษัทต่าง ๆ สามารถใช้โครงสร้างพื้นฐานที่ติดตั้งอยู่ภายในองค์กรกับฟังก์ชันการทำงานที่สำคัญมาก ๆ ได้ โครงสร้างพื้นฐานโอเพ่นไฮบริดคลาวด์มอบความยืดหยุ่นให้กับการจัดหาทรัพยากร และสร้างสภาพแวดล้อมเซิร์ฟเวอร์ที่สอดคล้องกันและยืดหยุ่นเพียงพอที่จะปรับใช้กับความต้องการที่เปลี่ยนแปลงได้ง่ายขึ้น ช่วยให้ข้อมูลที่อยู่ที่เอดจ์ได้รับการจัดการอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ที่ผ่านมา บริษัทผู้ผลิตพึ่งพาโซลูชันที่มีเจ้าของและผู้ให้บริการด้านระบบต่าง ๆ ที่เฉพาะทาง เพื่อจัดการกับความต้องการด้านเอดจ์คอมพิวติ้งที่เกิดขึ้นแบบทันทีทันใด แต่สิ่งนี้กำลังเปลี่ยนไปเมื่อผู้นำขององค์กรหันไปใช้โซลูชันที่สามารถพัฒนาและตอบสนองต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงได้ การใช้แพลตฟอร์มที่ยืดหยุ่นและขยายการทำงานได้โดยไม่มีข้อจำกัดด้านความเป็นเจ้าของ ช่วยเพิ่มความสามารถในการทำงานร่วมกัน และช่วยให้ขยายการทำงานได้อย่างไม่สะดุด เติบโตอย่างราบรื่น และสร้างนวัตกรรมได้อย่างอิสระ

ประโยชน์ที่สำคัญอย่างหนึ่งของการใช้เอดจ์คอมพิวติ้งบนโอเพ่นคลาวด์ คือ เป็นการขจัดการคอนฟิกระบบและแอปพลิเคชันที่ไม่เหมือนกันที่เคยคอนฟิกกันแบบแมนนวล ซึ่งใช้เวลานานและมีแนวโน้มจะเกิดความผิดพลาดออกไปได้ การจัดการและการสเกลเวิร์กโหลดต่าง ๆ ทำได้ด้วยค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพียงเล็กน้อย ทีมงานยังสามารถโฟกัสการพัฒนาแอปพลิเคชันเพื่อสร้างรายได้เพิ่ม แทนที่จะต้องมาคอยคอนฟิกระบบหรือทำงานประจำซ้ำ ๆ

เอดจ์คอมพิวติ้งที่ใช้กับสภาพแวดล้อมไฮบริดคลาวด์ ยังรองรับกลไกที่ซ้ำซ้อน ช่วยให้กระบวนการต่าง ๆ ทำงานต่อเนื่องเมื่อมีส่วนประกอบหนึ่งล้มเหลวหรือต้องทำการซ่อมแซม ส่งผลให้ดาวน์ไทม์ลดลง เพิ่มความปลอดภัย และส่วนประกอบต่าง ๆ มีอายุการใช้งานนานขึ้น

เอดจ์คอมพิวติ้งสำหรับภาคการผลิตจากเร้ดแฮท

การตัดสินใจต่าง ๆ ที่สามารถทำได้อัตโนมัติแบบเรียลไทม์ ณ จุดทำงานในโรงงาน คืออนาคตของภาคการผลิต เอดจ์คอมพิวติ้งช่วยบูรณาการกระบวนการผลิตทุกด้าน เช่น การออกแบบ ซัพพลายเชน และการดำเนินงาน ซึ่งช่วยให้บริษัทต่าง ๆ ให้การตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงได้เร็วขึ้น ด้วยความยืดหยุ่นที่มีมากขึ้น และสิ้นเปลืองน้อยลง เอดจ์คอมพิวติ้งทำงานคู่กับโครงสร้างพื้นฐานโอเพ่นไฮบริดคลาวด์ มอบความโปร่งใสแบบเรียลไทม์ เร่งให้เกิดการผลิตที่ขับเคลื่อนด้วยซอฟต์แวร์ มอบความสามารถในการปรับขนาดได้สูงสุด และสามารถใช้ประโยชน์จากบิ๊กดาต้าเพื่อทำการวิเคราะห์ข้อมูลทุกจุดบนโครงสร้างพื้นฐานไอที

การใช้เอดจ์คอมพิวติ้ง ต้องการแนวคิดที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ การใช้เครื่องมือและกระบวนการต่าง ๆ ที่จำเป็นในไซต์งานหลายพันแห่ง ด้วยพนักงานด้านไอทีเพียงไม่กี่คนหรือไม่มีเลย เป็นความท้าทายแม้ดูเสมือนว่าจะมีความเป็นไปได้ นอกจากนี้ edge tier แต่ละระดับยังมีความต้องการที่แตกต่างกันเกี่ยวกับฮาร์ดแวร์ฟุตพริ้นท์ พารามิเตอร์ของสภาพแวดล้อมการทำงานทางกายภาพ และค่าใช้จ่าย โดยมาก เวนเดอร์รายเดียวไม่สามารถจัดหาโซลูชันครบวงจรได้ มาตรฐานการทำงานร่วมกันขึ้นอยู่กับทรัพยากรที่ได้รับจากเวนเดอร์หลายราย เพื่อสร้างความสอดคล้องเข้ากันได้ให้กับสถาปัตยกรรมไอทีทั้งหมด

ทำไมต้องเร้ดแฮท

เร้ดแฮทมีพอร์ตโฟลิโอโซลูชันที่ครบครันซึ่งช่วยบริษัทผู้ผลิตวางแผน ปรับใช้ และใช้เทคโนโลยีที่จำเป็น เพื่อทรานฟอร์มสู่เอดจ์คอมพิวติ้งบนโอเพ่นไฮบริดคลาวด์ได้อย่างประสบความสำเร็จ Red Hat(R) Enterprise Linux(R) มอบโครงสร้างพื้นฐานด้วยระบบนิเวศขนาดใหญ่สำหรับการสร้างและการรันแอปพลิเคชันและคอนเทนเนอร์ Red Hat(R) OpenShift(R) เป็นสภาพแวดล้อม Kubernetes ประสิทธิภาพสูงสำหรับการสร้าง ใช้งาน และบริหารจัดการแอปพลิเคชันที่เป็นคอนเทนเนอร์ที่อยู่บนโครงสร้างพื้นฐานใดก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่อยู่ภายในองค์กร เวอร์ชวล หรือบนคลาวด์ Red Hat Edge มอบแพลตฟอร์มเพื่อรองรับเวิร์กโหลดขององค์กรทุกที่ที่องค์กรต้องการ ส่วน Open Innovation Labs residency ช่วยเชื่อมโยงนวัตกรรมกับเครื่องมือต่าง ๆ เพื่อนำไอเดียและศักยภาพของทีมงานขององค์กรให้เป็นจริง

ที่มา: เอฟเอคิว

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๐๔ พ.ค. Siriraj Education Expo 2024 ก้าวสู่ยุคใหม่ไปกับศิริราช พร้อมยกระดับทางการแพทย์ให้ดีขึ้น เพื่อสุขภาวะที่ดีของคนไทยทุกคน
๐๓ พ.ค. ครั้งแรก! งานเทศกาลคอนเทนต์ LGBTQ ฉลองความเท่าเทียมทางเพศ THAILAND INTERNATIONAL LGBTQ FILM TV FESTIVAL 2024 ปักหมุดเตรียมพบกัน กันยายนนี้
๐๓ พ.ค. โน วัน เอลส์ ส่ง 3 เพลงรัก 3 สไตล์! ผ่านมิวสิกซี่รีย์ ที่จะทำให้คุณเข้าใจความรักมากขึ้น
๐๓ พ.ค. ทีซีเอ็มซีมอบรางวัลประกวดการออกแบบผลงานด้านผลิตภัณฑ์อคูสติกส์
๐๓ พ.ค. GT Auto ฉลองแชมป์ยอดขาย Volvo จัดงาน มหกรรม GT Auto Show ลดสูงสุด 1,000,000 บาท พร้อมชูบริการ GT Auto Exclusive Service
๐๓ พ.ค. กทม. เตรียมพร้อมให้บริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ในกลุ่มเสี่ยงและนักเรียนในสังกัด
๐๓ พ.ค. กรมส่งเสริมการเกษตร ประชุมคณะทำงานความร่วมมือด้านการรับรองแหล่งผลิตพืชฯ (GAP พืช) ครั้งที่ 1/2567
๐๓ พ.ค. First Sale! realme 12 5G และ realme 12X 5G สัมผัสประสบการณ์ Portrait Master กับกล้องซูม 3X in sensor
๐๓ พ.ค. CRYSTALLIZING ใหม่! โดย SHISEIDO PROFESSIONAL อัปเกรดกลุ่มผลิตภัณฑ์ยืด-ดัดผม ชูเทคโนโลยีสุดล้ำ DUAL PERFORMANCE SYSTEM
๐๓ พ.ค. บัลเลต์ รีทรีต บนเกาะมัลดีฟส์ กลับมาอีกครั้ง ที่ อวานี พลัส แฟเรส โดย คาร์ริส สการ์เลต นักเต้นบัลเลต์ชื่อดัง