การบริหารเงินคงคลังของรัฐบาล

จันทร์ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๐๑๘ ๑๐:๔๓
กรณีที่มีผู้ตั้งข้อวิจารณ์เรื่องการบริหารเงินคงคลังของรัฐบาล โดยนำข้อมูลตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2557 – พฤศจิกายน 2560 เป็นตารางมาเปรียบเทียบ พร้อมกล่าวว่า ความสามารถในการบริหารเงินคงคลังของ คสช. มีรายจ่ายมากกว่ารายรับ จนต้องกู้เงินเพิ่ม

หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในกระทรวงการคลัง ได้แก่ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กรมบัญชีกลาง และสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ ขอชี้แจงข้อเท็จจริง ดังนี้

ตั้งแต่ปี 2550 เป็นต้นมา รัฐบาลมีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินนโยบายงบประมาณแบบขาดดุล โดยมีงบประมาณรายจ่ายมากกว่าประมาณการรายได้ เพื่อสนับสนุนให้เศรษฐกิจมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องและเร่งการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมา การขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศยังมีข้อจำกัดจากอัตราการใช้กำลังการผลิตในภาคอุตสาหกรรมที่ยังไม่เต็มศักยภาพ โดยการดำเนินนโยบายงบประมาณแบบขาดดุลดังกล่าวเป็นการขาดดุลสำหรับรายจ่ายเพื่อการลงทุน ซึ่งการลงทุนภาครัฐจะช่วยส่งเสริมบรรยากาศการลงทุนในภาพรวมของประเทศ ช่วยกระตุ้นและดึงดูดการลงทุนเพิ่มจากภาคเอกชนด้วย (crowding-in effect)

กระทรวงการคลังจะดำเนินการกู้เงินเพื่อให้สอดคล้องกับกระแสรายได้ กระแสรายจ่าย ในช่วงระยะเวลาต่างๆ ภายใต้ต้นทุนและความเสี่ยงที่เหมาะสม โดยมีการวางแผนการกู้เงินและบริหารเงินคงคลังร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้การดำเนินงานมีประสิทธิภาพและรอบคอบรัดกุม และเป็นการดำเนินการภายใต้กรอบกฎหมาย

แนวทางในการดำเนินนโยบายการคลังและการบริหารเงินคงคลัง รัฐบาลได้คำนึงถึงภาวะเศรษฐกิจ สภาพคล่องของรัฐบาล และยังเป็นการดำเนินการภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลังตามกฎหมายทุกประการ ทั้งนี้ กระทรวงการคลังได้มีการบริหารเงินคงคลังให้เพียงพอต่อความต้องการใช้เงินในแต่ละช่วงเวลา โดยคำนึงถึงภาระดอกเบี้ย ซึ่งเป็นต้นทุนในการเก็บรักษาเงินคงคลังที่ไม่ควรจะมีมากเกินความจำเป็น

การดำเนินนโยบายการคลังของรัฐบาลแบบขาดดุล ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้ดีอย่างต่อเนื่อง (ในปี 2557 2558 และ 2559 เศรษฐกิจไทยขยายตัวร้อยละ 0.9 2.9 และ 3.2 ตามลำดับ) โดยในปี 2560 สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) คาดว่า เศรษฐกิจจะขยายตัวได้ใกล้เคียงร้อยละ 4.0 ซึ่งเป็นการขยายตัวสูงสุดในรอบ 5 ปี

ในขณะที่ระดับหนี้สาธารณะของประเทศที่ผ่านมาอยู่ภายใต้กรอบความยั่งยืนทางการคลัง โดยสัดส่วนหนี้สาธารณะคงค้างต่อ GDP ณ เดือนธันวาคม 2560 อยู่ที่ร้อยละ 41.76 (ซึ่งต่ำกว่ากรอบความยั่งยืนทางการคลังที่กำหนดให้สัดส่วนหนี้สาธารณะคงค้างต่อ GDP ไม่เกินร้อยละ 60) สะท้อนให้เห็นถึงเสถียรภาพทางการคลังของประเทศ

อย่างไรก็ดี ในระยะต่อไป หากภาวะเศรษฐกิจไทยสามารถขยายตัวได้อย่างเต็มศักยภาพ รัฐบาลก็อาจไม่มีความจำเป็นที่จะต้องจัดทำงบประมาณขาดดุล เพื่อให้ภาคเอกชนเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจต่อไป นอกจากนี้ รัฐบาลโดยกระทรวงการคลังยังคงมีนโยบายที่มุ่งเน้นการจัดทำงบประมาณสมดุล พร้อมทั้งยังมีการจัดทำแผนการคลังระยะปานกลาง เพื่อเป็นการรักษากรอบวินัยการเงินการคลังของประเทศให้มีความมั่นคงและมีเสถียรภาพ และสามารถรองรับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากปัจจัยลบทั้งภายในและภายนอกประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง โทร. 02 273 9020

กรมบัญชีกลาง โทร. 02 127 7000

สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ โทร. 02 265 8050

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๕:๑๓ COCOCO บุกกระหน่ำตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงระดับชั้นนำของโลก
๑๕:๐๘ 'ASW' ประกาศผลงานไตรมาส 1/2567 มีรายได้รวม 1,758 ล้านบาท กวาดยอดขายโค้งแรก 6,269 ล้านบาท โตแรงกว่า 65% มั่นใจไตรมาส 2 ผลงานโดดเด่นสุด เดินหน้าโอนกรรมสิทธิ์ 6
๑๕:๐๙ ทรู คอร์ปอเรชั่นเคาะดอกเบี้ยหุ้นกู้ 5 ชุดใหม่ เรทติ้ง A ชูผลตอบแทน 2.95% - 4.30% ต่อปี อายุหุ้นกู้ 1 ปี 3 เดือน ถึง 10
๑๔:๐๘ CFARM ควง APM BYD ให้ข้อมูลนักลงทุน จ.ขอนแก่น เป็นจังหวัดที่ 3
๑๔:๒๕ SJWD ส่งสัญญาณ Q2/67 เติบโตแข็งแกร่งจากแนวโน้มธุรกิจหลักและร่วมลงทุนฟื้นตัว หลังผลงานโค้งแรกทำรายได้รวม 6,288
๑๔:๓๓ TK ไตรมาส 1/2567 รายได้รวม 344.5 ล้านบาท หนี้ครัวเรือนสูง เน้นระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อ คุมคุณภาพลูกหนี้
๑๔:๔๕ SAFE ยิ้มรับปีมังกรกำไร Q1/67 พุ่งแรง! แตะ 67 ลบ. เพิ่มขึ้น 84% ลุยลงทุนเทคโนโลยีใหม่เพิ่มอัตราความสำเร็จตั้งครรภ์ ตั้งเป้ารายได้ปี 67 เติบโต 25%
๑๔:๓๔ SME D Bank ยกทัพ 'เติมทุนคู่พัฒนา' ร่วม Money Expo BANGKOK จัดโปรแรง! สินเชื่อดอกเบี้ยถูกคงที่เริ่ม 2.99%ต่อปี แถม Cash Back สูงสุด 5
๑๔:๑๗ AIT ประกาศผลงานไตรมาส 1/2567 ทำกำไรสุทธิโต 37% รุกขยายฐานลูกค้ารัฐเอกชนต่อเนื่อง หนุนผลงานปี 67 ทำรายได้แตะ 6,800
๑๔:๓๓ เดอะไนน์ เซ็นเตอร์ ติวานนท์ ชวนช้อปสินค้าเกษตรแปรรูปคุณภาพดี กับ งาน ไร่ข้าวโพด มหาสนุก ตั้งแต่ 16-22