AACP ร่วมทุนโดย CCP และ STECON ฉวยจังหวะอสังหาฯและรับเหมาก่อสร้างบูม ทุ่มงบประมาณกว่า 550 ล้านบาท นำเทคโนโลยีการผลิตจากเยอรมันรุกตลาดอิฐมวลเบา

จันทร์ ๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๐๐๔ ๑๖:๔๒
กรุงเทพฯ--16 ก.พ.--สยาม พีอาร์ คอนซัลแทนท์
AACP บริษัทใหม่ซึ่งร่วมทุนโดย ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี และ ซิโน-ไทยเอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอน สตรัคชั่น ฉวยจังหวะที่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และรับเหมาก่อสร้างเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งภาครัฐและเอกชน ทุ่มงบประมาณกว่า 550 ล้านบาท นำเทคโนโลยีจากเยอรมัน มาใช้ในการผลิตอิฐมวลเบา เริ่มออกสู่ตลาดต้นปี 2548
นายประทีป ทีปกรสุขเกษม ประธานกรรมการ บริษัท ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี จำกัด (มหาชน) หรือ CCP หนึ่งในผู้นำด้านการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์คอนกรีตสำเร็จรูปมานานกว่า 20 ปี ปัจจุบัน บริษัท ได้มีนโยบายที่จะตอบสนองตลาดวัสดุก่อสร้างให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น โดยล่าสุด ได้ขยายสายผลิตภัณฑ์มาสู่ผลิตภัณฑ์อิฐมวลเบา ทั้งนี้ เนื่องจากได้เล็งเห็นแล้วว่า อิฐมวลเบาเป็นวัสดุก่อสร้างที่ได้รับความนิยมอย่างสูง โดยบริษัทมองแนวโน้มของผลิตภัณฑ์ดังกล่าวว่าจะมีอนาคตที่แข็งแกร่ง จากผลการวิจัย ทำให้บริษัททราบถึงศักยภาพทางการตลาดของอิฐมวลเบาดีว่า จะเป็นผลิตภัณฑ์ที่เข้าไปแทนที่วัสดุก่อสร้างประเภทเดิม อันได้แก่ อิฐมอญและแผ่นพื้นสำเร็จรูป การที่บริษัทมั่นใจในผลิตภัณฑ์เช่นนี้ ก็เนื่องมาจาก วัสดุมวลเบา ดังกล่าวมีข้อเด่นที่เหนือกว่าวัตถุดิบทั่วไปในหลายด้าน เช่น การลดต้นทุนในการก่อสร้าง โดยผลิตภัณฑ์อิฐมวลเบาสามารถช่วยลดต้นทุนทางด้านค่าแรงก่อสร้างเนื่องจากก่อได้เร็วกว่าอิฐมอญ นอกจากนี้ยังช่วยลดต้นทุนโครงสร้างและฐานรากของอาคารหรือบ้านได้ และจุดเด่นที่สุดอันหนึ่งที่จะสำคัญต่อไปในอนาคตคือ ความเป็นฉนวนที่ดี โดย อิฐมวลเบามีค่า การถ่ายเทความร้อนอยู่ที่ 0.13 ซึ่งถือว่าเป็นฉนวนที่ดีอันดับสองรองจากโฟม ทำให้อาคารที่ใช้สามารถลดการใช้พลังงานในการทำความเย็นได้ ประกอบกับปริมาณความต้องการใช้งานในประเทศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และแนวโน้มความนิยมในการประหยัดพลังงาน หรือด้วยกฎหมายข้อบังคับด้านพลังงาน ด้วยเหตุผลดังกล่าวบริษัทจึงมั่นใจในศักยภาพของอิฐมวลเบา
นอกจากจุดแข็งของสินค้าและโครงการเองแล้ว สภาพปัจจุบันของอุตสาหกรรมและประเทศยังเอื้อประโยชน์ต่อการเติบโตของอิฐมวลเบาอีกด้วย ในปัจจุบันราคาเฉลี่ยของผลิตภัณฑ์คอนกรีตที่ใช้สร้างบ้านได้ปรับตัวไปแล้ว 10 % นอกจากนี้การขาดแคลนเหล็กยังจะคงทำให้ผลิตภัณฑ์คอนกรีตที่ใช้เหล็กมีการปรับตัวขึ้นอีกด้วย เป็นการเพิ่มต้นทุนโครงสร้างโดยตรง นอกจากนี้ยังมีการขยับตัวขึ้นของค่าแรงเนื่องจากการเติบโตอย่างรวดเร็วของภาคการก่อสร้าง ทางบริษัท เชื่อว่า สถานะการณ์ปัจจุบัน จะทำให้ต้นทุนการใช้อิฐมวลเบาเปรียบเทียบกับต้นทุนการใช้วัสดุก่อสร้างแบบเดิมถูกลงไปโดยอัตโนมัติ บริษัท เชื่อว่า ส่วนแบ่งการตลาดของอิฐมวลเบาจะมากขึ้นเมื่อเทียบกับตลาดของวัสดุก่อสร้างแบบเดิม นอกจาก สภาวะทางด้านราคาของ commodity แล้ว ยังมีเรื่องของการวางผังเมืองใหม่ที่ได้รับการกระตุ้นจากรัฐบาล ซึ่งทำให้ภาพของการพัฒนาชัดเจนมากขึ้น เช่นการเกิดเมืองใหม่นครนายกในเขตอำเภอบ้านนา อำเภอองครักษ์ และอำเภอวิหารแดง เมืองใหม่ในเขตสุวรรณภูมิ นอกจากนี้ยังมีการส่งเสริมศรีราชาให้เป็นศูนย์กลางการค้าน้ำมัน เหล่านี้ล้วนเป็นการกระตุ้นการสร้างที่อยู่อาศัยในเขตบริการของบริษัท โดยในเขตศรีราชาบริษัทเชื่อว่าจะมีการเติบโตของที่อยู่อาศัยสำหรับชาวต่างชาติและนักธุรกิจที่จะมาทำการค้าทางด้านน้ำมัน นอกจากนี้ยังมีแรงกระตุ้นจากการผลักดันให้ภาคตะวันออกเป็น Cluster ทางด้านอุตสาหกรรมยานยนต์ บริษัท เชื่อว่าตะวันออกจะเป็นเขตที่มีการเติบโตทางด้านที่อยู่อาศัยอย่างรวดเร็วแน่นอน ภายใน 6 ปี ข้างหน้านี้
บริษัทมีความเชื่อมั่นว่า โครงการเมืองใหม่จะมีความสำเร็จสูง เนื่องจากมีการวางแผนที่ดีอย่างเช่นการประกาศทางด่วนและรถไฟรางคู่หลายสายเพื่อสนับสนุนโครงการ เช่น ทางด่วน กรุงเทพ - ชลบุรีสายใหม่ - สุวรรณภูมิ ถนนอ่อนนุช-สุวรรณภูมิ ถนนพุทธบูชา - วงแหวนรอบนอก ถนนอุดมสุข - ทางแยกต่างระดับร่มเกล้า จากถนนวัดกิ่งแก้ว - สนามบินสุวรรณภูมิ วงแหวนรอบนอก ทางด่วนเมืองใหม่นครนายก / ทางด่วนรามอินทรา - อาจณรงค์ ต่อนครราชสีมา นอกจากนี้ยังรวมไปถึง รถไฟรางคู่จากกรุงเทพ - นครนายก รถไฟรางคู่ อยุธยา-กรุงเทพ-ฉะเชิงเทรา นครปฐม รถไฟจากสุวรรณภูมิ-นครนายก
นอกจากโครงการที่อยู่อาศัยในเขตดังกล่าวแล้ว ทางบริษัทคาดว่าอิฐมวลเบาจะเป็นที่นิยมในงานอาคารสูงต่อไปในอนาคตอย่างแน่นอน เนื่องจากภาวะอุตสาหกรรมที่วัสดุทุกชนิดขึ้นราคา การใช้วัสดุมวลเบาจะทำให้ลดต้นทุนการก่อสร้างในส่วนของค่าโครงสร้างโดยรวมได้ อันได้แก่ คาน เสาเข็ม เหล็ก และคอนกรีตผสมเสร็จ สำหรับตลาดส่วนนี้ บริษัทวางแผนที่จะผลิต สินค้าประเภท ผนังสำเร็จรูปมวลเบาด้วย ซึ่งจะทำให้งานก่อสร้างอาคารได้รวดเร็ว ทั้งนี้ผลิตภัณฑ์จากวัสดุมวลเบาของบริษัทสามารถผลิตให้มีความยาวได้สูงถึง 6 เมตร
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้เปรียบในด้านการขนส่งเนื่องจากพื้นที่ของโรงงานจะอยู่ในเขตชลบุรี ซึ่งมีความได้เปรียบในการเดินทางไปสุวรรณภูมิ และการเดินทางไปนครนายก นอกจากนี้สภาพอุตสาหกรรมที่ส่งเสริมแล้ว บริษัทยังมีผู้ร่วมทุน หรือพันธมิตรทางธุรกิจที่แข็งแกร่งอย่าง Stecon, Dasset, DJT และ National Union ซึ่งจะช่วยให้สินค้ามวลเบาของบริษัทมีจุดเริ่มต้นทางการตลาดที่ดี
จุดเด่นอีกข้อของบริษัท คือ สินค้าของบริษัทได้ถูกออกแบบมาให้แตกต่างจากผู้ผลิตสายอื่นโดย บริษัท สามารถผลิตอิฐมวลเบาที่มีข้อต่อและที่จับได้ ซึ่งจะทำให้สินค้ามวลเบาของบริษัทติดตั้งง่ายและใช้ปูนการน้อยกว่า นอกจากนี้บริษัทยังสามารถเสนอสินค้าที่มีขนาดใหญ่ขึ้นเนื่องจากการมีที่จับจะทำให้ผู้ใช้หยิบยกง่ายขึ้นอีกด้วย นายประทีป กล่าวในที่สุด
รายละเอียดเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ :
จิดาภา ประมวลทรัพย์, นันทพร บุญ-หลง, วรรณารี ศิลปงาม
บริษัท สยาม พีอาร์ คอนซัลแทนท์ จำกัด
โทร. 0-2276-8432-3, 0-2693-7835-8 ต่อ 32, 38,42, 0-1817-7153
โทรสาร 0-2693-6919-20
E-mail: [email protected]จบ--
-รก-

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๖:๔๐ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ตอกย้ำปณิธาน สร้างชีวิต มอบเครื่องเล่นสนาม อุปกรณ์ครุภัณฑ์ พร้อมเครื่องอุปโภคบริโภคแก่เด็กนักเรียนในส่วนภูมิภาค ณ โรงเรียนวัดนาร่อง อ.เมือง
๑๖:๑๔ เฮงลิสซิ่ง จับมือ วิริยะประกันภัย เสนอ ประกันภัยอุ่นใจ ทางเลือกใหม่สำหรับประกันภัยคุ้มครองบ้าน
๑๖:๕๘ ม.วลัยลักษณ์-สมาคมกีฬาตะกร้ออาวุโส-สมาคมกีฬา จ.นครศรีฯ เอ็มโอยูเตรียมระเบิดศึกตะกร้อเยาวชนฮอนด้า ยูเนี่ยน
๑๖:๓๕ หลักสูตรการประยุกต์ใช้ NODE-RED ในงานอุตสาหกรรม เชื่อมต่อ CLOUD PLATFORM NEXIIOT
๑๖:๓๘ ม.วลัยลักษณ์ คว้า 2 รางวัลระดับโลก 3G Award 2024
๑๖:๓๖ YouTrip เปิดอินไซต์ช่วงหยุดยาวคนไทยแห่เที่ยว ญี่ปุ่น-จีน ยอดใช้จ่ายเพิ่มขึ้น 150%
๑๖:๕๗ คณะการท่องเที่ยวฯ DPU ให้ความสำคัญต่องานบริการ จัด HT Makeup Competition 2024 เพิ่มทักษะแต่งหน้าให้กับ นศ.
๑๖:๔๒ กิจกรรมดี ๆ สำหรับเยาวชนหญิงที่หลงใหลศิลปะการทำอาหาร ในโครงการ Women for Women (WFM) Internship Program ร่วมฝึกงานในร้านอาหารโพทง
๑๕:๒๒ ผู้ถือหุ้น CIVIL โหวตอนุมัติ จ่ายปันผล 0.012 บาท/หุ้น ทิศทางธุรกิจปี 67 เติบโตต่อเนื่อง
๑๕:๐๖ PRM จัดประชุม E-AGM ปี 67 อนุมัติจ่ายปันผล 0.26บ./หุ้น