นอกจากนี้ ตลาดหุ้นไทยยังได้รับผลลบจากกำไรไตรมาส 4/2566 ของกลุ่มแบงก์ที่ออกมาอ่อนแอต่ำกว่าที่บล.ทิสโก้และตลาดคาดราว 14-15% ผสานกับหุ้นนอกกลุ่มแบงก์ (Non-BANK) ที่รายงานผลประกอบการออกมาเร็วอย่าง SCC และ SCGP ก็ออกมาต่ำกว่าคาด ทำให้ประมาณการกำไรของตลาดมีแนวโน้มถูกปรับลงต่อ
อย่างไรก็ตาม ณ ระดับราคาหุ้นไทยในปัจจุบันที่คิดเป็นอัตราราคาต่อกำไรล่วงหน้า (12m Fwd. PER) ที่ 14.7 เท่า และ อัตราส่วนราคาต่อมูลค่าทางบัญชี (PBV) ที่ 1.3 เท่า หรือเท่ากับ -1SD จากค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 17 เท่า และ 1.7 เท่า ตามลำดับ ทำให้บล.ทิสโก้มองว่าดัชนีหุ้นไทยในปัจจุบันซึมซับปัจจัยลบไปพอสมควรแล้ว และยังลุ้นรีบาวด์ได้ในช่วง 1-2 เดือนข้างหน้า หากไม่ได้เป็นวิกฤติเศรษฐกิจ เช่น วิกฤติต้มยำกุ้งปี 2540 และวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ปี 2551 ตลาดหุ้นไทยไม่เคยให้ผลตอบแทนติดลบ 5 ไตรมาสติดต่อกัน
"บล.ทิสโก้ยังให้น้ำหนักน้อยที่ดัชนีหุ้นไทยในไตรมาสที่ 1/2567 จะติดลบ สอดรับกับข้อมูลสถิติในอดีตที่ตลาดหุ้นไทยมักปรับตัวขึ้นในไตรมาส 1 ของทุกปี โดยนับตั้งแต่ปี 2553 เป็นต้นมามีโอกาสสูงเกือบ 90% และให้ผลตอบแทนเป็นบวกเฉลี่ย +2.9% โดยเฉพาะในเดือนกุมภาพันธ์มีโอกาสปรับขึ้นสูงถึงเกือบ 80%" นายอภิชาติกล่าว
ท่ามกลางภาวะตลาดหุ้นไทยที่ยังผันผวน ในเชิงกลยุทธ์บล.ทิสโก้มองหุ้นปันผลเป็นทางเลือกลงทุนที่น่าสนใจในช่วง 1-3 เดือนข้างหน้านี้ จากการศึกษาความเคลื่อนไหวราคาหุ้นที่มีการจ่ายเงินปันผลสูงนับตั้งแต่ปี 2558 เป็นต้นมา บล.ทิสโก้พบว่าหุ้นปันผลมักจะให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าตลาด (Outperform) เสมอในช่วงเดือน กุมภาพันธ์ - เมษายนของทุกปี โดยมีความเป็นไปได้สูงเฉลี่ยมากกว่า 70% และจะให้ผลตอบแทนโดยรวมเฉลี่ยดีกว่าตลาดประมาณ +2.4%
บล.ทิสโก้แนะนำใช้กรอบดัชนีหุ้นไทยที่ 1,350-1,400 จุดในการเทรดดิ้งระยะสั้น เน้นการตั้งรับ โดยมีหุ้นปันผลที่คาดจะให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ดีในช่วง 1-2 เดือนนี้น่าสนใจ คือ AP, DMT, ICHI และSCB นอกจากนี้ หุ้นที่ได้ประโยชน์จากแนวโน้มการท่องเที่ยวไทยฟื้นตัวต่อเนื่องและไทย-จีนทำข้อตกลงฟรีวีซ่าระหว่างกันน่าจะมีแนวโน้มแข็งแกร่งกว่าตลาดต่อไป (Outperform) แนะนำ ERW, SISB และ SPA โดยสรุป หุ้นเด่นที่บล.ทิสโก้แนะนำในเดือนกุมภาพันธ์ คือ AP, DMT, ERW, ICHI, SCB, SISB และ SPA ด้านแนวรับสำคัญเดือนนี้อยู่ที่ 1,350- 1,360 แนวรับถัดไปที่ 1,320 จุด และ 1,300 จุด และแนวต้านสำคัญอยู่ที่ 1,400 จุด และแนวต้านถัดไปที่ 1,430-1,440 จุด ตามลำดับ
ที่มา: ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป