แสนสิริชี้ความต้องการที่อยู่อาศัยเพิ่ม ผู้ประกอบการตีปีกผุดโครงการต่อเนื่อง

จันทร์ ๒๑ พฤษภาคม ๒๐๐๑ ๑๔:๕๔
กรุงเทพ--21 พ.ค.--แสนสิริ
ฝ่ายวิจัยแสนสิริ สรุปผลวิจัยแนวโน้มที่อยู่อาศัยช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา พบความต้องการขยายตัวต่อเนื่อง จากนโยบายกระตุ้นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของรัฐบาล พร้อมอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ ผลักดันให้เกิดการตัดสินใจซื้ออย่างมากในช่วงที่ผ่านมา
นางสาววิรานี ปัจจักขภัติ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายวิจัย บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงแนวโน้มความต้องการที่อยู่อาศัย ดังนี้
สรุปภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยช่วงเดือนตุลาคม 2543 - มีนาคม 2544
สภาวะตลาดที่อยู่อาศัยในช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมายังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยที่ยอดขายรวมและปริมาณการก่อสร้างยังคงมีปริมาณที่เพิ่มขึ้น นโยบายตรึงอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับต่ำสามารถกระตุ้นการตัดสินใจซื้อบ้านได้เป็นอย่างดีในระดับหนึ่ง โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้และเงินออมสูง ในขณะที่กลุ่มผู้ประกอบการเองก็มีความเชื่อมั่นต่อภาวะของตลาดเพิ่มขึ้น โดยได้ทยอยเปิดตัวโครงการใหม่ๆ เข้าสู่ตลาดมากขึ้น
อุปทาน - จำนวนบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์เหลือขายในตลาด
จากการสำรวจตลาดที่อยู่อาศัยในช่วงเดือนมีนาคม 2544 พบว่าจำนวนที่อยู่อาศัยประเภทบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์เหลือขายในตลาดมีจำนวนลดลงจากช่วงเดือนกันยายน 2543 ที่ผ่านมา โดยมีจำนวนบ้านเหลือขายรวมทั้งสิ้น 10,196 หน่วย จาก 131 โครงการที่ได้ทำการสำรวจในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล หรือคิดเป็นจำนวนบ้านเหลือขายเฉลี่ยโครงการละประมาณ 78 หน่วย และบ้านเดี่ยวยังคงเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคมากกว่าที่อยู่อาศัยแบบอื่นๆ โดยมีสัดส่วนกว่า 80% ของจำนวนที่อยู่อาศัยเหลือขายทั้งหมดในปัจจุบัน จังหวัดปทุมธานี และเขตทิศตะวันออกเฉียงเหนือของกรุงเทพฯ ยังคงเป็นทำเลที่มีปริมาณที่อยู่อาศัยเหลือขายและมีการแข่งขันมากที่สุด โดยมีจำนวนบ้านเหลือขายทั้งสิ้น 2,846 และ 2,420 หน่วยตามลำดับ ทั้งนี้บ้านสร้างเสร็จก่อนขาย หรือบ้านพร้อมอยู่ยังคงเป็นนโยบายหลักของผู้ประกอบการส่วนใหญ่ โดยปริมาณบ้านดังกล่าวมีสัดส่วนประมาณ 3% ของจำนวนที่อยู่อาศัยเหลือขายทั้งหมดเช่นเดียวกับในช่วงเดือนกันยายน
นอกเหนือจากบ้านเหลือขายในปัจจุบันแล้ว โครงการส่วนมากยังคงมีที่ดินเหลืออยู่ และพร้อมที่จะเปิดดำเนินการเฟสใหม่หรือโครงการต่อเนื่องได้ทันทีที่บ้านเหลือขายในปัจจุบันหมดลง ทั้งนี้จำนวนบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ที่พร้อมจะนำเข้าสู่ตลาดในอนาคตมีจำนวนอีก 6,770 หน่วย และในจำนวนนี้ประมาณ 83% จะถูกพัฒนาเป็นบ้านเดี่ยวตามความต้องการของตลาด
อุปสงค์ - ปริมาณความต้องการบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์
ความต้องการที่อยู่อาศัยในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดือนกันยายน 2543 ประมาณ 6% โดยโครงการทั้ง 131 โครงการสามารถขายบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์รวมกันได้ทั้งสิ้น 785 หน่วย คิดเป็นยอดขายเฉลี่ยโครงการละ 6 หน่วยต่อเดือน เปรียบเทียบกับ 5 หน่วยต่อเดือนในเดือนกันยายน 2543 โดยเขตจังหวัดปทุมธานีนับได้ว่าเป็นย่านที่มีความต้องการสูงสุดในช่วงที่ผ่านมาโดยสามารถขายได้ถึงประมาณ 12 หน่วยต่อโครงการต่อเดือนโดยเฉลี่ย ทั้งนี้บ้านเดี่ยวยังคงมีปริมาณความต้องการสูงสุด โดยที่ 51% หรือประมาณ 400 หน่วยของจำนวนบ้านที่ขายไปทั้งหมดเป็นบ้านเดี่ยว
ภาวะการก่อสร้าง - ภาพสะท้อนของอุปสงค์
ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา จำนวนบ้านที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลมีทั้งสิ้นประมาณ 2,907 หน่วย จาก 131 โครงการ ซึ่งคิดเป็นการขยายตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 10% จากช่วงเดือนกันยายน 2543 ทั้งนี้ปริมาณการก่อสร้างในเขตปริมณฑลและกรุงเทพฯ มีจำนวนที่ใกล้เคียงกัน โดยมีจำนวนก่อสร้างเฉลี่ยต่อโครงการประมาณ 23 และ 21 หน่วยต่อโครงการต่อเดือน ตามลำดับ สำหรับราคาที่อยู่อาศัย พบว่าในเกือบทุกทำเลยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงเมื่อเทียบกับช่วงเดือนกันยายน 2543 กลุ่มบ้านเดี่ยวราคา 1.0 - 3.5 ล้านบาทยังคงเป็นที่ต้องการสูงสุดทั้งในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ในขณะเดียวกัน บ้านเดี่ยวราคาแพงก็มีความต้องการเพิ่มสูงขึ้นจากช่วงก่อน โดยเฉพาะในเขตกรุงเทพฯ ที่บ้านในกลุ่มราคาตั้งแต่ 7.51 ล้านบาทขึ้นไปมีความต้องการมากขึ้นเป็นอันดับสอง
ตารางสรุปสภาพตลาดในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล
กรุงเทพฯ ปริมณฑล
จำนวนโครงการที่ทำการสำรวจ (131 โครงการ) 66 65
จำนวนบ้านเหลือขาย 3,966 หน่วย, เฉลี่ย 59 หน่วย/โครงการ 6,230 หน่วย, เฉลี่ย 91 หน่วย/โครงการ
จำนวนบ้านเดี่ยวเหลือขาย 3,400 หน่วย 4,751 หน่วย
จำนวนทาวน์เฮาส์เหลือขาย 566 หน่วย 1,479 หน่วย
ยอดขายใน 1 เดือน 278 หน่วย 507 หน่วย
จำนวนบ้านที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง เฉลี่ย 21 หน่วย/โครงการ/เดือน เฉลี่ย 23 หน่วย/โครงการ/เดือน
ที่มา: ฝ่ายวิจัย บริษัทแสนสิริ จำกัด (มหาชน), เมษายน 2544--จบ--
-อน-
แนวโน้มแม้ว่าแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดใหม่จะสามารถเพิ่มความมั่นใจให้กับนักลงทุนได้ แต่การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจภายในประเทศก็ยังคงมีแนวโน้มชะลอตัวตามกระแสเศรษฐกิจโลก ทั้งนี้สืบเนื่องจากความผันผวนของทั้งปัจจัยภายในและภายนอก ธนาคารแห่งประเทศไทยคาดการณ์ว่าตัวเลข GDP จะมีแนวโน้มที่ลดลง จาก 4 - 4.5% เหลือ 3 - 4.5% และอัตราเงินเฟ้อจะลดลงเหลือราว 2.2% จาก 2.7% ซึ่งจะสะท้อนให้เห็นถึงการลดลงของทั้งกำลังซื้อภายในประเทศ และประสิทธิภาพในการผลิต สำหรับดอกเบี้ยเงินฝาก คาดว่ายังคงทรงตัวในระดับต่ำที่ประมาณ 2 - 3% ต่อปี และอัตราเงินกู้อยู่ที่ประมาณ 7 - 8% ต่อปี ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นผลดีต่อการฟื้นฟูโครงสร้างหนี้ และเป็นการกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศไปในเวลาเดียวกัน ถึงแม้แนวโน้มเศรษฐกิจโดยรวมข้างต้นยังไม่เห็นเป็นบวกอย่างชัดเจน แต่ปริมาณความต้องการที่อยู่อาศัยในตลาดคาดว่าจะทรงตัวอยู่ในระดับเดียวกับช่วงปัจจุบัน โดยกลุ่มที่คาดว่าจะถูกกระทบน้อยที่สุดได้แก่กลุ่มบ้านเดี่ยวราคาปานกลางค่อนข้างสูง โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีการแข่งขันต่ำ อย่างไรก็ดี กลุ่มบ้านเดี่ยวราคาต่ำจะยังคงเป็นที่ต้องการของตลาดมากที่สุดเช่นเคย แต่อาจจะมีสัดส่วนที่ลดลงเนื่องจากเป็นกลุ่มที่จะถูกกระทบจากภาวะเศรษฐกิจมากที่สุด ทั้งนี้บ้านสร้างเสร็จก่อนขาย ยังคงเป็นปัจจัยที่สำคัญที่ผู้บริโภคใช้ในการพิจารณาเลือกซื้อบ้าน รวมทั้งจะเป็นปัจจัยในการกระตุ้นให้ภาวะการก่อสร้างในระยะเวลา 6 เดือนข้างหน้ามีบรรยากาศคึกคักไม่แตกต่างจากปัจจุบัน นอกจากนี้อัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำจะส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อบ้านของผู้บริโภคได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
- จบ -
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่วิภาวริศ เกตุปมาเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์อาวุโสบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน)โทรศัพท์ 201-3328 โทรสาร 201-3904e-mail address: [email protected]

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๐๔ พ.ค. Siriraj Education Expo 2024 ก้าวสู่ยุคใหม่ไปกับศิริราช พร้อมยกระดับทางการแพทย์ให้ดีขึ้น เพื่อสุขภาวะที่ดีของคนไทยทุกคน
๐๓ พ.ค. ครั้งแรก! งานเทศกาลคอนเทนต์ LGBTQ ฉลองความเท่าเทียมทางเพศ THAILAND INTERNATIONAL LGBTQ FILM TV FESTIVAL 2024 ปักหมุดเตรียมพบกัน กันยายนนี้
๐๓ พ.ค. โน วัน เอลส์ ส่ง 3 เพลงรัก 3 สไตล์! ผ่านมิวสิกซี่รีย์ ที่จะทำให้คุณเข้าใจความรักมากขึ้น
๐๓ พ.ค. ทีซีเอ็มซีมอบรางวัลประกวดการออกแบบผลงานด้านผลิตภัณฑ์อคูสติกส์
๐๓ พ.ค. GT Auto ฉลองแชมป์ยอดขาย Volvo จัดงาน มหกรรม GT Auto Show ลดสูงสุด 1,000,000 บาท พร้อมชูบริการ GT Auto Exclusive Service
๐๓ พ.ค. กทม. เตรียมพร้อมให้บริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ในกลุ่มเสี่ยงและนักเรียนในสังกัด
๐๓ พ.ค. กรมส่งเสริมการเกษตร ประชุมคณะทำงานความร่วมมือด้านการรับรองแหล่งผลิตพืชฯ (GAP พืช) ครั้งที่ 1/2567
๐๓ พ.ค. First Sale! realme 12 5G และ realme 12X 5G สัมผัสประสบการณ์ Portrait Master กับกล้องซูม 3X in sensor
๐๓ พ.ค. CRYSTALLIZING ใหม่! โดย SHISEIDO PROFESSIONAL อัปเกรดกลุ่มผลิตภัณฑ์ยืด-ดัดผม ชูเทคโนโลยีสุดล้ำ DUAL PERFORMANCE SYSTEM
๐๓ พ.ค. บัลเลต์ รีทรีต บนเกาะมัลดีฟส์ กลับมาอีกครั้ง ที่ อวานี พลัส แฟเรส โดย คาร์ริส สการ์เลต นักเต้นบัลเลต์ชื่อดัง