กลุ่มมิตรผล ก้าวสู่ผู้นำด้านความยั่งยืนอันดับ 1 ของโลก จัดอันดับโดย S&P Global พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนองค์กรสู่เป้าหมาย Net Zero

จันทร์ ๒๕ มีนาคม ๒๕๖๗ ๑๕:๐๒
กลุ่มมิตรผล ก้าวสู่ผู้นำด้านความยั่งยืนอันดับ 1 ของโลก จัดอันดับโดย S&P Global พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนองค์กรสู่เป้าหมาย Net Zero ส่งต่อความยั่งยืนจากภาคเกษตรสู่สังคมและสิ่งแวดล้อม
กลุ่มมิตรผล ก้าวสู่ผู้นำด้านความยั่งยืนอันดับ 1 ของโลก จัดอันดับโดย SP Global พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนองค์กรสู่เป้าหมาย Net Zero

กลุ่มมิตรผล ก้าวสู่ผู้นำด้านความยั่งยืนอันดับ 1 ของโลก เป็น Industry Leader ในกลุ่มอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์อาหาร จากผลการประเมินด้านความยั่งยืนขององค์กร หรือ S&P Global Corporate Sustainability Assessment (CSA) Score 2023 ซึ่งมีกว่า 9,400 บริษัททั่วโลกเข้ารับการประเมินใน 62 อุตสาหกรรม นอกจากนี้กลุ่มมิตรผลยังได้รับคัดเลือกให้เป็นสมาชิกในรายงานความยั่งยืน "The Sustainability Yearbook Member 2024" ต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 ตอกย้ำความมุ่งมั่นสร้างการพัฒนาที่ยั่งยืนควบคู่กับการดำเนินธุรกิจ จนทำให้ได้รับผลการประเมินสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการกำหนดเป้าหมายและสร้างผลลัพธ์การพัฒนาที่ยั่งยืนจากภาคเกษตรไทยให้กับเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม พร้อมเดินหน้าปักหมุดสู่การเป็นองค์กรที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ในปี 2050

นายบรรเทิง ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการ กลุ่มมิตรผล กล่าวว่า "การพัฒนาเพื่อความยั่งยืนเป็นหัวใจสำคัญในการดำเนินธุรกิจของกลุ่มมิตรผลที่เราให้ความสำคัญและลงมือปฏิบัติจริงมาโดยตลอด ซึ่งจากการที่กลุ่มมิตรผลเติบโตมาจากภาคเกษตร ทำให้เราตระหนักเป็นอย่างดีว่าภาคอุตสาหกรรมนี้มีความเกี่ยวข้องกับผู้คนจำนวนมาก ตั้งแต่ต้นทางของวัตถุดิบการเกษตร จนถึงผู้บริโภค เราจึงใช้แนวคิด "ร่วมอยู่ ร่วมเจริญ (Grow Together)" ในการดำเนินธุรกิจมาตั้งแต่แรก และปรับปรุงให้เข้ากับยุคสมัยที่เปลี่ยนไป พร้อมยกระดับให้เทียบเท่ามาตรฐานโลกในหลากหลายมิติด้วยการใช้ความรู้ด้านการวิจัย เทคโนโลยีดิจิตอล และนวัตกรรมสมัยใหม่เข้ามาช่วยบริหารจัดการ โดยเฉพาะมาตรฐานด้านความยั่งยืนระดับโลกที่กลุ่มมิตรผลได้เข้าร่วมการประเมินความยั่งยืนขององค์กร (CSA) ซึ่งเป็นเกณฑ์การประเมินแบบเดียวกับบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ ที่มีการประเมินผล Dow Jones Sustainability Indices (DJSI) โดย S&P Global เช่นเดียวกัน ซึ่งจากการเข้าร่วมการประเมิน ทำให้เราเห็นโอกาสในการพัฒนาและยกระดับมาตรฐานในมิติต่างๆ ให้ดียิ่งขึ้น จนสามารถพัฒนาอันดับได้ดีขึ้นเรื่อยๆ จากอันดับ 17 ในการเข้าร่วมการประเมินครั้งแรกเมื่อ 6 ปีก่อน จนได้รับอันดับ 2 ในปีที่แล้ว และอันดับ 1 ในปีนี้ โดยแนวคิดเบื้องหลังการพัฒนางานด้านความยั่งยืนทั้งหมดนี้คือความเชื่อที่ว่าเราไม่สามารถเติบโตบนโลกนี้ได้เพียงลำพัง เราจึงอยากเป็นส่วนหนึ่ง
ในการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนผ่านการพัฒนาภาคเกษตรไทยให้เป็นแหล่งผลิตอาหารและพลังงานทดแทนที่มั่นคง รวมถึงโอกาสในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ในอุตสาหกรรมชีวภาพที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ที่จะช่วยสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับสังคมต่อไป"

สำหรับการประเมิน S&P Global ในปีนี้ กลุ่มมิตรผลได้คะแนนรวมสูงสุดเป็นอันดับ 1 (Top 1%) และยังทำคะแนนสูงสุดเป็นอันดับ 1 ในมิติสิ่งแวดล้อมและสังคม สำหรับการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม กลุ่มมิตรผลมีความโดดเด่นจากการดำเนินงานเพื่อลดภาวะโลกร้อน หรือ Climate Actions ที่ได้กำหนดเป้าหมายมุ่งสู่องค์กรที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ หรือ Net Zero ในปี 2050 และได้มีการยื่นการดำเนินงานอย่างเป็นทางการกับ Science Based Targets initiative (SBTi) ซึ่งเป็นองค์กรระหว่างประเทศที่กำกับการดำเนินงานด้าน Net Zero

โดยกลุ่มมิตรผลมีแผนงานที่ครอบคลุม และมีการปฏิบัติที่เห็นผลจริงได้อย่างชัดเจน จากการดำเนินงานของอุทยานมิตรผลด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี ที่สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกกว่า 270,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า นับเป็นคอมเพล็กซ์แห่งแรกของประเทศไทยที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality Complex) ผ่านการรับรองโดยองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) โดยมีแนวทางดำเนินการหลัก คือ 1) การใช้พลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมจากการหมุนเวียนวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร และการใช้ระบบพลังงานแสงอาทิตย์ในการผลิตไฟฟ้า ช่วยลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้กว่า 185,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า 2) ระบบบริหารจัดการน้ำเสียที่นำเทคโนโลยีการบำบัดแบบตะกอนเร่งซึ่งมีประสิทธิภาพสูงมาใช้แทนระบบเดิม ทำให้สามารถนำน้ำที่ผ่านการบำบัดกลับมาใช้ประโยชน์ได้ และช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้กว่า 10,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า และ 3) การชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจำนวน 75,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า จากคาร์บอนเครดิตที่กลุ่มมิตรผลได้รับจากการเข้าร่วมโครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจ ตามมาตรฐานของประเทศไทย (Thailand Voluntary Emission Reduction Program: T-VER) นอกจากนี้ยังมีเป้าหมายในการขับเคลื่อนอุทยานมิตรผลภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ รวมถึงโรงงานในกลุ่มมิตรผลให้ก้าวสู่การเป็น Carbon Neutral Complex และขยายผลการดำเนินงานเพื่อสร้างระบบนิเวศที่ลดคาร์บอน ครอบคลุมตั้งแต่การดำเนินงานภายในโรงงาน กลุ่มซัพพลายเชน การชดเชยการปล่อยคาร์บอนฯ ไปจนถึงการลงทุนในธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และการสร้างพันธมิตรในการเพิ่มคุณค่าทางเศรษฐกิจ

ไม่เพียงเท่านี้ กลุ่มมิตรผลยังได้รับผลการประเมินดัชนีชี้วัดความยั่งยืนด้านการบริหารจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในกลุ่ม Food & Beverage Process จาก CDP (Carbon Disclosure Project) ในระดับ B ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของโลกและภูมิภาคเอเชียที่อยู่ในระดับ C โดย CDP เป็นองค์กรเพื่อสาธารณประโยชน์ด้านการบริหารการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่มีมาตรฐานการเปิดเผยข้อมูลคาร์บอนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่สำคัญต่อโลก และยังเป็นองค์กรที่นักลงทุนและผู้มีส่วนได้เสียกลุ่มต่างๆ ให้ความเชื่อมั่นมากที่สุดองค์กรหนึ่งของโลกอีกด้วย

สำหรับด้านสังคม กลุ่มมิตรผลมุ่งมั่นส่งเสริมเกษตรกรให้มีความรู้ มีทักษะ สามารถปรับตัวให้เท่าทันสถานการณ์ด้านสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไป ผ่านการถ่ายทอดแนวทางการทำไร่สมัยใหม่ "มิตรผล โมเดิร์นฟาร์ม" ที่นำเทคโนโลยีดิจิตอล และนวัตกรรมการบริหารจัดการ มาผสมผสานให้เป็นแนวทางทำเกษตรที่แม่นยำ เพิ่มผลผลิต ลดต้นทุน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน รวมถึงรับซื้อใบอ้อยหลังตัดเพื่อนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้าชีวมวลและเป็นรายได้เสริมให้เกษตรกรซึ่งเป็นทางหนึ่งในการสนับสนุนให้เกษตรกรตัดอ้อยสด ลดการเผา อีกทั้งยังส่งเสริมการพัฒนาชุมชนเพื่อสร้างแหล่งอาหารปลอดภัยและสร้างกลุ่มอาชีพให้ชุมชนเข้มแข็งพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืนกลุ่มมิตรผล ยังคงมุ่งมั่นขับเคลื่อนการดำเนินงานเพื่อสร้างการพัฒนาที่ยั่งยืนตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนแห่งสหประชาชาติ (SDG Goals) ในด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม พร้อมเดินหน้าสู่เป้าหมายการเป็นองค์กร Net Zero ในปี 2050 เพื่อสนับสนุนการแก้ไขภาวะโลกร้อนของประเทศไทยและนานาประเทศทั่วโลก

ที่มา: ฮิลล์ แอนด์ นอลตัน สแตรทิจีส์

กลุ่มมิตรผล ก้าวสู่ผู้นำด้านความยั่งยืนอันดับ 1 ของโลก จัดอันดับโดย SP Global พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนองค์กรสู่เป้าหมาย Net Zero

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๗ เม.ย. อแมนด้า ชาร์ลีน ออบดัม VICHY LIFTACTIV BRAND PARTNER ตัวแทนประเทศไทย ร่วมงาน 'V.I.C VICHY INTEGRATIVE CENTER' อีเว้นท์สุดยิ่งใหญ่ในรอบ 5 ปี ของแบรนด์ VICHY (วิชี่) อวดลุคเซ็กซี่สุดฮอต สวย ปัง
๒๖ เม.ย. ไทยพีบีเอสผนึกกำลัง สสส. ผลิต และเผยแพร่เนื้อหาส่งเสริมสุขภาวะเด็ก เยาวชน และครอบครัว
๒๖ เม.ย. NPS ร่วมสืบสานประเพณีสงกรานต์ชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้า ประจำปี 2567
๒๖ เม.ย. แพทย์แผนไทย มทร.ธัญบุรี แนะฤดูร้อนควรทานพืชผักที่มีฤทธิ์เย็นช่วยลดความร้อนในร่างกาย
๒๖ เม.ย. แพรนด้า จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2566
๒๖ เม.ย. RBRU Herb Shot ขยายศักยภาพทางธุรกิจ รุกตลาดอินเดีย
๒๖ เม.ย. ไฮเออร์ ประเทศไทย เดินเกมรุกไตรมาส 2 เปิดตัวตู้เย็นรุ่นใหม่ Multi-door HRF-MD679 ตั้งเป้าปี 67 ดันยอดขายตู้เย็นโต
๒๖ เม.ย. เอ็น.ซี.ซี.ฯ ประกาศจัดงาน PET EXPO THAILAND 2024 ระดมสินค้า บริการ ลดหนักจัดเต็ม รับกระแส Petsumer ดันตลาดสัตว์เลี้ยงโตแรง
๒๖ เม.ย. ธอส. ขานรับนโยบายรัฐบาล ลดอัตราดอกเบี้ย MRR 0.25% ต่อปี พร้อมส่งเสริมวินัยการออม ด้วย เงินฝากออมทรัพย์เก็บออม ดอกเบี้ยสูงถึง 1.95%
๒๖ เม.ย. ManageEngine ลดความซับซ้อน ช่วยองค์กรจัดการต้นทุนบนคลาวด์ทั่วมัลติคลาวด์ได้ง่ายขึ้น พร้อมรองรับแพลตฟอร์ม Google Cloud