สถาบันวิจัยภาษาและวัฒนธรรมเพื่อพัฒนาชนบท ม.มหิดล เปิดตัวหลักสูตรอินเดียศึกษา ระดับปริญญาโท หลักสูตรแรกของประเทศไทย

อังคาร ๑๓ พฤศจิกายน ๒๐๐๗ ๑๕:๕๖
กรุงเทพฯ--13 พ.ย.--มหาวิทยาลัยมหิดล
ประเทศไทยมีความสัมพันธ์กับประเทศอินเดียโดยผ่านการค้าและศาสนาพราหมณ์และศาสนาพุทธมาตั้งแต่สมัยพระเจ้าอโศกมหาราช ท่านพุทธทาสกล่าวว่า “…สายเลือดที่มันเป็นอินเดียที่เขาฝังมาให้โดยชาวอินเดียครั้งกระโน้นเอาออกได้เมื่อไร มันก็สืบต่อกันมาจนบัดนี้ มันก็ต้องรับรู้ว่าเรามันสร้างชีวิต สายเลือดสายเนื้อขึ้นมาจากสองศาสนา ทั้งศาสนาฮินดูทั้งศาสนาพุทธ …มีศาสนาฮินดูเป็นแม่ มีศาสนาพุทธเป็นพ่ออยู่โดยไม่รู้สึกตัว” (พุทธทาสภิกขุ พระคุณที่อินเดียมีต่อไทย, ๒๕๓๓: ๑๘, ๒๔ )
ประเทศอินเดียเป็นประเทศที่ใหญ่เป็นอันดับ ๕ ของโลกและมีประชากรมากเป็นอันดับ ๒ ของโลก เป็นประเทศที่มีวัฒนธรรมเก่าแก่ เป็นแหล่งอารยธรรมของโลก เป็นประเทศที่มีประชาธิปไตยที่เก่าแก่และเข้มแข็งมาก ในขณะเดียวกันก็เป็นประเทศที่มีความเจริญก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ความที่เป็นประเทศใหญ่ อินเดียจึงมีความเป็นที่สุดของโลกมากมาย เช่น มีคนเก่งและฉลาดมากทางด้าน การแพทย์ คณิตศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ ไอที อวกาศ นักธุรกิจระหว่างประเทศของอินเดียติดอันดับรวยที่สุดในโลกหลายคนในรอบสิบปีที่ผ่านมา ชาวอินเดียได้รับรางวัลโนเบลหลายคน แชมป์หมากรุกของโลก 2 สมัยในปัจจุบันก็เป็นชาวอินเดีย อินเดียเป็นประเทศที่คนนิยมไปเที่ยวมากที่สุด สังคม วัฒนธรรม ศาสนา และวรรณะอินเดียยังมีความแข็งแกร่งยากที่กระแสโลกาภิวัตน์จะเข้าไปทะลวงทำลายได้ ดังนั้นเราจะเห็นเอกลักษณ์ของความเป็น “อินเดีย” อยู่ทั่วโลกรวมทั้งในประเทศไทย คนอินเดียค้าขายเก่งแต่ไม่ถนัดบริการ เป็นต้น
(http://gotoknow.org/blog/poldejw/136409จ. 08 ต.ค. 2550)
อินเดียเป็นประเทศหนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงวิถีการดำเนินชีวิตแบบเศรษฐกิจพอเพียง มีความมั่นคงทางด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง อินเดียเป็นประเทศมหาอำนาจของเอเชียใต้ที่มีอัตราการเจริญเติบโตของผลิตภัณฑ์ในประเทศ (GDP) สูงถึง ๘% และเป็นประเทศที่สำคัญประเทศหนึ่งของเอเชีย นอกเหนือจากจีน และญี่ปุ่น อินเดียมีนโยบาย “มองตะวันออก” (Look East policy) ในขณะที่ประเทศไทยมีนโยบาย “มองตะวันตก” (Look West policy) ซึ่งเป็นนโยบายที่มีความสอดคล้องกัน อินเดียเป็นประเทศเศรษฐกิจใหม่ที่มีกำลังซื้อในระดับกลางและระดับสูงราว ๓๐๐ ล้านคน และในขณะนี้ ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างประเทศไทยและประเทศอินเดียครบรอบ ๖๐ ปีในปีพ.ศ. ๒๕๕๐ ซึ่งเป็นความสัมพันธ์ที่อยู่ในระดับที่ดีมาก ดังนั้น ประเทศไทยควรส่งเสริมการศึกษา ค้นคว้า วิจัยเกี่ยวกับประเทศอินเดียในมิติต่างๆ ให้มากขึ้นเพื่อประโยชน์ในการสร้างความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นต่อไป
รองศาสตราจารย์โสภนา ศรีจำปา ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยภาษาและวัฒนธรรมเพื่อพัฒนาชนบท มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า “สถาบันฯ ได้ตระหนักถึงบทบาทและความสำคัญของประเทศมหาอำนาจในภูมิภาคเอเชีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งอินเดียซึ่งเป็นประเทศที่มีศักยภาพสูง แต่ยังมีผู้ให้ความสนใจศึกษาค้นคว้าวิจัยน้อย เรารู้จักอินเดียเพียงผิวเผินและไม่กี่เรื่อง เมื่อไม่รู้จักดีก็ทำให้เกิดความไม่เข้าใจกัน ทั้งๆ ที่เรามีพื้นฐานทางศาสนาและวัฒนธรรมมาจากอินเดีย แต่เรากลับไม่รู้จักรากเหง้าของเรา หากประเทศไทยซึ่งเป็นประเทศที่เล็กมากเมื่อเทียบกับอินเดียละเลย ไม่สนใจ ไม่รู้เขา สุดท้ายเราก็จะเสียประโยชน์ เสียโอกาส เสียคู่ค้า เสียกัลยาณมิตรไป ดังนั้น สถาบันฯ จึงได้ปรับปรุงหลักสูตรศิลปศาตรมหาบัณฑิต สาขาวัฒนธรรมศึกษาและการพัฒนาโดยเปิดวิชาเอก “อินเดียศึกษา” เพิ่มขึ้นในปีการศึกษา ๒๕๕๐ ซึ่งเป็นหลักสูตรแรกของประเทศไทย เป็นการบูรณาการระหว่างมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์เพื่อตอบสนองนโยบายของรัฐบาล มหาวิทยาลัยและแผนยุทธศาสตร์ของสถาบันฯ ด้วยการสร้างนักวิชาการที่มีความรู้ ความเข้าใจและสามารถสร้างงานวิจัยที่จะเป็นองค์ความรู้ทั้งในด้านกว้างและลึกเกี่ยวกับอินเดียในมิติต่างๆ ทั้งนี้เพื่อให้สอดคล้องกับทิศทางการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจระหว่างไทยและอินเดียที่เพิ่มขึ้นจาก ๒๐ ล้านเป็น ๔ พันล้านเหรียญ ในปี ๒๐๐๗ และอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น ๓๐๐% ของทั้งสองประเทศ ดังนั้น ตลาดแรงงานไทยยังมีความต้องการผู้ที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญด้านอินเดียที่สามารถทำงานทั้งในหน่วยงานภาครัฐและเอกชนเพื่อทำหน้าที่กำหนดนโยบายหรือวางแผนการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อให้เกิดประสิทธิผลตามที่ตั้งไว้ นอกจากนี้ การศึกษาอินเดียจะทำให้เราเข้าใจสังคมไทยมากขึ้น หรือในทางกลับกันการศึกษาสังคมไทยจะทำให้เราเข้าใจความเชื่อมโยงกับอินเดียและประเทศเพื่อนบ้านอื่นๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งได้รับอิทธิพลจากประเทศอินเดียเช่นกัน” ดังที่ท่านพุทธทาสได้กล่าวไว้ข้างต้นด้วย
ขณะนี้ บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหิดล กำลังเปิดรับสมัครรอบแรก ตุลาคม - พฤศจิกายน ๒๕๕๐ รอบสอง กุมภาพันธ์ - มีนาคม ๒๕๕๑ สนใจโปรดดูรายละเอียดที่ www.lc.mahidol.ac.th โทร. ๐-๒๘๐๐-๒๓๒๓, ๐-๒๘๐๐-๒๓๐๘-๑๔ ต่อ ๓๓๐๘

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๐๔ พ.ค. Siriraj Education Expo 2024 ก้าวสู่ยุคใหม่ไปกับศิริราช พร้อมยกระดับทางการแพทย์ให้ดีขึ้น เพื่อสุขภาวะที่ดีของคนไทยทุกคน
๐๓ พ.ค. ครั้งแรก! งานเทศกาลคอนเทนต์ LGBTQ ฉลองความเท่าเทียมทางเพศ THAILAND INTERNATIONAL LGBTQ FILM TV FESTIVAL 2024 ปักหมุดเตรียมพบกัน กันยายนนี้
๐๓ พ.ค. โน วัน เอลส์ ส่ง 3 เพลงรัก 3 สไตล์! ผ่านมิวสิกซี่รีย์ ที่จะทำให้คุณเข้าใจความรักมากขึ้น
๐๓ พ.ค. ทีซีเอ็มซีมอบรางวัลประกวดการออกแบบผลงานด้านผลิตภัณฑ์อคูสติกส์
๐๓ พ.ค. GT Auto ฉลองแชมป์ยอดขาย Volvo จัดงาน มหกรรม GT Auto Show ลดสูงสุด 1,000,000 บาท พร้อมชูบริการ GT Auto Exclusive Service
๐๓ พ.ค. กทม. เตรียมพร้อมให้บริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ในกลุ่มเสี่ยงและนักเรียนในสังกัด
๐๓ พ.ค. กรมส่งเสริมการเกษตร ประชุมคณะทำงานความร่วมมือด้านการรับรองแหล่งผลิตพืชฯ (GAP พืช) ครั้งที่ 1/2567
๐๓ พ.ค. First Sale! realme 12 5G และ realme 12X 5G สัมผัสประสบการณ์ Portrait Master กับกล้องซูม 3X in sensor
๐๓ พ.ค. CRYSTALLIZING ใหม่! โดย SHISEIDO PROFESSIONAL อัปเกรดกลุ่มผลิตภัณฑ์ยืด-ดัดผม ชูเทคโนโลยีสุดล้ำ DUAL PERFORMANCE SYSTEM
๐๓ พ.ค. บัลเลต์ รีทรีต บนเกาะมัลดีฟส์ กลับมาอีกครั้ง ที่ อวานี พลัส แฟเรส โดย คาร์ริส สการ์เลต นักเต้นบัลเลต์ชื่อดัง