นายสุวัฒน์ กล่าวว่า "ผลประกอบการในปี 2567 สะท้อนให้เห็นถึงการฟื้นตัวของธุรกิจกำจัดกากอุตสาหกรรมและการบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยบริษัทฯมีรายได้เติบโต 6% ในขณะที่ต้นทุนในการดำเนินงานลดลง 7% ส่งผลให้บริษัทฯพลิกกลับมามีกำไรได้สำเร็จ ทางบริษัทยังดำเนินธุรกิจสอดคล้องกับนโยบายภาครัฐและคำนึงถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วนตามหลัก ESG โดยจุดเด่นของบริษัทฯคือการนำขยะมาแปรรูปเป็นเชื้อเพลิง SRF ที่สามารถนำไปใช้ในการผลิตไฟฟ้า เป็นการนำขยะมาสร้างประโยชน์ในรูปแบบ Waste-to-energy โดยปีที่ผ่านมาทางบริษัทฯมีการพัฒนาเชื้อเพลิง SRF จนได้รับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม(มอก.) เป็นรายแรกและรายเดียวในประเทศไทย"
อีกหนึ่งจุดแข็งของ BWG คือการให้บริการกำจัดกากอุตสาหกรรมแบบครบวงจร(one stop service) โดยเฉพาะการนำของเสียในรูปแบบต่างๆมาบำบัดและนำกลับมาใช้ซ้ำ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบาย 3R และ BCG รวมถึงการพัฒนา SRF ให้มีประสิทธิภาพที่สูงขึ้นเพื่อมุ่งสู่การผลิตพลังงานที่สะอาดและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
บริษัทฯ ยังมุ่งมั่นที่จะดำเนินธุรกิจร่วมกับการรักษาเจตนารมณ์ในการสร้างคุณค่าต่อสังคมและนำเทคโนโลยีมาพัฒนาการดำเนินงานเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงการดำเนินธุรกิจภายใต้การกำกับดูแลกิจการที่ดี เพื่อสร้างคุณค่าเพิ่มให้แก่ผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน ด้วยความมุ่งหวังในการรักษาการเติบโตอย่างยั่งยืนและการเป็นผู้นำด้านการบริหารจัดการกากอุตสาหกรรมแบบครบวงจร
ที่มา: เบตเตอร์ เวิลด์ กรีน