"มาห์เลประสบความสำเร็จในการถ่ายทอดความเชี่ยวชาญด้านส่วนประกอบเครื่องยนต์ที่สั่งสมมายาวนานถึง 100 ปีไปสู่อนาคต โดยผลิตภัณฑ์ลูกสูบและส่วนประกอบที่ทันสมัยอื่น ๆ ของเราทำให้เครื่องยนต์สันดาปภายในสามารถรองรับการใช้เชื้อเพลิงไฮโดรเจนได้ ซึ่งจะนำไปสู่ความเป็นกลางทางสภาพภูมิอากาศในที่สุด" ดร. โรเจอร์ บุช (Dr. Roger Busch) คณะกรรมการบริหารและหัวหน้าฝ่ายขายของมาห์เล กล่าว "ปัจจุบัน เราสามารถตอบสนองความคาดหวังของลูกค้าได้เป็นอย่างดีทั้งในแง่ของสมรรถนะ ประสิทธิภาพ และอายุการใช้งาน"
มาห์เลประสบความสำเร็จในการพัฒนาส่วนประกอบเครื่องยนต์ให้สามารถรองรับการใช้เชื้อเพลิงไฮโดรเจนได้ โดยผลการทดสอบต่าง ๆ ที่ศูนย์ทดสอบไฮโดรเจนของบริษัทในเมืองชตุทท์การ์ทเป็นเครื่องยืนยันถึงความพร้อมในการนำเทคโนโลยีเครื่องยนต์ไฮโดรเจนเข้าสู่สายการผลิตจริง โดยหน่วยเซลล์พลังงานไฮโดรเจนของมาห์เลช่วยลดการใช้น้ำมันของมอเตอร์และลดการรั่วไหลของก๊าซไฮโดรเจนเข้าไปในห้องข้อเหวี่ยงได้ ทำให้มอเตอร์ทำงานได้อย่างเสถียรและมีประสิทธิภาพ
ไฮโดรเจนเป็นเชื้อเพลิงหมุนเวียนที่มีศักยภาพสูงสุดในการลดการปล่อยคาร์บอนจากการขนส่งในปัจจุบัน โดยมาห์เลมีความเชี่ยวชาญเชิงลึกด้านระบบและส่วนประกอบสำหรับเครื่องยนต์ไฮโดรเจน รวมถึงระบบส่งกำลังเซลล์เชื้อเพลิง ซึ่งมีศักยภาพในการสร้างความเปลี่ยนแปลงในภาคการขนส่ง เพื่อลดการปล่อยคาร์บอนและบรรเทาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ปัจจุบัน มาห์เลกำลังดำเนินโครงการพัฒนาเครื่องยนต์ไฮโดรเจนเกือบ 30 โครงการสำหรับลูกค้าทั้งภาคการขนส่งและภาคอุตสาหกรรม หนึ่งในนั้นคือการคว้าสัญญาจากบริษัท แมน ทรัค แอนด์ บัส ซึ่งเป็นผู้ผลิตยานยนต์อีกรายหนึ่งที่เริ่มเดินสายการผลิตโดยใช้ชิ้นส่วนเครื่องยนต์จากมาห์เล นอกจากนั้นบริษัทยังวางแผนเปิดตัวร่วมกับลูกค้ารายอื่น ๆ ในปี 2568 ที่กำลังจะมาถึงนี้ด้วย
ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้และรูปภาพประกอบมีการเผยแพร่ในห้องข่าวของมาห์เลที่ https://newsroom.mahle.com/press/en/
ลิขสิทธิ์รูปภาพ: (1) มาห์เล จีเอ็มบีเอช, (2) แมน ทรัค แอนด์ บัส
เกี่ยวกับมาห์เล
มาห์เล คือ ซัพพลายเออร์และพาร์ทเนอร์ชั้นนำด้านการวิจัยและพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ระดับนานาชาติ โดยมีลูกค้าทั้งในภาคส่วนรถยนต์นั่งส่วนบุคคลและยานยนต์เพื่อการพาณิชย์ กลุ่มบริษัทเทคโนโลยีแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2463 และปัจจุบันกำลังพัฒนาการเดินทางแห่งอนาคตที่มีความเป็นกลางทางสภาพภูมิอากาศ โดยมุ่งเน้นไปที่ระบบขับเคลื่อนยานยนต์ไฟฟ้าและการจัดการความร้อน รวมถึงเทคโนโลยีอื่น ๆ ที่ช่วยลดการปล่อยคาร์บอน เช่น เซลล์เชื้อเพลิง หรือเครื่องยนต์สันดาปภายในที่สะอาดและมีประสิทธิภาพสูงซึ่งใช้เชื้อเพลิงหมุนเวียนอย่างไฮโดรเจน เป็นต้น ทุกวันนี้รถยนต์หนึ่งในสองคันทั่วโลกต่างใช้ส่วนประกอบจากมาห์เล
ในปี 2566 มาห์เลทำยอดขายได้เกือบ 13,000 ล้านยูโร บริษัทมีพนักงานมากกว่า 72,000 คนประจำอยู่ในฐานการผลิต 148 แห่งและศูนย์เทคโนโลยี 11 แห่ง โดยบริษัทมีการดำเนินงานใน 29 ประเทศ (แก้ไขล่าสุด: 31 ธันวาคม 2566)
#weshapefuturemobility