โรงพยาบาลเอส สไปน์ โรงพยาบาลเฉพาะทางด้านกระดูกสันหลังแห่งแรกของไทย เปิดตัว "THE SPINE T-SHIRT" นวัตกรรมการสื่อสารสุขภาพแนวใหม่ที่จะเปลี่ยนวิธีคิดและการรับรู้เกี่ยวกับการรักษาปัญหาสุขภาพกระดูกสันหลังอย่างถูกวิธี
เสื้อยืดนวัตกรรมชิ้นนี้ถูกออกแบบพิเศษให้จำลองภาพการบาดเจ็บของกระดูกสันหลังที่เกิดจากพฤติกรรมประจำวันที่หลายคนมองข้าม ไม่ว่าจะเป็นการก้มหน้าใช้สมาร์ทโฟนเป็นเวลานาน การนั่งทำงานในท่าเดิมหลายชั่วโมง หรือการซ้อนรถจักรยานยนต์ในท่าที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งล้วนเป็นต้นเหตุของอาการปวดหลังที่อาจลุกลามจนเกิดเป็นปัญหาสุขภาพเรื้อรังในอนาคต
"เรารักษาผู้ป่วยกว่า 100,000 ราย และพบว่าวิธีแบบดั้งเดิมไม่ใช่คำตอบสุดท้าย"
จากประสบการณ์การก่อตั้งโรงพยาบาลเฉพาะทางด้านกระดูกสันหลังตั้งแต่ปี 2560 และการดูแลผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติกว่า 100,000 ราย ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของโรงพยาบาลเอส สไปน์ได้ค้นพบข้อเท็จจริงสำคัญว่า วิธีการรักษาแบบดั้งเดิมเช่น การนวด การฝังเข็ม การจัดกระดูก หรือแม้แต่การใช้ยา มักไม่สามารถแก้ไขปัญหาอาการปวดหลังได้อย่างตรงจุดและยั่งยืน
"เราต้องการเปลี่ยนวิธีคิดของคนในสังคม ให้เห็นว่าการดูแลสุขภาพกระดูกสันหลังไม่ใช่เรื่องยาก หากเราเริ่มตระหนักและใส่ใจตั้งแต่วันนี้" นายแพทย์ดิตถพงษ์ บุญอำพล ศัลยแพทย์และผู้บริหารโรงพยาบาลเอส สไปน์กล่าว
เสื้อยืดที่มากกว่าแฟชั่น - สื่อสารสุขภาพที่จับต้องได้
"THE SPINE T-SHIRT" ถูกออกแบบให้เป็นมากกว่าเสื้อผ้าทั่วไป แต่เป็นเครื่องมือสื่อสารทางการแพทย์ที่ทรงพลัง ช่วยถ่ายทอดข้อมูลความรู้เชิงลึกให้กลายเป็นประสบการณ์ที่จับต้องได้และเข้าใจง่าย ภาพกราฟิกบนเสื้อสามารถสื่อสารความเสียหายที่เกิดขึ้นกับกระดูกสันหลังจากพฤติกรรมต่างๆ ได้อย่างชัดเจน กระตุ้นให้ผู้พบเห็นเกิดความตระหนักรู้และหันมาใส่ใจสุขภาพกระดูกสันหลังอย่างจริงจัง
นวัตกรรมสื่อสารสุขภาพชิ้นนี้นับเป็นการผสมผสานระหว่างศาสตร์การแพทย์เฉพาะทางและศิลปะการออกแบบเข้าด้วยกัน เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงในสังคม โดยมุ่งเน้นการป้องกันปัญหาตั้งแต่ต้นทาง แทนที่จะรอให้เกิดอาการบาดเจ็บแล้วค่อยหาทางรักษา
"ปวดหลัง" ปัญหาที่คนไทยไม่ควรมองข้าม
โรงพยาบาลเอส สไปน์ หวังว่านวัตกรรม "THE SPINE T-SHIRT" จะเป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างความตระหนักรู้เรื่องการดูแลสุขภาพกระดูกสันหลังอย่างถูกวิธี และกระตุ้นให้ประชาชนเข้าใจถึงความสำคัญของการรักษาโดยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้นและปราศจากความเจ็บปวดในระยะยาว
หมายเหตุ: โรงพยาบาลเอส สไปน์ แอนด์ เนิร์ฟ ได้เปลี่ยนชื่อเป็น โรงพยาบาลเอส สไปน์
ที่มา: โรงพยาบาลเอส สไปน์
