(ต่อ1) วอเนอร์ ภูมิใจเสนอ EXORCIST: THE BEGINNING วันนี้พระเจ้าไม่อยู่ที่นี,หลวงพ่อ

พุธ ๑๘ สิงหาคม ๒๐๐๔ ๑๖:๐๙
กรุงเทพฯ--18 ส.ค.--วอเนอร์ บราเธอร์ส
ต่อจากสัปดาห์ที่แล้ว (วันที่ 10 สิงหาคม 2547)
EXORCIST: THE BEGINNING (ต่อ)
เกี่ยวกับการสร้าง
หนึ่งในภาพยนตร์สุดสยองขวัญตลอดกาล The Exorcist กลายเป็นต้นกำเนิดของฝันร้ายนับไม่ถ้วนตั้งแต่ออกฉายเป็นครั้งแรกเมื่อปี 1973 เขียนบทโดย วิลเลี่ยม ปีเตอร์ แบลตตี้ และกำกับการแสดงโดย วิลเลี่ยม ฟรีดกิน หนังเกิดขึ้นด้วยเรื่องราวที่น่ากลัวของเรแกน เด็กผู้หญิงอายุ 12 ปีที่ถูกวิญญาณร้ายเข้าสิงสู่ อำนาจเดียวที่สามารถปลดปล่อยเธอจากการครอบงำของปีศาจและสิ้นสุดการทรมานของเธอคือพิธีขับไล่ที่ทรงพลัง ซึ่งทำพิธีโดยสาธุคุณแลงเคสเตอร์ เมอร์ริน ตามพิธีกรรมทางศาสนาที่เกือบทำให้ทั้งคู่เสียชีวิต Exorcist: The Beginning นำผู้ชมย้อนกลับไป 25 ปีในอดีตของสาธุคุณเมอร์ริน ที่ทำให้เกิดเหตุการณ์อันแสนจะน่ากลัวเป็นครั้งแรกจนทำให้เขาตีตนออกห่างจากพระเจ้า และในท้ายที่สุดก็นำเขาไปสู่การเป็นหมอผี
ผู้กำกับฯ เรนนี่ ฮาร์ลิ ที่ทุกคนรู้จักถึงสไตล์การกำกับฯ ที่เต็มไปด้วยพลังของเขา ที่ได้นำมาสู่หนังเรื่องฮิตอย่าง Die Hard 2, Cliffhanger และ The Deep Blue Sea, ได้สร้างบทใหม่ให้กับตำนานของ Exorcist “ผมเป็นแฟนตัวยงของหนังประเภทสยองขวัญ” ฮาร์ลินกล่าว “คนรู้จักผมจากงานหนังแอ็คชั่น แต่ผมเริ่มต้นมาจากหนังสยองขวัญ และนั่นเป็นหนังประเภทที่ผมรักและชื่นชอบมาตลอด และแน่นอนว่าหนังเรื่อง Exorcist ต้นฉบับเป็นสุดยอดหนังสยองขวัญที่เคยทำกันมา มันเป็นหนังยอดฮิตเรื่องหนึ่งของผมเลย ฉนั้นเมื่อมีโอกาสผ่านเข้ามา ผมจึงไม่อาจปล่อยให้มันผ่านเลยไป”
ทันทีหลังจากที่เริ่มต้นการถ่ายทำในโรม ผู้กำกับฯ บาดเจ็บสาหัสหลังได้รับอุบัติเหตุรถชน “ขาของผมหักอย่างรุนแรง” เขาทบทวน “ผมเลยต้องถ่ายหนังทั้งเรื่องบนไม้ค้ำ และเฝือกสวมขา ซึ่งเป็นเรื่องทำลำบากและน่าหงุดหงิดมาก แต่ผมคิดว่ามันเป็นการอุทิศให้กับหนังที่ทำให้ผมได้นั่งอยูกับที่ และคิดหนักว่าผมอยากจะทำอะไร
“ในการสร้างหนังภาคก่อนหน้า ผมพยายามที่จะสร้างคำถามที่ไม่เคยมีคำตอบให้ในหนังเรื่องดั้งเดิม” ฮาร์ลินเล่าต่อ “มีพล็อตเรื่องที่เปิดกว้างอยู่มากมายที่ไม่เคยมีคำอธิบาย รวมทั้งความคิดเห็นที่มีต่อการไล่ผีของเมอร์รินในแอฟริกาเมื่อหลายปีก่อน ผมอยากทำให้เป็นว่า เมื่อเราได้ดูหนังเรื่องนี้ แล้วจะกลับไปดูเรื่อง The Exorcist ต้นฉบับโดยที่เหมือนว่ามันเป็นภาคสองได้ ผมอยากหาทางเข้าถึงความคิดและจิตใจของคน เพื่อให้พวกเขาได้สัมผัสกับสิ่งที่จะทำให้พึงพอใจ และยังน่ากลัวกับสิ่งที่น่าประหลาดใจด้วย”
เรื่องราวเริ่มต้นด้วยการที่สาธุคุณแลงเคสเตอร์ เมอร์ริน ผู้ใจสลายและหดหู่ ซึ่งได้ประสบกับเรื่องที่ทำให้เจ็บปวดอย่างร้ายในฮอลแลนด์ซึ่งเป็นบ้านเกิด ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เขาออกเดินทางไปแสนไกลด้วยความพยายามที่จะหลีกหนีให้พ้นจากความสยดสยองแห่งอดีต “เราเลือกที่จะเล่าเรื่องของสาธุคุณเมอร์รินในวัยหนุ่ม” ฮาร์ลินกล่าว “และเรียนรู้ว่าเขาได้ติดต่อกับปีศาจร้ายเป็นครั้งแรกได้อย่างไร ศูนย์กลางที่แท้จริงของเรื่องนี้ คือการที่เมอร์รินต้องดิ้นรนเพื่อหาลิขิตแห่งชีวิตอีกครั้ง เราได้รู้ว่าบางอย่างที่น่าสยดสยองเป็นที่สุดได้เกิดขึ้นกับเขา และทำให้เขาเดินออกจากเส้นทางของการเป็นพระ และเขาสูญเสียศรัทธาต่อทุกสิ่ง รวมทั้งตนเองด้วย”
สเตลแลน สการ์สการ์ด รับบทเป็นพระที่ได้รู้ถึงความป็นจริงบทบาทที่ฮาร์ลินได้พบว่าเหมาะสมที่สุดกับนักแสดงผู้นี้ “แมกซ์ ฟอน ไซเดา เคยรับบทหลวงพ่อเมอร์รินในหนังด้นฉบับเมื่อปี 1973” ผู้กำกับฯ กล่าว “และผมคิดว่าพวกเขาเชื่อมโยงกันได้อย่างเป็นธรรมชาติ นักแสดงทั้งคู่เป็นคนสวีดิช ดูคล้ายกัน และเป็นดาราที่ยอดเยี่ยมทั้งสองคนที่มีชื่อเสียงเป็นเที่รู้จักทั้งในและนอกประเทศของตัวเอง สเตลแลนนำมาซึ่งความสมจริงให้กับตัวละครนี้”
ตัวสการ์สการ์ดเองไม่ได้รู้สึกกลัวหรือต้องทำตามผลงานแสดงที่เป็นที่ชื่นชอบของดาราคนก่อนหน้าเขา “ผมใส่ความเป็นตัวเองลงไปในตัวละคร“ เขากล่าวเมื่อพูดถึงบทบาท “ในเรื่อง The Exorcist, แมกซ์ถ่ายทอดความเป็นเมอร์ริน ในฐานะชายแก่วัยไม้ใกล้ฝั่ง เราบอกไม่ได้ว่าเขาเคยเป็นอย่างไรเมื่อยังหนุ่มกว่านี้ ผมจึงมีอิสระที่จะสร้างตัวละครในแบบของผมเอง”
ในขณะที่กำลังเดินทางผ่านไคโร เมอร์รินได้รับการทาบทามจากคนแปลกหน้าให้ทำงานที่ไม่ธรรมดา รัฐบาลอังกฤษให้ความสนับสนุนทางการเงินแก่นักโบราณคดี ในการขุดอุโมงค์ในพื้นที่แสนห่างไกลในเคนยา และพวกเขาได้ขุดพบสิ่งที่น่าตกตะลึงบางอย่าง - โบสถ์ของคริสเตียนไบเซนไทน์ ที่ดูราวกับว่ามันได้ถูกฝังเอาไว้ในวันเดียวกับที่ถูกสร้าง ผู้อุปถัมภ์ลึกลบของเขาต้องการจ้างให้เมอร์รินหาวัตถุโบราณทางศาสนา รูปปั้นที่เขาต้องการลักลอบไปจากสายตาของรัฐบาลอังกฤษเพื่อสะสมเป็นการส่วนตัว เมอร์รินถูกล่อใจและตอบรับงานชิ้นนี้
“สิ่งที่พวกเขาค้นพบก็คือโบสถ์ในที่ๆ ไม่ควรมีโบสถ์” สการ์สการ์ดอธิบายให้ฟัง “ เพราะว่ามันถูกสร้างเมื่อสมัยศตวรรษที่ห้า และในยุคนั้นศาสนาคริสต์ยังไม่ได้เข้ามาถึงภูมิภาคนั้น เมื่อพวกเขาเริ่มเข้าไปยังสถานที่นั้น สิ่งที่ไม่น่าไว้ใจก็ทยอยเกิดขึ้นตามกันมา ชาวพื้นเมืองเตอร์คานาที่พวกเขาจ้างไปเป็นลูกหาบก็เริ่มปฏิเสธที่จะเข้าไปข้างใน”
เมอร์รินได้พบว่าตัวเขาต้องทำงานร่วมกับสาธุคุณฟรานซิส พระหนุ่มเคร่งลัทธิที่ถูกส่งมาเพื่อเริ่มเผยแพร่ศาสนาในแอฟริกา “หลวงพ่อฟรานซิสศึกษามาจากสำนักวาติกัน” เจมส์ ดาร์ซีผู้รับบทพระหนุ่มกล่าว “หลังจากการค้นพบโบสถ์ สำนักวาติกันได้สั่งให้เขาเปลี่ยนเส้นทางมายังเคนยา หน้าที่ของเขาคือทำให้แน่ใจว่าเป้าหมายทางด้านศาสนาของการขุดค้นนั้น เป็นไปโดยถูกทำนองคลองธรรมและด้วยการให้ความนับถือ เมื่อเขาได้ยินข่าวว่าหลวงพ่อเมอร์รินจะเข้าร่วมการขุดค้น เขาจึงเชื่อว่าทั้งคู่มีวัตถุประสงค์เดียวกัน”
อย่างไรก็ตามเมื่อทั้งสองได้พบกัน เขาก็พบว่าเขาเป็นคนเดียวที่คิดเช่นนั้น “หลวงพ่อเมอร์รินผ่านสิ่งที่เลวร้ายมามากในชีวิต“ ดาร์ซีเล่า “เขาปฏิเสธพระผู้เป็นเจ้า และเมื่อหนังดำเนินไป ฟรานซิสก็พยายามโน้มน้าวให้เขาทบทวนศรัทธาของขาเสียใหม่ และให้เขาช่วยเมื่อสถานการณ์กลับกลายและเลวร้ายมากขึ้น และฟรานซิสยังต้องช่วยเขา ชักจูงให้เขาสำนึกว่าการไม่ยอมรับพระเจ้าเป็นสิ่งที่ผิดในการกระทำของเขา”
“มีความตึงเครียดที่น่าสนใจระหว่างหลวงพ่อเมอร์รินและหลวงพ่อฟรานซิส” ฮาร์ลินตั้งข้อสังเกตุ “เพราะว่าทั้งคู่ตกอยู่ท่ามกลางที่ๆ ไม่รู้จักในขณะทำการขุดค้น และความระแวงก็ทวีขึ้น ว่าหลวงพ่อฟรานซิสอาจรู้มากกว่าที่แสดงให้เห็น และอาจมีวามลับอีกมากมายที่หลวงพ่อเมอร์รินจะต้องค้นพบ เราโชคดีมากที่ได้ตัวเจมส์ เพราะเขาเป็นนักแสดงหน่มที่มีฝีมือ และได้แสดงด้วยบทบาทที่น่ามหัศจรรย์ในการเป็นผู้เผยแพร่ศาสนาหนุ่มที่สมบูรณ์แบบ และในขณะเดียวกันเราจะเห็นในแววตาของเขาได้ว่าอาจมีบางอย่างมากกว่านั้นที่กำลังเกิดขึ้น”
อีกไม่นานนัก เมอร์รินก็พบว่าเขามีพันธมิตรที่คิดเหมือนกันในเรื่องความน่าสงสัยและสภาวะที่น่ากลัว ดร. ซาร่าห์ โนแวค เดินทางมายังถิ่นนั้น และพยายามที่จะนำความช่วยเหลือมาสู่ชนพื้นเมือง แต่เธอต้องเอาชนะความไม่ไว้วางใจของหัวหน้าเผ่าเตอร์คานาให้ได้ ผู้ซึ่งทวีความไม่ไว้วางใจผู้มาเยือนหน้าใหม่ทุกคนมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อบริเวณหมู่บ้านของเขาถูกจู่โจมด้วยพลังอันตรายที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ผู้รับบทซาร่าห์ คือ อิซาเบลลา สคอรัพโค ซึ่งเคยแสดงในภาพยตร์หลายเรื่อง เช่น Reign of Fire, Vertical Limit และ GoldenEye “ซาร่าห์ได้เลือกที่จะมายังหมู่บ้านเล็กๆ ในแอฟริกาแห่งนี้ เพื่อช่วยผู้คนที่เธอรู้สึกว่าต้องการคนดูแล” ดาราสาวกล่าว “เธอเป็นผู้หญิงที่มีอดีตซึ่งเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและเธอต้องการทำความดี เพื่อทดแทนกับความอยุติธรรมของโลก เธอเป็นคนที่มีบุคลิกเข้มแข็ง และเธอจะไม่มีวันยอมแพ้”
สคอรัพโคมีความทรงจำที่ยังคงชัดเจนอยู่ในใจ สำหรับการเผชิญหน้าเป็นครั้งแรกของเธอกับหนังต้นฉบับ “The Exorcist เป็นหนังที่น่ากลัวที่สุดเท่าที่ฉันเคยดูมาในชีวิต” เธอบอก “ฉันยังจำได้ถึงตอนอายุ 12 แล้วก็นอนไม่หลับเป็นอาทิตย์ๆ หลังจากดูหนัง ตอนอายุเท่านั้นเราะจับกลุ่มกับเพื่นๆ แล้วก็ดูกันซ้ำแล้วซ้ำอีก รู้สึกเหมือนการที่เราคอยคิดว่าจะมีอะไรโผล่มาจากมุมตึกข้างหน้า”
“ผมเสาะหานักแสดงที่จะสามารถสวมบทตัวละครนี้มานานและอย่างลำบากยากเย็น” ฮาร์ลินกล่าว “อิซาเบลลาเหมาะเป็นที่สุด ในบทหญิงสาวที่เป็นมืออาชีพ เข้มแข็ง ที่สามารถเอาชีวิตรอดได้ในสภาวะที่แสนโหดร้าย และยังทำงานของเธอได้ อีกอย่าง สิ่งที่ทำให้การทำงานในหนังเรื่องนี้ดีมากๆ ก็คือความจริงที่ว่าพวกเราหลายคนมาจากสแกนดิเนเวีย ทั้งสเตลแลนและอิซาเบลลามาจากสวีเดน และผมมาจากฟินแลนด์ ดังนั้นเราจึงพูดภาษาเดียวกันได้ และเรายังแบ่งปันมุขตลกให้แก่กันได้ และยัง” เขาเสริมพร้อมกับเสียงหัวเราะว่า “นินทาผู้อำนวยการสร้างลับหลังได้โดยเขาไม่รู้ว่ารากำลังคุยอะไรกันอยู่!”
เพื่อนดาราและผู้กำกับฯ นับเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจของสคอรัพโคในการรับแสดงบทนี้ “สิ่งที่จูงใจให้ฉันบินมาโรมพร้อมกับทารกอายุสี่เดือนก็คือโอกาสที่จะได้ทำงานกับ สเตลแลน สการ์สการ์ด” เธอทบทวน “ฉันมาจากสวีเดนและเขาเป็นหนึ่งในบรรดาดาราที่ยิ่งใหญ่ และได้รับความนับถือมากที่สุดคนหนึ่ง มันเป็นของขวัญที่งดงามที่สุดที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของงานสร้างกับเขาและพลังงานของเขา และแน่นอน เรนนี่ ฮาร์ลิน ก็เป็นผู้กำกับฯ ที่มีความสามารถพิเศษอย่างยิ่ง และรู้สึกมีสปิริตเมื่อได้อยู่ใกล้เขา เขาเป็นคนที่ทำงานหนักอย่างมาก แต่ก็ยังขี้เล่นอีกด้วย เขาชอบลองในสิ่งที่แตกต่าง และยอมให้เราทำอะไรก็ได้ที่คิดว่าเหมาะกับฉากนั้นๆ โดยไม่ต้องกลัว”
“เรนนี่สร้างบรรยากาศที่สนุกสนานในการทำงานในกองถ่าย” ดาร์ซีเห็นด้วย “เขาจะชี้นำจากข้างบน และเขาจะสร้างบรรยากาศแบบที่คนอยากจะแสดง เขาจะไม่ตะโกนสั่ง ‘คัท’ อยู่ตลอดเวลา เราจะแสดงต่อและถอยกลับไปเพื่อหาจังหวะใหม่ และมองดูจากมุมมองที่ต่างไป และเขาเก่งอย่างเหลือเชื่อกับเรื่องกล้อง ผมไม่เคยเห็นใครที่สามารถแกว่งไกวกล้องไปได้อย่างมีความสุข และไม่เคยกังวลว่า ‘เราจะตัดฉากนี้เข้าด้วยกันอย่างไร?’ ฝีมือเขาชั้นครูจริงๆ เป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมมากที่ได้ทำงานกับเขา”
ทั้งหลวงพ่อเมอร์รินและซาร่าห์ต่างก็วิตกในความปลอดภัยของโจเซฟ เด็กชายชาวแอฟริกัน ซึ่งให้ความเป็นมิตรกับอดีตพระ แต่พวกเขาไร้ซึ่งพลังที่จะหยุดยั้งเหตุการณ์อันน่าสพรึงกลัวที่ทยอยกันเกิดขึ้นอยู่รอบตัวเขา ในขณะที่ความมืดกำลังคืบคลานเข้าสู่หมุ่บ้านของพวกเขา โจเซฟและครอบครัวก็ต้องพัวพันกับปีศาจร้ายในม่านหมอก มันเป็นบทบาทที่ต้องทุ่มเทมาก แต่นักแสดงรุ่นเยาว์อย่าง เรมี่ สวีนนี่ ก็พิสูจน์ฝีมือที่เข้าถึงระดับของตัวเองได้อย่างรวดเร็ว
“โจเซฟเป็นตัวละครที่คัดเลือกได้ยากมาก” ฮาร์ลินกล่าว “เพราะเขามีอายุเพียงแค่แปขวบเท่านั้น และเมื่อเรมี่ก้าวเข้ามา ผมก็รู้ว่าได้เจอตัวหนุ่มน้อยของผมแล้ว เขาเต็มไปด้วยพลังและแรงบันดาลใจที่ผมเห็นได้ว่ามีจินตนาการที่เราต้องการในบทบาทนี้”
“เรมี่เป็นธรรมชาติ — เขามีอยู่ในตัว” สคอรัพโคเห็นด้วย “เวลาเราเห็นเขาบนจอ จะรู้ได้เลยว่าหนุ่มน้อยคนนี้จะต้องกลายเป็นอะไรสักอย่างแน่ๆ!”
เมื่อเริ่มต้นการถ่ายทำนั้น สวีนนี่อายุเจ็ดขวบ (เขาได้ฉลองวันเกิดครบรอบแปดขวบระหว่างการถ่ายทำ) “นี่เป็นหนังเรื่องแรกของผม ผมเลยค่อนข้างประสาทเสีย” สวีนนี่ หนุ่มชาวอังกฤษกล่าว “ผมตื่นเต้นมากที่ได้เข้าฉาก โดยเฉพาะเมื่อผมได้ดูในมอนิเตอร์และเห็นสิ่งที่ผมได้ทำไป”
เมื่อชนพื้นเมืองถูกชักจูงให้รู้สึกว่าการมาของคนจากภายนอกนั้นเป็นต้นเหตุของความบ้าคลั่งที่เข้าจู่โจมพวกเขา ความตึงเครียดก็คุกคามจนเจียนระเบิด กองทหารอังกฤษถูกส่งมาเพื่อรักษาความสงบ แต่ทว่าพวกเขากลับสร้างความปั่นป่วนและผลักดันให้สถานการณ์ไปไกลจนถึงจุดแตกหัก และเมอร์รินก็ได้แต่เฝ้ามองอย่างไม่อาจช่วยเหลืออะไรได้ ในขณะที่ความทรงจำเมื่อครั้งสงครามของเขา ที่ได้เห็นผู้บริสุทธิ์ถูกคุกคามด้วยความโหดร้ายของปีศาจก็หวนคืนมาอีกครั้ง
“ในหนังเรื่องนี้ ปีศาจร้ายอยู่ในรูปแบบที่บริสุทธิ์” สการ์สการ์ดย้ำ “มันเห็นได้ชัดถึงการปรากฎของปีศาจ มันเป็นหนึ่งในบรรดาเรื่องที่พวกปีศาจบริสุทธิ์ และความดีก็บริสุทธิ์ในระดับหนึ่งด้วย มันไม่เหมือนในชีวิตจริงที่ไม่มีคนดีคนชั่ว การที่เมอร์รินต่อสู้กับศรัทธานั้นเป็นส่วนหนึ่งของเรื่อง และการต่อสู้กับปีศาจเป็นอีกส่วนหนึ่ง”
พระหนุ่มมั่นใจว่าต้นเหตุของหายนะที่ทวีกำลังขึ้นนั้น ไม่ได้อยู่ในตัวโบสถ์ แต่ทว่าอยู่ข้างใต้โบสถ์ ที่ซึ่งปีศาจที่เก่าแก่ที่สุดในชั่วนิรันดร์กำลังรอคอยการปลดปล่อย แต่หากเขาจะมีโอกาสที่จะเอาชนะมันได้ เมอร์รินจะต้องพลิกฟื้นศรัทธา ซึ่งเขาคิดว่าสูญสิ้นไปหมดแล้วของเขา “นี่ไม่ใช่หนังแฟนตาซี” ฮาร์ลินพูด “มันเป็นเรื่องโบราณที่สุด เกี่ยวกับพระเจ้าและมารร้าย หากไม่มีด้านหนึ่งก็ไม่มีอีกด้านหนึ่ง ดังนั้นหากเราเชื่อ เราก็ต้องเชื่อทั้งคู่”--จบ--
--อินโฟเควสท์ (นห)--

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๕:๓๘ Siriraj Education Expo 2024 ก้าวสู่ยุคใหม่ไปกับศิริราช พร้อมยกระดับทางการแพทย์ให้ดีขึ้น เพื่อสุขภาวะที่ดีของคนไทยทุกคน
๐๓ พ.ค. ครั้งแรก! งานเทศกาลคอนเทนต์ LGBTQ ฉลองความเท่าเทียมทางเพศ THAILAND INTERNATIONAL LGBTQ FILM TV FESTIVAL 2024 ปักหมุดเตรียมพบกัน กันยายนนี้
๐๓ พ.ค. โน วัน เอลส์ ส่ง 3 เพลงรัก 3 สไตล์! ผ่านมิวสิกซี่รีย์ ที่จะทำให้คุณเข้าใจความรักมากขึ้น
๐๓ พ.ค. ทีซีเอ็มซีมอบรางวัลประกวดการออกแบบผลงานด้านผลิตภัณฑ์อคูสติกส์
๐๓ พ.ค. GT Auto ฉลองแชมป์ยอดขาย Volvo จัดงาน มหกรรม GT Auto Show ลดสูงสุด 1,000,000 บาท พร้อมชูบริการ GT Auto Exclusive Service
๐๓ พ.ค. กทม. เตรียมพร้อมให้บริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ในกลุ่มเสี่ยงและนักเรียนในสังกัด
๐๓ พ.ค. กรมส่งเสริมการเกษตร ประชุมคณะทำงานความร่วมมือด้านการรับรองแหล่งผลิตพืชฯ (GAP พืช) ครั้งที่ 1/2567
๐๓ พ.ค. First Sale! realme 12 5G และ realme 12X 5G สัมผัสประสบการณ์ Portrait Master กับกล้องซูม 3X in sensor
๐๓ พ.ค. CRYSTALLIZING ใหม่! โดย SHISEIDO PROFESSIONAL อัปเกรดกลุ่มผลิตภัณฑ์ยืด-ดัดผม ชูเทคโนโลยีสุดล้ำ DUAL PERFORMANCE SYSTEM
๐๓ พ.ค. บัลเลต์ รีทรีต บนเกาะมัลดีฟส์ กลับมาอีกครั้ง ที่ อวานี พลัส แฟเรส โดย คาร์ริส สการ์เลต นักเต้นบัลเลต์ชื่อดัง