ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด กล่าวว่า ไปรษณีย์ไทยมุ่งมั่นพัฒนาเครือข่ายการขนส่งให้ตอบโจทย์ธุรกิจยุคใหม่ที่ต้องการความรวดเร็ว แม่นยำ และคุ้มค่า เพื่อให้ไปรษณีย์ไทยเป็นพันธมิตรที่ช่วยขับเคลื่อนอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ของประเทศได้อย่างยั่งยืนโดยมีกลยุทธ์สำคัญคือการพัฒนาระบบขนส่งให้สอดคล้องกับพัสดุ (Parcel Define Logistics) ไม่ว่าจะเป็นพัสดุชิ้นเล็ก ชิ้นใหญ่ มีน้ำหนักมากหรือพัสดุที่ต้องการการดูแลพิเศษ ซึ่ง EMS ส่งด่วนผลไม้ เป็นหนึ่งในโซลูชันที่ช่วยเพิ่มศักยภาพการขนส่งผลไม้ถึงมือผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยในปี 2567 ที่ผ่านมา EMS ส่งด่วนผลไม้มียอดการส่งเติบโตจากปี 2566 กว่า 5.87% จากจุดเด่นที่สำคัญ ได้แก่ เครือข่ายขนส่งครอบคลุมทั่วประเทศ ช่วยให้การกระจายสินค้าผลไม้สดเป็นไปอย่างสะดวก มีมาตรฐานการขนส่งที่รักษาคุณภาพ กระบวนการคัดแยกและดูแลพัสดุอย่างพิถีพิถัน เพื่อให้มั่นใจว่าสินค้าถึงมือผู้รับอย่างรวดเร็วในสภาพสมบูรณ์และคงความสดใหม่ นอกจากนี้ยังมีราคาค่าขนส่งที่คุ้มค่าเริ่มต้นเพียง 3 กิโลกรัม 60 บาท โดยผลไม้ที่นิยมส่งได้แก่ ทุเรียน ลำไย มังคุด เงาะ มะยงชิด และส้มโอ"
ไปรษณีย์ไทยยังคงมุ่งมั่นพัฒนาโซลูชันด้านโลจิสติกส์ที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค และภาคธุรกิจ เพื่อส่งต่อ "ความคิดถึงรสผลไม้" ถึงมือผู้รับคนสำคัญ พร้อมค่าส่งราคาพิเศษสำหรับลูกค้า กลุ่มเกษตรกรหรือผู้ประกอบการร้านค้าผลไม้ ทั้งแบบเหมากะบะเริ่มต้น 25 กิโลกรัม 260 บาท และเหมา Roll pallet เริ่มต้น 900 บาท นอกจากนี้ยังมีกล่องและตระกร้าที่ออกแบบสำหรับการขนส่งผลไม้โดยเฉพาะ โดยกล่องผลไม้มี 3 ขนาดราคาเริ่มต้น 20 บาทและตระกร้าผลไม้มี 3 ขนาดราคาเริ่มต้น 30 บาท ทั้งนี้สามารถใช้บริการได้ ณ ที่ทำการไปรษณีย์ทั่วประเทศ หรือเรียกพี่ไปรฯเข้ารับฝากถึงที่ (Pick Up Service) ได้ฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ทางไลน์ @Thailandpost
ที่มา: เจซีแอนด์โค คอมมิวนิเคชั่นส์