กลุ่ม KTIS โชว์กำไรสุทธิปี 2566 โตลิ่ว 325% อยู่ที่ 1,939.4 ล้านบาท เปิดรายได้รวมเกือบ 2 หมื่นล้านบาท สายธุรกิจน้ำตาล และไฟฟ้า โตเด่น

พฤหัส ๓๐ พฤศจิกายน ๒๐๒๓ ๑๕:๔๘
กลุ่ม KTIS เปิดเผยผลการดำเนินงานปี 2566 สิ้นสุด 30 กันยายน 2566 เติบโตกว่าปี 2565 ถึง 325.0% โดยมีกำไรสุทธิ 1,939.4 ล้านบาท และมีรายได้รวม 19,878.8 ล้านบาท สูงกว่าปีก่อน 43.2% เผยปัจจัยหลักมาจากปริมาณและคุณภาพอ้อยที่ดีขึ้น โดยรายได้สายธุรกิจน้ำตาลเติบโต 45.0% สายธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงชีวมวลเติบโต 69.1% และสายธุรกิจเอทานอลเติบโต 10.5%
กลุ่ม KTIS โชว์กำไรสุทธิปี 2566 โตลิ่ว 325% อยู่ที่ 1,939.4 ล้านบาท เปิดรายได้รวมเกือบ 2 หมื่นล้านบาท สายธุรกิจน้ำตาล และไฟฟ้า โตเด่น

นายสมชาย สุวจิตตานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายธุรกิจอ้อยและน้ำตาล กลุ่มบริษัท เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือกลุ่ม KTIS ผู้นำในอุตสาหกรรมน้ำตาลและอุตสาหกรรมต่อเนื่องครบวงจร เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของกลุ่ม KTIS ในรอบบัญชีปี 2566 (ตุลาคม 2565 - กันยายน 2566) มีรายได้รวม 19,878.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 43.2% จากปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 13,886.2 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 1,939.4 ล้านบาท สูงกว่างวดเดียวกันของปีก่อน 325.0%

"ปัจจัยหลักที่สนับสนุนให้มีรายได้และกำไรสุทธิที่สูงขึ้นมาจากปริมาณและคุณภาพอ้อยในปีการผลิต 2565/2566 ที่ดีขึ้นมาก ทำให้ได้ผลผลิตน้ำตาลทรายต่อตันอ้อยสูงขึ้น และมีวัตถุดิบที่ส่งต่อไปยังสายธุรกิจต่างๆ มากขึ้น" นายสมชายกล่าว

ทั้งนี้ จากปริมาณอ้อยปี 2565/2566 ของกลุ่ม KTIS ที่มีจำนวน 6.9 ล้านตัน สามารถผลิตน้ำตาลทรายได้มากถึง 8.0 ล้านกระสอบ เทียบกับฤดูการผลิตปีก่อนหน้านั้น ซึ่งอ้อย 6.2 ล้านตัน ผลิตน้ำตาลทรายได้เพียง 6.4 ล้านกระสอบ ทำให้รายได้ในสายธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายปี 2566 เติบโตถึง 45.0% มาอยู่ที่ 15,033.0 ล้านบาท

นายสมชาย กล่าวด้วยว่า นอกเหนือจากสายธุรกิจน้ำตาลทรายแล้ว ในสายธุรกิจชีวภาพก็มีการเติบโตที่ดีเช่นกัน โดยเฉพาะธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงชีวมวล ซึ่งมีรายได้ในปี 2566 เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ถึง 69.1% จาก 847.3 ล้านบาท เป็น 1,432.8 ล้านบาท เนื่องจากทั้งราคาและปริมาณการขายไฟฟ้าที่สูงขึ้น

สำหรับสายธุรกิจผลิตและจำหน่ายเอทานอลมีรายได้ปี 2566 จำนวน 1,131.7 ล้านบาท สูงกว่าปี 2565 ซึ่งมีรายได้ 1,024.0 ล้านบาท คิดเป็นอัตราที่เพิ่มขึ้น 10.5% เนื่องจากราคาขายที่สูงขึ้น ส่วนรายได้ของสายธุรกิจผลิตและจำหน่ายเยื่อกระดาษชานอ้อย ปี 2566 ทำได้ 414.4 ล้านบาท ทรงตัวเมื่อเทียบกับปี 2565

"หากดูสัดส่วนรายได้ของสายธุรกิจต่างๆ เทียบกับรายได้รวมของกลุ่ม KTIS สำหรับงวดปี 2566 พบว่า สายธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายมีสัดส่วนรายได้ 79.4% สายธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงชีวมวล มีสัดส่วน 7.6% สายธุรกิจผลิตและจำหน่ายเอทานอล มีสัดส่วน 6.0% สายธุรกิจผลิตและจำหน่ายเยื่อกระดาษชานอ้อย มีสัดส่วน 2.2% และอื่นๆ อีก 4.9%" นายสมชายกล่าว

ที่มา: ไอทูซี คอมมิวนิเคชั่นส์

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๐๔ พ.ค. Siriraj Education Expo 2024 ก้าวสู่ยุคใหม่ไปกับศิริราช พร้อมยกระดับทางการแพทย์ให้ดีขึ้น เพื่อสุขภาวะที่ดีของคนไทยทุกคน
๐๓ พ.ค. ครั้งแรก! งานเทศกาลคอนเทนต์ LGBTQ ฉลองความเท่าเทียมทางเพศ THAILAND INTERNATIONAL LGBTQ FILM TV FESTIVAL 2024 ปักหมุดเตรียมพบกัน กันยายนนี้
๐๓ พ.ค. โน วัน เอลส์ ส่ง 3 เพลงรัก 3 สไตล์! ผ่านมิวสิกซี่รีย์ ที่จะทำให้คุณเข้าใจความรักมากขึ้น
๐๓ พ.ค. ทีซีเอ็มซีมอบรางวัลประกวดการออกแบบผลงานด้านผลิตภัณฑ์อคูสติกส์
๐๓ พ.ค. GT Auto ฉลองแชมป์ยอดขาย Volvo จัดงาน มหกรรม GT Auto Show ลดสูงสุด 1,000,000 บาท พร้อมชูบริการ GT Auto Exclusive Service
๐๓ พ.ค. กทม. เตรียมพร้อมให้บริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ในกลุ่มเสี่ยงและนักเรียนในสังกัด
๐๓ พ.ค. กรมส่งเสริมการเกษตร ประชุมคณะทำงานความร่วมมือด้านการรับรองแหล่งผลิตพืชฯ (GAP พืช) ครั้งที่ 1/2567
๐๓ พ.ค. First Sale! realme 12 5G และ realme 12X 5G สัมผัสประสบการณ์ Portrait Master กับกล้องซูม 3X in sensor
๐๓ พ.ค. CRYSTALLIZING ใหม่! โดย SHISEIDO PROFESSIONAL อัปเกรดกลุ่มผลิตภัณฑ์ยืด-ดัดผม ชูเทคโนโลยีสุดล้ำ DUAL PERFORMANCE SYSTEM
๐๓ พ.ค. บัลเลต์ รีทรีต บนเกาะมัลดีฟส์ กลับมาอีกครั้ง ที่ อวานี พลัส แฟเรส โดย คาร์ริส สการ์เลต นักเต้นบัลเลต์ชื่อดัง