คณะกรรมการพัฒนาอนามัยการเจริญพันธุ์แห่งชาติ พิจารณา (ร่าง) วาระแห่งชาติ "ส่งเสริมการมีบุตรอย่างมีคุณภาพ" เพื่อเสนอเข้าพิจารณาในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี

อังคาร ๒๖ ธันวาคม ๒๐๒๓ ๐๘:๓๖
นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธาน การประชุมคณะกรรมการพัฒนาอนามัยการเจริญพันธุ์แห่งชาติ ครั้งที่ 2/2566 โดยมี นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ดร.นพ.พงศธร พอกเพิ่มดี รักษาราชการแทนรองปลัดกระทรวงสาธารณสุข แพทย์หญิงอัจฉรา นิธิอภิญญาสกุล รักษาราชการแทนอธิบดีกรมอนามัย ผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข คณะกรรมการและผู้เข้าร่วมประชุมจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุม 2 อาคาร 1 ชั้น 2 สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข
คณะกรรมการพัฒนาอนามัยการเจริญพันธุ์แห่งชาติ พิจารณา (ร่าง) วาระแห่งชาติ ส่งเสริมการมีบุตรอย่างมีคุณภาพ เพื่อเสนอเข้าพิจารณาในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี

นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ตามที่กระทรวงสาธารณสุขได้ผลักดันการส่งเสริมการมีบุตรอย่างมีคุณภาพเป็น "วาระแห่งชาติ" โดยเน้น 3 มาตรการหลักในการดำเนินการ ดังนี้ 1) ปรับสภาพแวดล้อมให้เอื้อต่อการมีบุตร (Enabling Environment) โดยมีมาตรการย่อยที่สำคัญ ได้แก่ แก้ไข ปรับปรุง กฎหมายที่เกี่ยวข้อง การสนับสนุนนโยบาย Family Friendly Workplace ช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในการดูแลและเลี้ยงบุตร สถานพัฒนาเด็กปฐมวัยอายุต่ำกว่า 2 ปี 2) เสริมสร้างความรู้และปรับเปลี่ยนทัศนคติ (Persuasion) โดยให้คุณค่า "ทุกการเกิดมีความสำคัญ" บทบาทชาย-หญิง และความรู้และทัศนคติต่อการสร้างครอบครัวที่มีรูปแบบหลากหลาย 3) สนับสนุนให้ผู้ตัดสินใจมีบุตรได้รับการดูแลอย่างครบวงจรและมีคุณภาพ ได้แก่ การดูแลรักษาภาวะมีบุตรยาก การส่งเสริมการเจริญเติบโตและพัฒนาการเด็ก รวมถึงการให้คำปรึกษาทางเลือกในผู้ที่ท้องไม่พร้อม เพื่อให้ผู้ที่ตัดสินใจตั้งครรภ์ต่อได้รับการดูแล ทั้งทางด้านสุขภาพ เศรษฐกิจ และสังคม

"ทั้งนี้ 3 มาตรการดังกล่าว กระทรวงสาธารณสุขได้พิจารณาและทบทวนนโยบายส่งเสริมการมีบุตรอย่าง เป็นระบบ และได้วิเคราะห์มาตรการที่เหมาะสมกับบริบทของประเทศไทยมากที่สุด ซึ่งการจัดทำร่างวาระแห่งชาตินี้ มีความสอดคล้องกับแผนพัฒนาประเทศในทุกระดับตั้งแต่ระดับโลก ได้แก่ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ระดับประเทศ(แผนระดับที่ 1) ได้แก่ ยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ. 2561-2580 แผนระดับที่ 2 ได้แก่ แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 แผนระดับที่ 3 ได้แก่ แผนพัฒนาประชากร เพื่อการพัฒนาประเทศระยะยาว (พ.ศ. 2565-2580) และนโยบายและยุทธศาสตร์การพัฒนาอนามัยการเจริญพันธุ์แห่งชาติ ฉบับที่ 2 (พ.ศ.2560-2569) ว่าด้วยการส่งเสริมการเกิดและการเจริญเติบโตอย่างมีคุณภาพ และได้รับฟัง ความคิดเห็นจากภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมในการพัฒนาร่างวาระแห่งชาติ ทั้งนี้ ในส่วนของ การขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ จำเป็นจะต้องมีการบูรณาการร่วมกับทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม รวมถึงภาคการเมือง เพื่อให้เกิดพลังในการขับเคลื่อน โดยเสนอให้รัฐบาลประกาศนโยบายว่า "รัฐบาลสนับสนุนการสร้างสภาพแวดล้อมทางสังคมและเศรษฐกิจให้เอื้อต่อการมีบุตร สนับสนุนการปรับเปลี่ยนทัศนคติและความรู้ ความเข้าใจที่เกี่ยวข้องกับการมีบุตรและบทบาทของชาย-หญิง ทั้งในและนอกครอบครัว และให้ความช่วยเหลือ ผู้ที่มีความประสงค์มีบุตร และผู้ที่ประสบภาวะมีบุตรยาก ให้เข้าถึงบริการสาธารณสุขที่เกี่ยวข้องได้ง่ายและเร็วขึ้น อันจะเป็นการส่งเสริมการสร้างครอบครัวที่มีการวางแผนและการเกิดอย่างมีคุณภาพ" ซึ่งหลังจากการประชุมนี้ จะได้เตรียมร่างวาระแห่งชาติ เสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาประกาศเป็นวาระแห่งชาติต่อไป

ด้าน แพทย์หญิงอัจฉรา นิธิอภิญญาสกุล รักษาราชการแทนอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า กรมอนามัยได้มี การปรับปรุง (ร่าง) วาระแห่งชาติ ให้มีความสมบูรณ์มากขึ้น โดยกำหนดเป้าหมาย พ.ศ. 2566-2570 TFR ของประเทศ ไม่น้อยกว่า 1.0 และ พ.ศ.2566 - 2585 TFR ของประเทศ ไม่น้อยกว่า 1.0-1.5

"ทั้งนี้ หาก (ร่าง) วาระแห่งชาติ ประเด็น ส่งเสริมการมีบุตรอย่างมีคุณภาพ ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี กรมอนามัยคาดว่าจะเกิดผลสัมฤทธิ์ใน 3 ระดับ คือ 1) ในระดับประเทศ : ส่งเสริมการเกิดอย่างมีคุณภาพเป็นการลงทุนในทรัพยากรมนุษย์ก่อให้เกิดความมั่นคงในระยะยาว ทางเศรษฐกิจ สังคม และเชื้อชาติ บรรเทาปัญหาและความท้าทายของประเทศที่เกิดจากการเป็นสังคมสูงวัย 2) ระดับสังคม : สังคมมีความรู้ เข้าใจสถานการณ์ทางประชากร และวางแผนรับมือผลกระทบที่เกิดจากจำนวนการเกิดที่ลดลงได้ มีทัศนคติที่ดีต่อการสร้างครอบครัว ความเท่าเทียมกันระหว่างชาย-หญิงในสังคม เป็นพลังร่วมกันขับเคลื่อนส่งเสริมการเกิดอย่างมีคุณภาพ และ 3) ระดับประชาชน : ได้รับสิทธิด้านอนามัยเจริญพันธุ์ ซึ่งเป็นสิทธิมนุษยชนที่ทุกคนควรได้รับโดยไม่เลือกปฏิบัติ ได้รับสิทธิประโยชน์และสวัสดิการผ่านมาตรการขับเคลื่อนที่ภาครัฐใช้ เพื่อสร้างแรงจูงใจในการมีบุตร" รักษาราชการแทนอธิบดีกรมอนามัย กล่าว

ที่มา: กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๐:๕๙ อแมนด้า ชาร์ลีน ออบดัม VICHY LIFTACTIV BRAND PARTNER ตัวแทนประเทศไทย ร่วมงาน 'V.I.C VICHY INTEGRATIVE CENTER' อีเว้นท์สุดยิ่งใหญ่ในรอบ 5 ปี ของแบรนด์ VICHY (วิชี่) อวดลุคเซ็กซี่สุดฮอต สวย ปัง
๒๖ เม.ย. ไทยพีบีเอสผนึกกำลัง สสส. ผลิต และเผยแพร่เนื้อหาส่งเสริมสุขภาวะเด็ก เยาวชน และครอบครัว
๒๖ เม.ย. NPS ร่วมสืบสานประเพณีสงกรานต์ชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้า ประจำปี 2567
๒๖ เม.ย. แพทย์แผนไทย มทร.ธัญบุรี แนะฤดูร้อนควรทานพืชผักที่มีฤทธิ์เย็นช่วยลดความร้อนในร่างกาย
๒๖ เม.ย. แพรนด้า จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2566
๒๖ เม.ย. RBRU Herb Shot ขยายศักยภาพทางธุรกิจ รุกตลาดอินเดีย
๒๖ เม.ย. ไฮเออร์ ประเทศไทย เดินเกมรุกไตรมาส 2 เปิดตัวตู้เย็นรุ่นใหม่ Multi-door HRF-MD679 ตั้งเป้าปี 67 ดันยอดขายตู้เย็นโต
๒๖ เม.ย. เอ็น.ซี.ซี.ฯ ประกาศจัดงาน PET EXPO THAILAND 2024 ระดมสินค้า บริการ ลดหนักจัดเต็ม รับกระแส Petsumer ดันตลาดสัตว์เลี้ยงโตแรง
๒๖ เม.ย. ธอส. ขานรับนโยบายรัฐบาล ลดอัตราดอกเบี้ย MRR 0.25% ต่อปี พร้อมส่งเสริมวินัยการออม ด้วย เงินฝากออมทรัพย์เก็บออม ดอกเบี้ยสูงถึง 1.95%
๒๖ เม.ย. ManageEngine ลดความซับซ้อน ช่วยองค์กรจัดการต้นทุนบนคลาวด์ทั่วมัลติคลาวด์ได้ง่ายขึ้น พร้อมรองรับแพลตฟอร์ม Google Cloud