ธนาคารกสิกรไทยได้รับการจัดอันดับเครดิตภายในประเทศระดับ AA-(tha); แนวโน้มมีเสถียรภาพ

พฤหัส ๓๐ สิงหาคม ๒๐๐๑ ๑๔:๕๓
กรุงเทพฯ--30 ส.ค.--ฟิทซ์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย)
ฟิทช์ - กรุงเทพ/ลอนดอน: บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้จัดอันดับเครดิตภายในประเทศ (National ratings) ระยะยาวและระยะสั้นแก่หนี้ของธนาคารกสิกรไทยที่ระดับ AA-(tha) และ ระดับ F1(tha) ตามลำดับ การจัดอันดับภายในประเทศครั้งนี้เกิดหลังจากที่ฟิทช์สำนักงานใหญ่ที่ลอนดอนได้ยืนยันอันดับเครดิตแบบสากล (International ratings) สำหรับสกุลเงินต่างประเทศของธนาคารกสิกรไทยไปเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาซึ่งธนาคารกสิกรไทยได้รับการจัดอันดับเครดิตสำหรับสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวและระยะสั้นที่ระดับ BB+ และ B ตามลำดับ รวมถึงอันดับสนับสนุน (Support rating) ที่ระดับ 2 และอันดับความเข้มแข็งทางการเงินของธนาคาร (Individual or financial strength) ที่ระดับ D ระดับที่ได้รับจากการจัดอันดับในครั้งนี้มีส่วนมาจากการสนับสนุนจากรัฐบาล เนื่องจากธนาคารกสิกรไทยมีส่วนแบ่งของฐานเงินฝากสำหรับลูกค้ารายย่อยในระดับที่สูง มีสัมพันธ์ที่ดีและแข็งแกร่งกับสถาบันที่เกี่ยวข้องกับรัฐฯต่างๆ รวมถึงมีความสำคัญต่อระบบการเงินและภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศ การจัดอันดับครั้งนี้ยังได้พิจารณาถึงความเป็นผู้นำของธนาคาร ประกอบกับนโยบายที่เข้มงวดในการกันสำรองเพื่อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ การเพิ่มทุน การปรับโครงสร้างหนี้ และการขายสินทรัพย์ จะส่งผลให้ธนาคารสามารถฟื้นฟูสถานะทางการเงินได้ในระยะกลาง
ผลประกอบการของธนาคารในปี 2543 ที่ผ่านมานั้นได้แสดงถึงการพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น เนื่องจากการลดลงของการกันสำรองเพื่อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้และการลดลงของต้นทุนดอกเบี้ยเป็นหลัก ธนาคารแสดงผลประกอบการกำไรเป็นจำนวน 1.26 พันล้านบาท เมื่อเทียบกับผลขาดทุน 5.6 หมื่นล้านบาทในช่วงปีก่อน การพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นนั้นได้ชะลอตัวลงในช่วงปี 2544 และธนาคารน่าจะแสดงผลกำไรเพียงเล็กน้อยในช่วงปีนี้ สาเหตุของกำไรที่ลดลงนั้นเนื่องมาจากการกันสำรองเพื่อการด้อยค่าของสินทรัพย์ ประกอบกับระบบเศรษฐกิจที่ชะลอตัวทำให้ธนาคารขยายสินเชื่อได้ยากและการย้อนกลับของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ที่ได้รับการปรับโครงสร้างหนี้แล้ว รวมกับการเพิ่มขึ้นของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้รายใหม่ และความกดดันที่เกิดจากส่วนต่างของดอกเบี้ยที่น้อยลง สิ่งเหล่านี้จะยังทำให้ผลประกอบการของธนาคารคงอ่อนแออยู่ในระยะสั้น อย่างไรก็ตามธนาคารกสิกรไทยได้พยายามอย่างต่อเนื่องที่จะทำการปฎิรูปองค์กร เพื่อให้ธนาคารกลับมามีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งขึ้นในระยะกลาง โดยการเปลี่ยนแปลงนั้นได้เกิดขึ้นกับทั้ง สาขา ผู้บริหารทั้งระดับกลางและระดับสูง รวมถึงการปรับกลุ่มลูกค้าและสินค้าของธนาคารให้กระจายสู่กลุ่มลูกค้ารายย่อย และลูกค้าซึ่งเป็นบริษัทขนาดกลาง ให้มากขึ้น ทั้งนี้ยังรวมถึงการขยายบริการไปยังสาขาการบริหารจัดการกองทุนอีกด้วย นอกจากนี้แล้วธนาคารยังได้ทำการปรับปรุงการบริหารจัดการความเสี่ยงและยังคงยืนหยัดในความเป็นบรรษัทพิบาลที่ดีต่อเนื่องมาจนปัจจุบัน
ธนาคารกสิกรไทยสามารถลดจำนวนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (งบการเงินรวม) จาก 32% ในปี 2542 มาเป็น 26% ในปี 2543 เราคาดหวังว่าหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้จะลดลงต่อเนื่องในปีนี้ไปอยู่ในระดับ 20% ในปลายปี 2544 เนื่องจากการโอนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้บางส่วนไปยังบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทยของรัฐบาลและการปรับโครงสร้างหนี้ต่อเนื่อง ระดับเงินสำรองเพื่อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของธนาคารนั้นอยู่ที่ 6 หมื่นล้านบาท ณ ปลายปี 2543 และลดลงเป็น 5.9 หมื่นล้านบาท ณ ปลายเดือน มิถุนายน ของปี 2544 หลังจากการตัดหนี้สูญที่ได้ทำเพิ่มในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2544 ระดับเงินสำรองเพื่อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้นั้นอยู่ที่ประมาณ 45% ของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ที่มีอยู่ ณ ปัจจุบัน ระดับเงินสำรองเพื่อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของธนาคารกสิกรไทยนั้นจัดอยู่ในกลุ่มที่สูงที่สุดในระหว่างธนาคารของไทย แม้ว่าจะยังคงไม่แน่นอนว่าระดับที่อยู่นี้จะเพียงพอ ฟิทช์เชื่อว่าการที่ธนาคารมีระดับการกันสำรองที่สูงจะทำให้ธนาคารสามารถแสดงผลการดำเนินงานที่มั่นคงกว่าธนาคารอื่นเนื่องจากมีความเสี่ยงต่อความต้องการการกันสำรองเพิ่มน้อยกว่า ณ ปลายเดือน มิถุนายน 2544 ธนาคารมีระดับเงินกองทุนขั้นที่หนึ่งอยู่ที่ 7% และระดับเงินกองทุนรวมอยู่ที่ 12% ไม่เปลี่ยนแปลงจากเมื่อปลายปี 2543 ซึ่งอยู่ในระดับที่เพียงพอ เนื่องจากระดับของเงินสำรองที่ค่อนข้างสูงของธนาคารเมื่อเปรียบเทียบกับธนาคารอื่นๆ แนวโน้มในระยะกลางของธนาคารกสิกรไทยนั้นดีกว่าธนาคารโดยทั่วไป ด้วยความสามารถของผู้บริหารที่มีเข้มแข็งและความมั่นคงที่จะปรับปรุงธนาคารให้สามารถกลับมาทำกำไร และดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป
ติดต่อ: ดุษฎี ศรีชีวะชาติ; วินเซนต์ มิลตัน, กรุงเทพฯ +662 655 4762/4759
เดวิด มาแชล, ฮ่องกง +852 2973 6293
หมายเหตุ : การจัดอันดับเครดิตภายในประเทศ (National Ratings) ใช้วัดความน่าเชื่อถือของบริษัทในประเทศที่อันดับเครดิตของรัฐบาลในประเทศนั้นอยู่ในระดับต่ำกว่า 'AAA' ในระดับการจัดอันดับเครดิตแบบสากล (International Ratings) อันดับเครดิตภายในประเทศจึงไม่สามารถเปรียบเทียบกับอันดับเครดิตแบบสากล เนื่องจากอันดับเครดิตของบริษัทที่ดีที่สุดของประเทศได้จัดไว้ที่ระดับ "AAA" และการจัดอันดับเครดิตอื่นในประเทศ จะเป็นการเปรียบเทียบความเสี่ยงกับบริษัทที่ดีที่สุดนี้เท่านั้น อันดับเครดิตภายในประเทศจะมีสัญลักษณ์ที่กำหนดไว้ต่อท้ายจากอันดับเครดิตสำหรับประเทศนั้นๆ เช่น "AAA(tha)" ในกรณีของประเทศไทย
การเปิดเผยข้อมูล: บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม กสิกรไทย จำกัด ซึ่งถือหุ้น 68.5% โดยธนาคารกสิกรไทย ถือหุ้นจำนวน 10% ของบริษัทฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ไม่มีผู้ถือหุ้นใดนอกเหนือจากบริษัทฟิทช์ เรทติ้งส์ จำกัดแห่งประเทศอังกฤษที่มีส่วนในการดำเนินงานและการจัดอันดับเครดิตที่จัดโดยบริษัทฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด--จบ--
-อน-

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗ พ.ค. สุรีย์พร คลินิก เปิดตัวตึกสูงที่สุดแห่งวงการคลินิกสถาบันเสริมความงาม ฉลอง 20 ปีความสำเร็จพร้อมยกระดับชูเทคโนโลยีล้ำสมัย Volformer
๑๗ พ.ค. ปตท.สผ. จัดงานประชุม SSHE Forum 2024 ส่งเสริมวัฒนธรรมความปลอดภัยในการทำงาน
๑๗ พ.ค. บมจ. เอสไอเอส ดิสทริบิวชั่น (ประเทศไทย) แนะนำ ชุดล็อคประตูกลอนแม่เหล็กไฟฟ้า จากแบรนด์ HIP
๑๗ พ.ค. ซัมซุง อัปเกรดประสบการณ์การชมทุกมหกรรมกีฬา ด้วยนวัตกรรม AI TV สุดล้ำ ชัดทุกแมตซ์เหมือนเชียร์ติดขอบสนาม
๑๗ พ.ค. ไทยพาณิชย์ปักหมุดผู้นำดิจิทัลแบงก์ นำ AI เสริมแกร่ง 360 องศา เปิด 3 นวัตกรรม AI ครั้งแรก! สร้างปรากฏการณ์ใหม่กลุ่มสินเชื่อรายย่อย และ Digital
๑๗ พ.ค. หัวใจเต้นช้า โรคหัวใจที่มักถูกมองข้าม
๑๗ พ.ค. DDD โชว์งบ Q1/67 กวาดกำไรทะยาน 317% YoY พร้อมลุยขยายตลาดสินค้าไลฟ์สไตล์ อัพผลงานปีนี้โตสวย
๑๗ พ.ค. PCC เปิดงบ Q1/67 รายได้โต 14.25% ยอดขายสินค้าหม้อแปลงไฟฟ้า - อุปกรณ์ระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ เพิ่มขึ้น มั่นใจรายได้ปีนี้โต 10%
๑๗ พ.ค. บางจากฯ สานต่อพันธกิจสนับสนุนด้านกีฬาอย่างเป็นมิตรต่อโลก ร่วมจัดกิจกรรมเดิน-วิ่ง Olympic Day 2024 Together, For A Better
๑๗ พ.ค. บัตรเครดิต ttb ช้อปคุ้ม อิ่มครบ ได้มากกว่า รับ Magic Gift Voucher รวมมูลค่าสูงสุด 1,500 บาท ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลทั้ง 5