"เอกา โกลบอล" ประเมินโอกาสธุรกิจบรรจุภัณฑ์ยืดอายุอาหารรับมือ 'ทรัมป์' สบจังหวะโอกาสผู้ประกอบการขยายตลาดใหม่กับกลุ่มประเทศคู่ค้า BIMSTEC

พุธ ๒๓ เมษายน ๒๕๖๘ ๑๑:๓๕
"เอกา โกลบอล" ผู้นำตลาดนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์แห่งอนาคตช่วยยืดอายุอาหาร จับตามองผลกระทบจากมาตรการขึ้นภาษีตอบโต้รายประเทศของ "ทรัมป์" กดภาคการส่งออกอาหารและอาหารสัตว์เลี้ยงไทย เร่งเตรียมความพร้อมรับมือ - ลดความเสี่ยง แม้ลูกค้ายังไม่ส่งสัญญาณลดคำสั่งซื้อ มั่นใจนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ช่วยยืดอายุอาหารได้เปรียบตลาดและมีดีมานด์สูง แนะผู้ประกอบการส่งออกอาหารมองโอกาสในตลาดใหม่ๆ ที่มีอัตราการเติบโตสูง เช่น อินเดีย และประเทศคู่ค้าในกลุ่ม BIMSTEC
เอกา โกลบอล ประเมินโอกาสธุรกิจบรรจุภัณฑ์ยืดอายุอาหารรับมือ 'ทรัมป์' สบจังหวะโอกาสผู้ประกอบการขยายตลาดใหม่กับกลุ่มประเทศคู่ค้า BIMSTEC

นายชัยวัฒน์ นันทิรุจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอกา โกลบอล จำกัด (EKA GLOBAL) ผู้นำตลาดนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ยืดอายุอาหาร (Longevity Packaging) แบรนด์คนไทยเบอร์ใหญ่อันดับต้น ๆ ของโลก เปิดเผยว่า ยังคงเป็นประเด็นที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิดสำหรับแนวทางการรับมือของภาครัฐและผลกระทบจากมาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ของรัฐบาลทรัมป์ 2.0 โดยไทยเองถูกตั้งอัตราภาษีนำเข้าที่สหรัฐฯ สูงถึง 36% และแม้ว่าทรัมป์มีประกาศเลื่อนผลบังคับใช้อัตราภาษีใหม่ออกไปอีก 90 วัน เพื่อให้แต่ละประเทศมีโอกาสเจรจา แต่ยังคงอัตราภาษีนำเข้าขั้นต่ำทุกประเทศไว้ที่ 10% มองว่ามาตรการภาษีตอบโต้รายประเทศของทรัมป์ยังคงเป็นความเสี่ยงสำคัญที่สร้างความไม่แน่นอนกดดันการค้าระหว่างประเทศ และเศรษฐกิจโลก

ทั้งนี้ ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ได้ประเมินผลกระทบต่อมูลค่าการส่งออกของไทย คาดจะลดลงประมาณ 1 - 1.5 แสนล้านบาท มีผลกระทบต่อการจีดีพีไทยราว 0.7 - 0.9% ซึ่งตัวเลขนี้เป็นเพียงประมาณการณ์ความเสียหายเบื้องต้นเท่านั้น โดยสถานการณ์การค้าโลกที่ชะลอตัวและมีความไม่แน่นอนสูงจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยอย่างมาก โดยเฉพาะภาคการส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐอเมริกา และมีผลกระทบทางอ้อมจากเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าอื่น ๆ ที่ชะลอตัว หรือ แม้แต่ความเสี่ยงด้านการแข่งขันทางการค้าในอนาคตที่รุนแรงขึ้น ฯลฯ

"อุตสาหกรรมอาหารไทยน่าจะได้รับผลกระทบโดยตรง โดยเฉพาะอาหารแปรรูป ซึ่งเดิมมีอัตราภาษี 0% การปรับขึ้นภาษีจะทำให้ความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการไทยลดลง เช่นเดียวกับอุตสาหกรรมอาหารสัตว์เลี้ยง ซึ่งมีมูลค่าสินค้าส่งออกไปสหรัฐฯ ในปี 2567 สูงเป็นอันดับต้น ๆ จะได้ผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่อย่างไรก็ตามผลิตภัณฑ์จากประเทศไทยนั้นมีคุณภาพเป็นที่ยอมรับจากทั่วโลก เชื่อว่าเรายังมีโอกาสของการส่งออกไปยังประเทศอื่นๆได้"

นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า ฝ่ายกลยุทธ์ของบริษัทฯ ยังคงติดตามสถานการณ์และเตรียมแผนงานรับมือเพื่อลดความเสี่ยง แม้ว่าขณะนี้ ยังคงไม่เห็นสัญญาณการปรับลดคำสั่งซื้อลดลงจากทั้งสองกลุ่มลูกค้าหลัก ทั้งกลุ่มอาหารพร้อมรับประทาน (Ready-To-Eat) และอาหารสัตว์เลี้ยงพรีเมียม (Pet-Food) ขณะที่ตลาดอินเดีย ซึ่งบริษัทฯ ได้เข้าไปตั้งโรงงานแห่งใหม่ที่เมืองปูเน่ จะเน้นรับรองตลาดในประเทศอินเดียเป็นหลักก็ตาม

"ตลาดอินเดียเป็นตลาดใหญ่จากจำนวนประชากรที่มีกว่า 1.4 พันล้านคน แม้จะมีความแตกต่างเรื่องวัฒนธรรมในแต่ละภูมิภาค แต่ประชากรในวัยหนุ่มสาวและคนทำงานส่วนใหญ่มีการเข้าถึงเทคโนโลยีที่ทันสมัย พฤติกรรมการบริโภคเปลี่ยนไป มีความรู้ความเข้าใจในการบริโภคเทรนด์ใหม่ๆ ทำให้ความต้องการในตลาดอาหารแบบ Ready to Eat เพิ่มมากขึ้น หากผู้ประกอบการไทย ศึกษาความต้องการของตลาดและลูกค้าให้ดีเชื่อว่ามีโอกาสในตลาดอินเดียและภูมิภาคนี้อยู่มาก โดยเฉพาะประเทศไทยอยู่ในกลุ่มคู่ค้า BIMSTEC ความริเริ่มแห่งอ่าวเบงกอล ซึ่งมีประเทศในกลุ่ม 7 ประเทศ บังกลาเทศ อินเดีย ศรีลังกา และไทย เนปาลและละภูฏาน อาจจะเป็นโอกาสในการส่งออกและทำการค้าขายกับประเทศเหล่านี้ได้เพิ่มมากขึ้น"

ทั้งนี้ บริษัทฯ มองว่า บรรจุภัณฑ์ที่มีนวัตกรรมช่วยยืดอายุอาหาร ยังคงมีข้อได้เปรียบและมีความต้องการใช้ทั่วโลกสูง เพราะเป็นบรรจุภัณฑ์ที่ตอบโจทย์วิถีชีวิตของคนยุคใหม่มากที่สุด และคนทั่วโลกต่างมองหานวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ที่ปลอดภัยต่ออาหาร สะดวกใช้ และช่วยให้การใช้ชีวิตง่ายขึ้น ซึ่งบรรจุภัณฑ์ของบริษัทฯ ใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีขั้นสูงในการผลิต สามารถรักษาอายุของอาหารได้นานสุดกว่า 2 ปี ไม่มีสารปนเปื้อนไม่มีสารก่อมะเร็ง มีความปลอดภัย น้ำหนักเบา ง่ายต่อการขนส่ง มีดีไซน์ทันสมัย และสามารถเข้าไมโครเวฟได้ อีกทั้งยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ที่มา: เมคอะเว็ลท์ คอนซัลติ้ง

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๘:๓๓ COM7 เดินหน้าเต็มสปีด EV7 ส่งมอบแท็กซี่ไฟฟ้าล็อตแรก ดันเมกะเทรนด์ EV สู่หัวใจเมือง
๑๘:๓๖ GCAP ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ไฟเขียวผ่านฉลุยทุกวาระ พร้อมเดินหน้าแผนธุรกิจขยายสู่กลยุทธ์ Non Lending
๑๘:๔๔ PYLON จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผู้ถือหุ้นไฟเขียวจ่ายปันผล 0.04 บาท/หุ้น
๑๘:๓๙ LDC จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2568 มุ่งเป็นคลินิกทันตกรรมพรีเมียม ในราคาที่เข้าถึงง่าย
๑๘:๑๒ ผู้ถือหุ้น TATG ไฟเขียวจ่ายปันผล 0.07 บาท/หุ้น ลงทุนเครื่องจักรใหม่เสริมแกร่งสายการผลิต พิชิตเป้ารายได้ 3,000
๑๘:๕๗ ADVICE จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นรูปแบบ Hybrid ประจำปี 2568 ผถห.ไฟเขียวทุกวาระ เคาะแจกปันผล 0.175 บ./หุ้น
๑๘:๓๖ LE ร่วมงานสถาปนิก'68 โชว์นวัตกรรมแสงสว่างอัจฉริยะ เสริมภาพผู้นำ Lighting Solutions Provider
๑๘:๔๖ SELIC จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ปี 2568 ผู้ถือหุ้นเห็นชอบทุกวาระ อนุมัติจ่ายปันผล 0.038 บาท/หุ้น เดินหน้า 3 ธุรกิจ
๑๘:๔๙ STA เปิดบ้านต้อนรับภาครัฐ โชว์มาตรฐานรับซื้อยางโปร่งใส เป็นธรรม หนุนรัฐต้านยางเถื่อน
๑๘:๓๕ กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน จับมือเอกชน ปั้นช่างเชื่อมโกอินเตอร์ รายได้ทะลุ 70,000 บาทต่อเดือน