BKA เดินเกมรุกหลังประสบความสำเร็จในการนำหุ้นเข้า mai เหยียบคันเร่ง ขยายพอร์ตบ้าน Flipping เจาะโซนกรุงเทพฯ ประกาศปักธงรายได้รวม โตไม่ต่ำกว่า 15-20% ต่อปี พร้อมทะยานก้าวกระโดด

พุธ ๓๐ เมษายน ๒๕๖๘ ๑๔:๔๙
บมจ.บางกอก แอสเซท อินเตอร์กรุ๊ป ("BKA") เดินเกมรุกหลังเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ สำเร็จ ประกาศวางกลยุทธ์นำเงินจากการระดมทุนเร่งต่อยอดขยายพอร์ตบ้าน Flipping เพิ่ม พร้อมปักหมุดโซนใหม่ ย่านกรุงเทพฯ ชั้นใน เล็งปั้นรายได้รวมโตไม่ต่ำกว่า 15 -20% ต่อปี มั่นใจตั้งแต่ปี 2569 BKA ทะยานแบบก้าวกระโดด
BKA เดินเกมรุกหลังประสบความสำเร็จในการนำหุ้นเข้า mai เหยียบคันเร่ง ขยายพอร์ตบ้าน Flipping เจาะโซนกรุงเทพฯ ประกาศปักธงรายได้รวม โตไม่ต่ำกว่า 15-20% ต่อปี พร้อมทะยานก้าวกระโดด

นายพชร ธนวงศ์เกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บางกอก แอสเซท อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BKA ผู้นำบริการซื้อ-ขายบ้านมือสองตกแต่งใหม่ เปิดเผยว่า ธุรกิจบ้านมือสอง เป็นธุรกิจที่เติบโตมาอย่างต่อเนื่อง ยิ่งในช่วงที่เศรษฐกิจไม่ดี บ้านมือสองยังขายดีอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นราคาที่กลุ่มลูกค้าที่อยากมีบ้านสามารถเข้าถึงได้ ซึ่งในปี 2567 ยอดโอนกรรมสิทธิ์บ้านมือสอง (อ้างอิงจากศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ หรือ REIC) สำหรับกลุ่มบ้านระดับราคา 3 -7.5 ล้านบาท เติบโตสูงถึง 20% ซึ่งเติบโตสูงกว่าบ้านใหม่มือหนึ่ง และยังมีโอกาสเติบโตเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ประกอบกับ สถานการณ์แผ่นดินไหวในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ความต้องการจากกลุ่มคอนโดมิเนียมที่อยู่ระหว่าง การตัดสินใจซื้อ หันกลับมาสนใจโครงการประเภทบ้านแนวราบมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ สอดคล้องกับ BKA ที่เห็นทิศทางการเติบโตธุรกิจบ้านแนวราบ ซึ่งจะได้รับอานิสงส์ในไตรมาส 2/2568 เพิ่มขึ้น

แนวโน้มธุรกิจต่อจากนี้ บริษัทเชื่อว่าจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลจากกลยุทธ์การขยายธุรกิจภายหลังจากการระดมทุน โดยเม็ดเงินที่บริษัทได้รับในครั้งนี้ จำนวน 108 ล้านบาท บริษัทใช้หมุนเวียนและต่อยอดเพื่อขยายพอร์ต Flipping เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะบ้านมือสองที่มีศักยภาพการเติบโตจากสถาบันการเงินและบริษัทบริหารสินทรัพย์ (AMC) มีทรัพย์สินรอการขาย (NPA) อยู่ในระบบจำนวนมาก ซึ่งคุ้มค่าต่อการลงทุน และหลังจากการนี้ บริษัทสามารถเข้าลงทุนซื้อทรัพย์ประเภท NPA จาก AMC ได้เพิ่มขึ้นอีกประมาณ 70-80 หลังต่อปี และจะเจาะตลาดในพื้นที่กรุงเทพชั้นในเพิ่มขึ้น ภายใต้การมุ่งเน้นสินค้า บ้านเดี่ยวมือสองตกแต่งใหม่ ที่ระดับราคาตั้งแต่ 5-10 ล้านบาทเป็นหลัก เนื่องจากเป็นกลุ่ม ที่มีดีมานด์สูง มีความมั่นคงทางการเงิน และมี Rejection Rate ค่อนข้างอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งทำให้บริษัทมีโอกาสสร้างอัตราการเติบโตต่อเนื่อง สอดรับกับการตั้งเป้ารายได้รวมที่บริษัทตั้งไว้ว่าจะเติบโต ไม่ต่ำกว่า 15-20% ต่อปี และจะเริ่มเห็นการเติบโตอย่างก้าวกระโดด ตั้งแต่ปี 2569 เป็นต้นไป

"มองว่า ในปัจจุบันซัพพลายที่น่าสนใจยังมีอีกมากที่รอให้ BKA เข้าไปให้บริการ เนื่องจากลูกค้า ในกลุ่ม AMC ที่มีสินค้า NPA ในมือที่รอการขายมีอยู่กว่าแสนล้านบาท และยังรอให้ BKA เข้าไปบริหารจัดการให้ในรูปแบบให้บริการ รับฝากขาย ซ่อมแซม ปรับปรุง ทำการตลาด และขายให้แบบครบวงจร ดังนั้นจากช่องว่างที่ยังมีอยู่ทำให้ BKA สามารถสร้างการเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน"

ทั้งนี้ BKA วางกลยุทธ์สร้างการเติบโตผ่านการใช้ 2 กลยุทธ์หลัก คือ 1.การขยายพอร์ต ในฝั่งกรุงเทพตะวันตก (นนทบุรี) ซึ่งเป็นโซนหลักที่บริษัทมีความชำนาญ และ 2.การขยายพอร์ตเข้าเมืองกรุงเทพมากขึ้น อาทิ โซนลาดพร้าว, บางกะปิ, รามคำแหง และสวนหลวง เป็นต้น เนื่องจากเชื่อว่าในพื้นที่ดังกล่าวมีกำลังซื้อ ที่สูง มีดีมานด์เพิ่มขึ้น และยังถือเป็นการกระจายพอร์ตรายได้ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่รอบกรุงเทพฯ

นอกจากนี้ บริษัทเร่งพัฒนา Platform เพื่อเป็นตัวกลางในการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ จากการ นำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ผ่านเทคโนโลยีระบบเสมือนจริง (Virtual Reality) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการตอบโจทย์การค้นหาข้อมูลให้กลุ่มลูกค้าที่ต้องการซื้อบ้านได้เห็นภาพบ้านเสมือนจริงผ่านระบบออนไลน์ ซึ่งแผนดังกล่าวจะเริ่มมีความชัดเจนในช่วงครึ่งปีหลังนี้ ทั้งนี้หากแผนการพัฒนา Platform ดำเนินการ จะสามารถผลักดันให้บริษัทต่อยอดไปสู่ธุรกิจ Property Technology (Prop Tech) เป็นรายแรกๆ ของกลุ่มอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BKA กล่าวตอกย้ำว่า Business Model ธุรกิจของ BKA ไม่ใช่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยตรง แต่เป็นธุรกิจการให้บริการปรับปรุงบ้านมือสองเพื่อขาย "ธุรกิจบ้านแต่ง" หรือ "Flipping" ซึ่งรูปแบบธุรกิจเป็นการวางเงินประกัน เพื่อปรับปรุง และขายบ้าน โดยไม่ต้องลงทุนซื้อบ้านทั้งหลัง ทำให้บริษัทมีส่วนต่างของผลตอบแทน และมาร์จิ้นสูง เมื่อเทียบกับธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ต้องลงทุนตั้งแต่การซื้อที่ดินและก่อสร้าง ทั้งนี้ บริษัทมั่นใจว่า ด้วย Business Model ของ BKA ยังไม่มีผู้ประกอบการ รายใดที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ดำเนินธุรกิจในรูปแบบนี้ ทำให้เราจึงเป็นรายแรก

"บริษัทเชื่อว่าด้วยรูปแบบของ Business Model ที่เป็นการให้บริการรูปแบบของ Flipping ยังคงเติบโตได้อีกแม้กำลังซื้อจะชะลอตัว เนื่องจากความต้องการบ้านยังคงมีเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะบ้านระดับราคา 5-7 ล้านบาท ซึ่งเป็นกลุ่มที่ BKA โฟกัสอยู่แล้วเพราะเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง และไม่ค่อยได้รับผลกระทบจากการปฏิเสธสินเชื่อจากสถาบันการเงินมากนัก ดังนั้นกลุ่มนี้จึงเป็นแรงขับเคลื่อนหลักที่ผลักดันให้ บริษัทเติบโตได้ต่อเนื่อง ประกอบกับปัจจัยบวกจากมาตรการภาครัฐที่สนับสนุนและกระตุ้นภาคอสังหาฯ ทั้งการลดค่าธรรมเนียมโอนและจดจำนอง รวมถึงการผ่อนคลายมาตรการ LTV ในระดับราคาบ้านไม่เกิน 7 ล้านบาท เป็นแรงบวกในการกระตุ้นอุตสาหกรรมอสังหาฯ ให้คึกคักมากยิ่งขึ้น"

ที่มา: มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๘:๓๓ COM7 เดินหน้าเต็มสปีด EV7 ส่งมอบแท็กซี่ไฟฟ้าล็อตแรก ดันเมกะเทรนด์ EV สู่หัวใจเมือง
๑๘:๓๖ GCAP ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ไฟเขียวผ่านฉลุยทุกวาระ พร้อมเดินหน้าแผนธุรกิจขยายสู่กลยุทธ์ Non Lending
๑๘:๔๔ PYLON จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผู้ถือหุ้นไฟเขียวจ่ายปันผล 0.04 บาท/หุ้น
๑๘:๓๙ LDC จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2568 มุ่งเป็นคลินิกทันตกรรมพรีเมียม ในราคาที่เข้าถึงง่าย
๑๘:๑๒ ผู้ถือหุ้น TATG ไฟเขียวจ่ายปันผล 0.07 บาท/หุ้น ลงทุนเครื่องจักรใหม่เสริมแกร่งสายการผลิต พิชิตเป้ารายได้ 3,000
๑๘:๕๗ ADVICE จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นรูปแบบ Hybrid ประจำปี 2568 ผถห.ไฟเขียวทุกวาระ เคาะแจกปันผล 0.175 บ./หุ้น
๑๘:๓๖ LE ร่วมงานสถาปนิก'68 โชว์นวัตกรรมแสงสว่างอัจฉริยะ เสริมภาพผู้นำ Lighting Solutions Provider
๑๘:๔๖ SELIC จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ปี 2568 ผู้ถือหุ้นเห็นชอบทุกวาระ อนุมัติจ่ายปันผล 0.038 บาท/หุ้น เดินหน้า 3 ธุรกิจ
๑๘:๔๙ STA เปิดบ้านต้อนรับภาครัฐ โชว์มาตรฐานรับซื้อยางโปร่งใส เป็นธรรม หนุนรัฐต้านยางเถื่อน
๑๘:๓๕ กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน จับมือเอกชน ปั้นช่างเชื่อมโกอินเตอร์ รายได้ทะลุ 70,000 บาทต่อเดือน