จากการที่ประเทศไทยมีอัตราการถือบัตรเครดิตที่ค่อนข้างต่ำ (22.6% ตามข้อมูลจากธนาคารโลก) และผู้บริโภคคนไทยวิธีการชำระเงินทางเลือกที่ไม่ใช่เงินสดหรือบัตรเครดิต จึงทำให้เกิดวิธีการชำระเงินในรูปแบบดิจิทัลที่หลากหลาย เห็นได้จากการใช้บริการพร้อมเพย์อย่างแพร่หลาย มีธุรกรรมผ่านพร้อมเพย์มากถึง 19.9 พันล้านในปี 2566 ตามข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย Opn เห็นถึงแนวโน้มพฤติกรรมดังกล่าว จึงเดินหน้านำความเชี่ยวชาญด้านการชำระเงิน มาสร้างโซลูชันที่ไม่เพียงตอบโจทย์ผู้บริโภคชาวไทย (Hyper-localized) แต่ยังสามารถสนับสนุนให้ธุรกิจจากประเทศอื่นๆ ดำเนินธุจกิจในไทยได้ง่ายขึ้น
เทคโนโลยีการชำระเงินและประสบการณ์ในตลาดไทยของ Opn ร่วมกับ Worldline จะช่วยให้ธุรกิจอีคอมเมิร์ซจากต่างประเทศสามารถเข้ามาเปิดตลาดในประเทศไทย ซึ่งมีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างรวดเร็วได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยโซลูชันของ Opn และ Worldline มีจุดเด่นที่สนับสนุนการทำงานของธุรกิจได้ดังนี้
- เพิ่มอัตราการอนุมัติ (Approval Rate) ช่วยให้ผู้บริโภคในประเทศไทยสามารถชำระเงินได้สะดวกขึ้น
- รับชำระเงินด้วยบัตรเครดิต/เดบิตจากทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงบริการพร้อมเพย์ ซึ่งเป็นวิธีการชำระเงินทางเลือกที่ได้รับความนิยมมากที่สุด
- ลดค่าใช้จ่ายในการโอนเงินข้ามประเทศ เนื่องจากเชื่อมต่อกับผู้ให้บริการรับชำระเงินผ่านบัตรภายในประเทศและบริการโอนเงินไปต่างประเทศทั้งในสกุลเงินบาท และสกุลเงินอื่นๆ มากกว่า 20 ประเทศ
- ลดเวลาในการเปิดธุรกิจในประเทศไทย รวมถึงช่วยให้สามารถเริ่มธุรกิจในไทยได้อย่างราบรื่น
- ได้รับการรับรองความปลอดภัยตามมาตรฐานสากล โดยธุรกรรมผ่านบัตรทั้งหมดได้รับการประมวลผลตามมาตรฐาน PCI DSS และ 3-D Secure
- ได้รับใบอนุญาตและปฏิบัติตามข้อกำหนดทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
นายอิศราดร หะริณสุต กรรมการผู้จัดการ Opn กล่าวว่า "เรายินดีที่ได้นำประสบการณ์ในวงการเพย์เมนต์ไทยมาช่วยให้ธุรกิจอีคอมเมิร์ซพร้อมดำเนินธุรกิจในประเทศที่การชำระเงินถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างซับซ้อน รวมถึงประสบความสำเร็จในตลาดที่มีโอกาสเติบโตสูง การร่วมมือกันครั้งนี้เป็นการสร้างโซลูชันที่ตอบโจทย์ธุรกิจและสร้างประสบการณ์การชำระเงินที่ดีให้ผู้บริโภคไทย"
ด้าน Guillaume Tournand หัวหน้าฝ่ายเติบโตธุรกิจ Worldline กล่าวว่า "การร่วมมือกันระหว่าง Worldline และ Opn ครั้งนี้จะช่วยเปิดโอกาสให้ธุรกิจต่างประเทศเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยซึ่งกำลังเติบโตอย่างรวดเร็วได้"
โซลูชันสำหรับธุรกิจต่างประเทศนี้จะเปิดตัวในไตรมาสที่ 2 ของปีพ.ศ. 2567 และกำลังอยู่ในกระบวนการทดสอบกับเครือโรงแรมชื่อดัง 2 ราย
ที่มา: ไอเดีย เวิร์คส์ คอมมิวนิเคชั่นส์