ไบเออร์สด๊อรฟ คว้า CDP Triple A ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านความยั่งยืน

พฤหัส ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ ๑๑:๒๓
บริษัท ไบเออร์สด๊อรฟ จำกัด บริษัทชั้นนำ ผู้ผลิตแบรนด์ดูแลผิวพรรณระดับโลกอย่างนีเวียและยูเซอริน ได้รับการยกย่องอย่างทรงเกียรติในระดับ Triple A โดย CDP เป็นปีที่สองติดต่อกัน แสดงให้เห็นถึงแนวทางการปฏิบัติอันดีเยี่ยมในการจัดการกับผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมตลอดทั้งห่วงโซ่คุณค่าของไบเออร์สด๊อรฟ โดยบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เยอรมนี (DAX) และเป็นหนึ่งในสิบบริษัทที่ได้รับการจัดอันดับสูงสุดในปี 2566 จากบริษัททั่วโลกมากกว่า 21,000 แห่งที่สมัครเข้ารับการพิจารณา
ไบเออร์สด๊อรฟ คว้า CDP Triple A ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านความยั่งยืน

นายวินเซนต์ วอร์เนอรี่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไบเออร์สด๊อรฟ จำกัด กล่าวว่า "เราภูมิใจที่ได้รับการจัดอันดับสูงสุดโดย CDP อีกครั้ง สิ่งนี้เป็นอีกบทพิสูจน์ให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเราในการปรับปรุงแนวปฏิบัติด้านสิ่งแวดล้อมของกลุ่มผลิตภัณฑ์ของเราทั้งหมด รวมถึงการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนในธุรกิจโดยรวม ทั้งยังเป็นเครื่องยืนยันถึงความมุ่งมั่นขององค์กรที่ต้องการผลักดันให้อุตสาหกรรมด้านดูแลผิวพรรณเกิดการเปลี่ยนแปลงเพื่อความยั่งยืนอย่างแท้จริง ขณะเดียวกันยังช่วยให้ผู้บริโภคของเรารู้สึกดีที่ได้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและเห็นผลอย่างแท้จริง"

ในแต่ละปี CDP (เดิมชื่อ Carbon Disclosure Project) ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงผลกำไร จะทำการประเมินข้อมูลที่เปิดเผยด้านสิ่งแวดล้อมของบริษัทต่าง ๆ ตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้อย่างเคร่งครัด เช่น การบริหารความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อม ความสมบูรณ์ของข้อมูลที่จัดส่ง หรือคำมั่นสัญญาสู่เป้าหมายที่แสดงถึงความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้า โดย นายฌ็อง ฟรังซัวส์ ปาสคาล รองกรรมการผู้จัดการด้านความยั่งยืน บริษัท ไบเออร์สด๊อรฟ จำกัด กล่าวว่า "CARE BEYOND SKIN คือวาระด้านความยั่งยืน และความมุ่งมั่นด้านสิ่งแวดล้อมของไบเออร์สด๊อรฟ ที่สร้างขึ้นบนหลักของวิทยาศาสตร์ เช่น เป้าหมายด้านสภาพอากาศของเราได้รับการตรวจสอบโดยโครงการริเริ่มเป้าหมายตามหลักวิทยาศาสตร์ (the Science Based Targets) และมุ่งไปที่การลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้ได้ 30% อย่างครบถ้วนทั้ง scope 1-3 ต่อไปถึงปี 2568 ที่เป็นพันธกิจหลักของอุตสาหกรรมด้านการดูแลผิวพรรณ"

นางสาวสเตฟานี แบร์โรล รองประธานกรรมการอาวุโส ภูมิภาคอาเซียน บริษัท ไบเออร์สด๊อรฟ กล่าวเสริมว่า "โรงงานผลิตของ ไบเออร์สด๊อรฟ ในประเทศไทย ได้ยึดแนวทางเดียวกันในกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ความสำเร็จที่เห็นเป็นรูปธรรมจนถึงปัจจุบัน รวมตั้งแต่การปรับปรุงการกำจัดของเสีย การฝังกลบขยะนับเป็นศูนย์ตั้งแต่ปี 2559 ตลอดจนการใช้นวัตกรรมในการผลิตที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนได้ถึง 43% อีกด้วย ปัจจุบันการใช้ไฟฟ้า 100% ได้มาจากแหล่งพลังงานทางเลือก ผลิตภัณฑ์ดูแลและทำความสะอาดผิวพรรณเลือกใช้พลาสติกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หรือมีส่วนผสมที่ย่อยสลายเองได้ และยังได้มีการพัฒนาบรรจุภัณฑ์รักษ์โลกขึ้นเพื่อนำมาใช้งานอีกด้วย นับจากปี 2564 เป็นต้นมา ผลิตภัณฑ์นีเวียทั้งหมดปราศจากไมโครพลาสติกหรือเม็ดพลาสติกแบบ 100% เช่นเดียวกันกับผลิตภัณฑ์ นีเวีย ซัน ที่พัฒนาสารกันแดดให้ไม่เป็นอันตรายต่อปะการัง เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และไม่ผสมสารออกซีเบนโซน (Oxybenzone) (เบนโซฟีนอล-3 Benzophenone, BP-3) อ็อกทิโนเซต (Octinoxate (เอทิลเฮกซิล เมทอกซีซินนาเมต (Ethylhexyl methoxycinnamate) 4-เมทิลเบนซีลิด คัมพอร์ (4-Methylbenzylid Camphor-4MBC) และบูทิลพาราเบน (Butylparaben) ซึ่งล้วนเป็นสารที่ก่ออันตรายต่อแนวปะการังทั้งสิ้น ไบเออร์สด๊อรฟให้คำมั่นที่จะเดินหน้าอย่างต่อเนื่องในการวิจัยและพัฒนาเพื่อให้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวพรรณเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมยิ่ง ๆ ขึ้นไป"

ความสำเร็จที่แข็งแกร่งในทั้งสามมิติของ CDP

ในปี 2566 ไบเออร์สด๊อรฟ บรรลุความสำเร็จอีกขั้นบนเส้นทางของการดูแลสภาพภูมิอากาศด้วยการเปิดศูนย์การผลิตแห่งใหม่ขึ้นที่เมืองไลพ์ซิช ประเทศเยอรมนี ที่โรงงานแห่งนี้เป็นไปตามมาตรฐานสูงสุดด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน ดำเนินงานโดยใช้ไฟฟ้าพลังงานทดแทนและไบโอแก๊สสำหรับการกำเนิดความร้อน ในอนาคต ไบเออร์สด๊อรฟ วางแผนที่จะพัฒนาโรงงานแห่งนี้ให้เป็นไซต์งาน "Energy+" ที่สร้างพลังงานที่ยั่งยืนได้มากกว่าที่ใช้ไปกับการปฏิบัติงาน

เพื่อปกป้องผืนป่าซึ่งมีความสำคัญต่อการช่วยบรรเทาภาวะการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และเป็นแหล่งของความหลากหลายทางชีวภาพตามธรรมชาติ ไบเออร์สด๊อรฟได้ตอกย้ำให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่ต้องการสนับสนุนเกษตรกรรายย่อยให้ปลูกปาล์มน้ำมันในวิถีที่ยั่งยืนให้มากขึ้น ไบเออร์สด๊อรฟจึงได้ร่วมมือกับพันธมิตรที่เคียงข้างกันมาอย่างยาวนาน อย่างองค์กร WWF ประเทศเยอรมนี ในการขยายโครงการในเขตพื้นที่กะลิมันตันตะวันตกของประเทศอินโดนีเซีย ที่ตั้งเป้ารองรับสมาชิกกลุ่มเกษตรกรจำนวน 200 รายที่เป็นไปตามการรับรองมาตรฐานน้ำมันปาล์มอย่างยั่งยืน (the international Roundtable on Sustainable Palm Oil (RSPO)) ภายในปี 2569

อีกประการที่ขาดไม่ได้คือ น้ำ บริษัทได้ให้ความสำคัญเกี่ยวกับ น้ำ เพราะบริษัทที่ทำกิจการด้านการดูแลผิวพรรณนั้น น้ำเป็นส่วนประกอบพื้นฐานสำหรับผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ  ดังนั้นน้ำจึงมีบทบาทสำคัญในกระบวนการผลิตและช่วงเวลาที่ใช้ผลิตภัณฑ์ด้วย ไบเออร์สด๊อรฟ และองค์กร WWF ประเทศเยอรมนี ทำงานร่วมกันอย่างต่อเนื่องด้านการจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน ที่รวมถึงการวางแผนและการจัดการทรัพยากรน้ำอย่างรับผิดชอบผ่านกระบวนการที่รวมผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้องในโรงงานผลิตและการดำเนินงานตามพื้นที่กักเก็บน้ำ โดยส่วนหนึ่งของความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับองค์กร WWF ประเทศเยอรมนี คือไบเออร์สด๊อรฟได้ดำเนินการวิเคราะห์ความเสี่ยงด้านน้ำแบบครบวงจร และจะนำเป้าหมายด้านน้ำระยะยาวตามบริบทที่ตั้งไว้ตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทานมาปฏิบัติจริงในไม่ช้า

ที่มา: Spark Communications

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๐๔ พ.ค. Siriraj Education Expo 2024 ก้าวสู่ยุคใหม่ไปกับศิริราช พร้อมยกระดับทางการแพทย์ให้ดีขึ้น เพื่อสุขภาวะที่ดีของคนไทยทุกคน
๐๓ พ.ค. ครั้งแรก! งานเทศกาลคอนเทนต์ LGBTQ ฉลองความเท่าเทียมทางเพศ THAILAND INTERNATIONAL LGBTQ FILM TV FESTIVAL 2024 ปักหมุดเตรียมพบกัน กันยายนนี้
๐๓ พ.ค. โน วัน เอลส์ ส่ง 3 เพลงรัก 3 สไตล์! ผ่านมิวสิกซี่รีย์ ที่จะทำให้คุณเข้าใจความรักมากขึ้น
๐๓ พ.ค. ทีซีเอ็มซีมอบรางวัลประกวดการออกแบบผลงานด้านผลิตภัณฑ์อคูสติกส์
๐๓ พ.ค. GT Auto ฉลองแชมป์ยอดขาย Volvo จัดงาน มหกรรม GT Auto Show ลดสูงสุด 1,000,000 บาท พร้อมชูบริการ GT Auto Exclusive Service
๐๓ พ.ค. กทม. เตรียมพร้อมให้บริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ในกลุ่มเสี่ยงและนักเรียนในสังกัด
๐๓ พ.ค. กรมส่งเสริมการเกษตร ประชุมคณะทำงานความร่วมมือด้านการรับรองแหล่งผลิตพืชฯ (GAP พืช) ครั้งที่ 1/2567
๐๓ พ.ค. First Sale! realme 12 5G และ realme 12X 5G สัมผัสประสบการณ์ Portrait Master กับกล้องซูม 3X in sensor
๐๓ พ.ค. CRYSTALLIZING ใหม่! โดย SHISEIDO PROFESSIONAL อัปเกรดกลุ่มผลิตภัณฑ์ยืด-ดัดผม ชูเทคโนโลยีสุดล้ำ DUAL PERFORMANCE SYSTEM
๐๓ พ.ค. บัลเลต์ รีทรีต บนเกาะมัลดีฟส์ กลับมาอีกครั้ง ที่ อวานี พลัส แฟเรส โดย คาร์ริส สการ์เลต นักเต้นบัลเลต์ชื่อดัง