กนภ.เห็นชอบ 3 แนวทางการพัฒนา เพื่อกระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาค

จันทร์ ๐๔ สิงหาคม ๑๙๙๗ ๑๙:๒๕
กรุงเทพ--4 ส.ค.--สภาพัฒน์
เมื่อเร็ว ๆ นี้ พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ นายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการนโยบายกระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาคและท้องถิ่น (กนภ.) ครั้งที่ 2/2540 ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล
ในการประชุมครั้งนี้ ที่ประชุม กนภ. ได้มีมติเห็นชอบในเรื่องสำคัญ ๆ 3 เรื่อง ดังนี้
1) กรอบแนวทางการพัฒนาเพื่อกระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาคและท้องถิ่นในช่วงแผนฯ 8 ได้แก่
ก. แนวทางการพัฒนาที่สำคัญ 3 แนวทาง ประกอบด้วย
1.1 การเพิ่มความสามารถของคนในชนบท โดยเริ่มจากการพัฒนาชุมชนก่อน เพื่อให้คนในชุมชนมีศักยภาพเพียงพอ สามารถพึ่งตนเองได้ และมีความพร้อมที่จะรับประโยชน์จากการกระจายตัวทางเศรษฐกิจที่ไปสู่ภูมิภาคและท้องถิ่นได้อย่างเต็มที่ ทั้งนี้ การสร้างความเข้มแข็งของชุมชน ต้องหากิจกรรมหรือตัวนำที่เป็นการพัฒนาศักยภาพของคน ซึ่งกิจกรรมทางเศรษฐกิจจะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้เกิดการพัฒนาร่วมกันได้ดีที่สุด โดยควรมีกิจกรรมหลายประเภท เช่น ภาคเกษตรกรรม ควรให้ความสำคัญมากขึ้นกับระบบการเกษตรที่มีความหลากหลายทางการผลิต ซึ่งให้ผลดีทั้งทางเศรษฐกิจในระดับครัวเรือน เกษตรกรและชุมชน รวมทั้งเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ที่ดิน แรงงาน รวมทั้งมีส่วนในการอนุรักษ์ดินและน้ำ โดยให้สอดคล้องกับศักยภาพของพื้นที่ โดยผสมผสานความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสมัยใหม่กับภูมิปัญญาท้องถิ่น ภาคอุตสาหกรรม ควรสนับสนุนอุตสาหกรรมขนาดเล็กที่ชุมชนสามารถเป็นเจ้าของและบริหารจัดการโดยใช้แรงงานและวัตถุดิบในท้องถิ่น และภาคบริการ ควรสนับสนุนให้ชุมชนจัดทำธุรกิจบริการ ทั้งนี้ต้องคำนึงถึงศักยภาพของแต่ละจังหวัด ตลอดจนอำเภอเพื่อกำหนดพื้นที่การกระจายกิจกรรมทางเศรษฐกิจไปสู่จังหวัดและอำเภอต่าง ๆ ได้อย่างเหมาะสมและไม่ขัดแย้งกัน
1.2 การกระจายเศรษฐกิจไปสู่ภูมิภาคและท้องถิ่น ต้องพิจารณากิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ควรกระจาย และกำหนดพื้นที่สำหรับรองรับ ขณะเดียวกันก็ต้องจัดโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจและสังคมให้สอดคล้องกับเป้าหมายกิจกรรมและพื้นที่การพัฒนาในแต่ละภูมิภาค ได้แก่ การใช้นโยบายส่งเสริมการลงทุนเป็นตัวนำ โดยเน้นการสนับสนุนผู้ประกอบการในท้องถิ่น และการโยกย้ายอุตสาหกรรมออกจากกรุงเทพมหานครและปริมณฑลเป็นพิเศษ ซึ่งขณะนี้ คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนกำลังพิจารณาแนวทางการส่งเสริมในเขต 3 พิเศษ จำนวน 13 จังหวัด การพัฒนาพื้นที่ที่มีศักยภาพในภูมิภาคให้สนับสนุนระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศเพื่อแข่งขันกับนานาชาติ และช่วยกระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาคเช่นการพัฒนาตามแนวเส้นทาง ทางหลวงหมายเลข 9 เชื่อมอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก-พิษณุโลก ขอนแก่น-มุกดาหาร ออกสู่สุวรรณเขต การพัฒนาพื้นที่ชายแดน ฯลฯ การพัฒนาพื้นที่เขตความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ โครงการความร่วมมืออนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง 6 ประเทศ และโครงการความร่วมมือเศรษฐกิจสามฝ่าย ไทย-อินโดนีเซีย-มาเลเซีย
1.3 การปรับนโยบายการพัฒนาทางด้านต่าง ๆ ให้เกื้อหนุนการพัฒนาเพื่อกระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาคและท้องถิ่น เช่น การเงินการคลังท้องถิ่น โดยปรับปรุงการจัดเก็บรายได้จากภาษีและค่าธรรมเนียมของท้องถิ่นให้มากขึ้นเพื่อนำไปใช้ในการพัฒนาชุมชน การกระจายอำนาจการบริหารงานพัฒนาจากส่วนกลางไปสู่องค์กรท้องถิ่นและให้ประชาชนมีส่วนร่วมในกระบวนการพัฒนาอย่างแท้จริง เป็นต้น
ข. การแปลงแนวทางไปสู่การปฏิบัติ
เนื่องจากการดำเนินงานเพื่อกระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาคและท้องถิ่นตามแนวทางข้างต้น ต้องอาศัยการสนับสนุนด้านนโยบาย แผนงานและโครงการจากส่วนกลางทั้งภาครัฐบาลและเอกชน ขณะเดียวกันก็ต้องอาศัยการมีส่วนร่วมจากประชาชนในระดับพื้นที่ จึงควรมีการประสานการดำเนินงานที่จะลงสู่พื้นที่อย่างใกล้ชิด ทั้งในระดับประเทศ ระดับภาค และระดับชุมชน โดยให้ฝ่ายเลขานุการ กนภ. เป็นผู้ประสานการดำเนินการของหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐ เอกชน และองค์กรพัฒนาเอกชนให้สอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาเพื่อกระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาคและท้องถิ่นในช่วงแผน 8 ต่อไป
2) แนวทางการเสริมสร้างความเข้มแข็งขององค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ประกอบด้วยแนวทางดังนี้
2.1 การเพิ่มประสิทธิภาพและทักษะให้แก่สมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบลทางด้านบทบาทหน้าที่ กฎระเบียบ การบริหารงบประมาณ รวมทั้งกระบวนการจัดทำแผนและดำเนินการตามที่กฎหมายกำหนดไว้อย่างต่อเนื่อง
2.2 การเสริมสร้างกระบวนการทำงานร่วมกันระหว่าง อบต. และชุมชนในการพัฒนาท้องถิ่นของตนเองให้เกิดขึ้นอย่างกว้างขวาง และยั่งยืน
2.3 สนับสนุนกระบวนการเสริมสร้างศักยภาพ อบต. อย่างต่อเนื่องในระยะยาว โดยจัดตั้งสถาบันอิสระเพื่อทำหน้าที่สนับสนุนทางวิชาการ ตลอดจนการบริหารจัดการในการพัฒนาบุคลากรของ อบต. และชุมชนให้แก่หน่วยงานที่มีหน้าที่ทางด้านการพัฒนาความเข้มแข็งขององค์การบริหารส่วนตำบลต่อไป
ทั้งนี้ ที่ประชุม กนภ. ยังได้เห็นชอบให้จัดตั้งคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจประสานแนวทางการเสริมสร้างความเข้มแข็งขององค์การบริหารส่วนตำบล ภายใต้ คณะกรรมการ กนภ. ซึ่งประกอบด้วยผู้แทนจากภาคราชการ ภาคเอกชน องค์กรพัฒนาเอกชน และนักวิชาการ โดยมีนายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม เป็นประธาน และผู้อำนวยการ สำนักงานคณะกรรมการ กนภ. เป็นเลขานุการ โดยให้คณะอนุกรรมการเฉพาะกิจฯ นี้ มีหน้าที่ประสานการดำเนินงานสร้างความเข้มแข็งขององค์การบริหารส่วนตำบล และพิจารณาความเป็นไปได้ในรูปแบบการจัดตั้งสถาบันเพื่อสนับสนุนทางวิชาการในการพัฒนาความเข้มแข็งขององค์การบริหารส่วนตำบลต่อไป
นอกจากนี้ที่ประชุม กนภ. ได้ให้ข้อสังเกตเรื่อง การเร่งดำเนินการให้ความรู้ครอบคลุมเรื่องการบริหารการคลังท้องถิ่นให้แก่สมาชิก อบต. นอกเหนือจากการบริหารงบประมาณ และการหารายได้ให้แก่ท้องถิ่นเนื่องจากที่ประชุมมีความห่วงใยเกี่ยวกับการบริหารงบประมาณ ของ อบต. โดยเฉพาะอย่างยิ่งระเบียบวิธีการ ซึ่ง สมาชิก อบต. อาจไม่ทราบ--จบ--

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๗ เม.ย. อแมนด้า ชาร์ลีน ออบดัม VICHY LIFTACTIV BRAND PARTNER ตัวแทนประเทศไทย ร่วมงาน 'V.I.C VICHY INTEGRATIVE CENTER' อีเว้นท์สุดยิ่งใหญ่ในรอบ 5 ปี ของแบรนด์ VICHY (วิชี่) อวดลุคเซ็กซี่สุดฮอต สวย ปัง
๒๖ เม.ย. ไทยพีบีเอสผนึกกำลัง สสส. ผลิต และเผยแพร่เนื้อหาส่งเสริมสุขภาวะเด็ก เยาวชน และครอบครัว
๒๖ เม.ย. NPS ร่วมสืบสานประเพณีสงกรานต์ชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้า ประจำปี 2567
๒๖ เม.ย. แพทย์แผนไทย มทร.ธัญบุรี แนะฤดูร้อนควรทานพืชผักที่มีฤทธิ์เย็นช่วยลดความร้อนในร่างกาย
๒๖ เม.ย. แพรนด้า จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2566
๒๖ เม.ย. RBRU Herb Shot ขยายศักยภาพทางธุรกิจ รุกตลาดอินเดีย
๒๖ เม.ย. ไฮเออร์ ประเทศไทย เดินเกมรุกไตรมาส 2 เปิดตัวตู้เย็นรุ่นใหม่ Multi-door HRF-MD679 ตั้งเป้าปี 67 ดันยอดขายตู้เย็นโต
๒๖ เม.ย. เอ็น.ซี.ซี.ฯ ประกาศจัดงาน PET EXPO THAILAND 2024 ระดมสินค้า บริการ ลดหนักจัดเต็ม รับกระแส Petsumer ดันตลาดสัตว์เลี้ยงโตแรง
๒๖ เม.ย. ธอส. ขานรับนโยบายรัฐบาล ลดอัตราดอกเบี้ย MRR 0.25% ต่อปี พร้อมส่งเสริมวินัยการออม ด้วย เงินฝากออมทรัพย์เก็บออม ดอกเบี้ยสูงถึง 1.95%
๒๖ เม.ย. ManageEngine ลดความซับซ้อน ช่วยองค์กรจัดการต้นทุนบนคลาวด์ทั่วมัลติคลาวด์ได้ง่ายขึ้น พร้อมรองรับแพลตฟอร์ม Google Cloud