ตลาดหุ้นไทยต้องติดตามความเสี่ยง จากผลการประชุม 3 ธนาคารกลางสำคัญของโลก

จันทร์ ๑๘ มีนาคม ๒๕๖๗ ๑๕:๒๙
นักวิเคราะห์ KTX มองตลาดหุ้นไทยยังได้อานิสงค์เชิงบวกจากหลายปัจจัย แต่ยังต้องติดตามความเสี่ยงจากผลการประชุม 3 ธนาคารกลางสำคัญของโลกในสัปดาห์นี้
ตลาดหุ้นไทยต้องติดตามความเสี่ยง จากผลการประชุม 3 ธนาคารกลางสำคัญของโลก

นายณัฐวุฒิ จันทนะจุลพงศ์ นักกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์กรุงไทย เอ็กซ์สปริง จำกัด หรือ KTX กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยยังคงได้รับอานิสงค์เชิงบวกจาก การคลายความกังวลเศรษฐกิจชะลอตัวของไทย จากแนวโน้มการเร่งรัดเบิกจ่ายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ที่มีความชัดเจนมากขึ้น ผลบวกจากตลาดหุ้นจีนซื้อ-ขายในระดับ PER ที่สูงขึ้น หนุนจากตัวเลขเศรษฐกิจจีนเริ่มฟื้นตัวหลังรัฐบาลออกมาตรการกระตุ้น และกระแสการไหลกลับของเงินทุนต่างชาติ ตามการแข็งค่าของสกุลเงินเยน หลังตัวเลขเศรษฐกิจของญี่ปุ่นฟื้นตัว

ปัจจัยเหล่านี้ เรามองว่านักลงทุนไม่มีความจำเป็นที่ต้องเรียกรับส่วนชดเชยความเสี่ยงสูงกว่าปกติถึง 2 S.D. ดังเช่นช่วงที่ผ่านมา แนะนำให้ปรับกลยุทธ์ลงทุนโดยการลดระดับ MRP ลง มีนัยถึง ตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มกลับมาซื้อ-ขายในระดับ PE ที่สูงขึ้น (Re-rate) หนุนดัชนี แนะนำลงทุนในหุ้นที่ได้อานิสงส์เชิงบวกจากเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ และ การลงทุนภาครัฐ อาทิ กลุ่มก่อสร้าง, กลุ่มวัสดุก่อสร้าง, กลุ่มขนส่งทางอากาศและทางราง และ กลุ่มค้าปลีก

อย่างไรก็ตาม SET INDEX สัปดาห์นี้อาจเผชิญความผันผวนมากกว่าปกติ เนื่องจากการประชุมของธนาคารกลางสำคัญ ทั้ง FOMC BoE และ BoJ มีแนวโน้มจะเป็นไปในทิศทางที่เข้มงวดมากขึ้น หลังตัวเลขเศรษฐกิจ และเงินเฟ้อเริ่มฟื้นกลับ โดยคาด FOMC มีโอกาสปรับมุมมอง DOTPLOT ลงมาเหลือแค่ 1 ครั้ง เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยนโยบายปัจจุบัน ยังไม่สามารถกดดันเงินเฟ้ออุปสงค์ได้ดีพอที่จะทำให้เฟดตัดสินใจลดดอกเบี้ยนโยบายลง คาด BoE คงดอกเบี้ยในระดับสูงสุดต่อเนื่อง หลังเศรษฐกิจอังกฤษเริ่มฟื้นหนุนเงินเฟ้อ และจะไม่มีการส่งสัญญาณปรับลดดอกเบี้ยใน 1H24

ด้าน BoJ มีแนวโน้มยกเลิกนโยบายทางการเงินผ่อนคลายพิเศษ (Ultra easing) หลังเศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัว จากการศึกษาการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ (USD) ซึ่งมีความสัมพันธ์กับค่าเงินเยนต่อ USD หากเงินเยนแข็งค่าเทียบกับ USD หลัง BoJ ยกเลิกนโยบายทางการเงินผ่อนคลายพิเศษ เงินบาทต่อ USD ก็มีโอกาสแข็งค่ากว่าดัชนีค่าเงินดอลลาร์ ทำให้อัตราส่วนดัชนีค่าเงินดอลลาร์ ต่อ ค่าเงินบาทต่อ USD มีแนวโน้มพุ่งขึ้น เป็นนัยว่าตลาดหุ้นไทยอาจได้อานิสงส์เชิงบวกจากการไหลเข้าของเงินทุนต่างชาติ

ทั้งนี้ SET INDEX ล่าสุด (15 มี.ค.) อยู่ที่ 1,386 จุด (MRP 4.36%) อยู่ในกรอบ "เก็งกำไร" ระหว่าง 1,377-1,418 จุด (MRP 4.40%-4.20%, (+1 S.D., ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 90 วัน) แนะนำ "ลดน้ำหนักการซื้อลง โดยใช้เงินเพียงบางส่วนเพื่อเก็งกำไรเท่านั้น" โดยมีเป้าหมายในการเริ่มทยอยขายเมื่อดัชนีสูงกว่า 1,418 จุด (MRP ต่ำกว่า ค่าเฉลี่ย 90 วันเคลื่อนที่ ที่ 4.20%) หรือปรับพอร์ตการลงทุนไปยังสินทรัพย์ทางเลือกเช่น Structured Note หุ้นกู้ที่มีอนุพันธ์แฝง ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์การลงทุนที่ตอบโจทย์การลงทุนในภาวะเงินเฟ้อปรับตัวสูง การลงทุนใน KIKO หรือหุ้นกู้ที่มีอนุพันธ์แฝงระยะสั้นที่อ้างอิงสินทรัพย์คุณภาพ ทำให้มีโอกาสได้รับผลตอบแทนสม่ำเสมอเป็นรายเดือน ในอัตราที่สูงกว่าหุ้นกู้ทั่วไป สามารถตอบโจทย์ได้ดีในภาวะที่ตลาดหุ้น Sideway หรือราคาหุ้นเคลื่อนไหวในกรอบแคบ ๆ

ที่มา: บลจ.กรุงไทย

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๐:๕๙ อแมนด้า ชาร์ลีน ออบดัม VICHY LIFTACTIV BRAND PARTNER ตัวแทนประเทศไทย ร่วมงาน 'V.I.C VICHY INTEGRATIVE CENTER' อีเว้นท์สุดยิ่งใหญ่ในรอบ 5 ปี ของแบรนด์ VICHY (วิชี่) อวดลุคเซ็กซี่สุดฮอต สวย ปัง
๒๖ เม.ย. ไทยพีบีเอสผนึกกำลัง สสส. ผลิต และเผยแพร่เนื้อหาส่งเสริมสุขภาวะเด็ก เยาวชน และครอบครัว
๒๖ เม.ย. NPS ร่วมสืบสานประเพณีสงกรานต์ชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้า ประจำปี 2567
๒๖ เม.ย. แพทย์แผนไทย มทร.ธัญบุรี แนะฤดูร้อนควรทานพืชผักที่มีฤทธิ์เย็นช่วยลดความร้อนในร่างกาย
๒๖ เม.ย. แพรนด้า จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2566
๒๖ เม.ย. RBRU Herb Shot ขยายศักยภาพทางธุรกิจ รุกตลาดอินเดีย
๒๖ เม.ย. ไฮเออร์ ประเทศไทย เดินเกมรุกไตรมาส 2 เปิดตัวตู้เย็นรุ่นใหม่ Multi-door HRF-MD679 ตั้งเป้าปี 67 ดันยอดขายตู้เย็นโต
๒๖ เม.ย. เอ็น.ซี.ซี.ฯ ประกาศจัดงาน PET EXPO THAILAND 2024 ระดมสินค้า บริการ ลดหนักจัดเต็ม รับกระแส Petsumer ดันตลาดสัตว์เลี้ยงโตแรง
๒๖ เม.ย. ธอส. ขานรับนโยบายรัฐบาล ลดอัตราดอกเบี้ย MRR 0.25% ต่อปี พร้อมส่งเสริมวินัยการออม ด้วย เงินฝากออมทรัพย์เก็บออม ดอกเบี้ยสูงถึง 1.95%
๒๖ เม.ย. ManageEngine ลดความซับซ้อน ช่วยองค์กรจัดการต้นทุนบนคลาวด์ทั่วมัลติคลาวด์ได้ง่ายขึ้น พร้อมรองรับแพลตฟอร์ม Google Cloud