เนื่องจากภาระต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้นดังกล่าว หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2553 เพิ่มขึ้นคิดเป็น 22-25% โดยมีสาเหตุจากผลผลิตสุกรที่ลดลงจากภาวะโรคระบาดและอากาศที่แปรปรวนดังที่ทราบ จำนวนมากถึง 22% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เกษตรกรผู้เลี้ยงจึงมีความจำเป็นต้องขายสุกรในขณะที่มีน้ำหนักเพียง 95-100 กิโลกรัมต่อตัว จาก 105 กิโลกรัมต่อตัวในภาวะปกติที่เหมาะสมแก่การขาย เมื่อบวกค่าเสียโอกาสฯข้างต้น จะทำให้ราคาต้นทุนจริงอยู่ที่ 75 — 80 บาทต่อกิโลกรัม เกษตรกรผู้เลี้ยงจึงต้องอดกลั้นแบกรับภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากค่าเสียโอกาสการตลาดที่ควรจะได้รับไปจำนวนไม่น้อย
นายวรพจน์ กล่าวด้วยว่า ตัวเลขภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้นข้างต้น ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายจากค่าขนส่งที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากปริมาณสุกรที่มีน้อยไม่เพียงพอต่อการบรรจุรถใหญ่ในการขนส่ง จึงมีความจำเป็นต้องใช้รถเล็ก ซึ่งค่าใช่จ่ายไม่ต่างกัน หรือกล่าวได้ว่าขนสุกรต่อครั้งได้น้อยลงแต่ยังคงมีภาระค่าใช้จ่ายในจำนวนที่เท่าเดิม โอกาสนี้ในนามของเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกร โดยเฉพาะในภาคเหนือและอีสานที่สนับสนุนพรรคเพื่อไทย ขอฝากความหวังการดูแลเกษตรกรไทยทั่วประเทศครั้งนี้ไว้กับคณะรัฐบาลชุดใหม่ หลังจากต้องผิดหวังกับรัฐบาลชุดที่ผ่านมา ที่ใช้วิธีการกดราคาสินค้า โดยไม่คำนึงถึงความอยู่รอดได้ในอาชีพของเกษตรกร.