นางอรนุช อภิศักดิ์ศิริกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มทิสโก้ (Mrs. Oranuch Apisaksirikul, CEO) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินของกลุ่มทิสโก้ในช่วงครึ่งแรกของปี 2554 มีการขยายตัวอยู่ในระดับที่น่าพอใจ ทั้งในส่วนของธุรกิจธนาคาร ธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจจัดการกองทุน ซึ่งเป็นผลสำเร็จตามกลยุทธ์ที่วางไว้ และเชื่อมั่นว่าปีนี้ทั้งปีการเติบโตของธุรกิจจะอยู่ในระดับเลขสองหลักอย่างแน่นอน
“โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของธนาคาร สินเชื่อมีการขยายตัวใน 6 เดือนที่ 16.9% เมื่อเทียบกับตัวเลขสินเชื่อ ณ สิ้นปีที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และการปรับกลยุทธ์ของธนาคารที่สอดคล้องกับสถานการณ์ ทำให้สินเชื่อธุรกิจมีการขยายตัวมากขึ้นตามการลงทุนที่เพิ่มขึ้นของภาคเอกชน ด้านสินเชื่อรายย่อย แม้ตลาดรถยนต์จะได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ภัยพิบัติ แต่ทิสโก้ก็ยังคงความสามารถในการขยายตัวได้ในระดับที่ดี และยังสามารถเพิ่มรายได้จากค่าธรรมเนียมธนาคา รทั้งจากสินเชื่อและธุรกิจประกันภัยธนกิจหรือแบงก์แอสชัวรันส์ ซึ่งมีการเติบโตที่เด่นชัดตามการขยายตัวของสินเชื่อในทุกด้าน แม้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยของเงินให้สินเชื่อ (สเปรด) มีการปรับตัวลดลงบ้างก็เป็นการปรับตัวเข้าสู่ภาวะปกติ ไม่กระทบต่อผลการดำเนินงานแต่อย่างไร โดยในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา (2552-2553) ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยของเงินให้สินเชื่อ อยู่ในระดับที่สูงผิดปกติ เนื่องมาจากการลดลงของดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วในปี 2552 ในขณะที่ทิสโก้มีพอร์ตเช่าซื้อเดิมที่มีอัตราดอกเบี้ยคงที่ ทำให้ได้รับประโยชน์ดังกล่าว ซึ่งทิสโก้ได้นำรายได้ที่ได้จากส่วนต่างดอกเบี้ยที่สูงเกินปกตินั้นมาตั้งเป็นสำรองเผื่อไว้ ทำให้สเปรดของทิสโก้เมื่อกับค่าเฉลี่ยในอดีตนับว่าอยู่ในระดับที่ดีขึ้นและน่าพอใจอย่างมาก” นางอรนุชกล่าว
สำหรับแผนการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังนี้ นางอรนุชกล่าวว่า กลุ่มทิสโก้จะยังคงมุ่งมั่นให้บริการที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบวงจร และมองว่าเศรษฐกิจจะยังคงขยายตัวต่อเนื่องในปีนี้หลังการเลือกตั้งมีความชัดเจนมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อระบบการเงิน โดยในส่วนของสินเชื่อธุรกิจนั้นเชื่อว่าจะขยายตัวได้ดี ตามภาวะการลงทุนของภาคเอกชนที่ยังมีอย่างต่อเนื่อง ส่วนสินเชื่อรายย่อย คาดว่าตลาดรถยนต์จะกลับมาขยายตัวดังเดิม ประกอบกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ จะทำให้สามารถขยายฐานลูกค้าได้มากและครอบคลุมมากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า ธนาคารมั่นใจว่าการขยายตัวของสินเชื่อของธนาคารในปีนี้จะเติบโตได้มากกว่า 20% รวมถึงธุรกิจหลักทรัพย์และธุรกิจจัดการกองทุนก็จะมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ตามภาวะของเศรษฐกิจที่ดีขึ้น และปัจจัยการเมืองที่มีความชัดเจนมากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังนี้เช่นกัน
ทางด้านนายสุทัศน์ เรืองมานะมงคล กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) (Mr. Suthas Ruangmanamongkol, President, TISCO Bank Plc.) กล่าวว่า การดำเนินงานในส่วนของธนาคารทิสโก้ในช่วงไตรมาส 2/54 มีความโดดเด่นมาก ทั้งในด้านของสินเชื่อรวมที่มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องถึง 16.9% เมื่อเทียบกับสิ้นปีที่ผ่านมา (YTD) โดยสินเชื่อรายย่อยมีการเติบโต 13.4% YTD โดยสินเชื่อที่มีความโดดเด่นคือ สินเชื่อทะเบียนรถยนต์ “ทิสโก้ ออโต้ แคช” มีการขยายตัวสูงถึง 20.5% YTD และสินเชื่อเพิ่มวงเงิน “ทิสโก้ ท๊อปอัพ รถผ่อนอยู่ก็กู้ได้” ที่เริ่มทำตลาดในต้นปีที่ผ่านมา ปัจจุบันมีพอร์ตสินเชื่อกว่า 1,300 ล้านบาท ทางด้านสินเชื่อธุรกิจก็มีการขยายตัวอย่างโดดเด่น โดยมีการเติบโตถึง 47.0% YTD และสินเชื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมมีการเติบโต 26.3% YTD ซึ่งการเติบโตดังกล่าวนับว่าเป็นไปตามเป้าหมายที่ได้วางไว้เป็นอย่างดี
สำหรับเงินฝากรวมในไตรมาส 2/54 เพิ่มขึ้น 21.11% เมื่อเทียบกับสิ้นปีที่ผ่านมา (YTD) ส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้นของตั๋วแลกเงินระยะสั้นที่เพิ่มขึ้นถึง 52.6% YTD โดยในไตรมาสที่ผ่านมาธนาคารยังได้ออกผลิตภัณฑ์การเงินใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง อาทิ “บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ไดมอนด์” สำหรับลูกค้าบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล โดยให้อัตราดอกเบี้ยสูงสุดถึง 2.50% ต่อปี นอกจากนี้ทางธนาคารยังได้ทำการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยบัญชีเงินฝากซุปเปอร์ออมทรัพย์ ขึ้นอีก 0.50% ทำให้ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยของบัญชีเงินฝากดังกล่าวสูงสุดอยู่ที่ 2.50% ต่อปี ซึ่งนับเป็นระดับที่สูงมากในปัจจุบัน สำหรับในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ธนาคารจะยังคงนำเสนอผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ทั้งในส่วนของสินเชื่อและเงินฝาก
“พ.ร.บ. คุ้มครองเงินฝาก ที่จะมีผลบังคบใช้ในครึ่งปีหลังจะไม่ส่งผลกระทบต่อทิสโก้ เพราะตอนนี้เราได้เตรียมความพร้อมเพื่อรองรับเรื่องดังกล่าวไว้เป็นอย่างดี โดยลูกค้าเงินฝากส่วนใหญ่ได้ย้ายเงินไปฝากในตั๋วแลกเงินของทิสโก้แล้ว สำหรับในช่วงที่เหลือของปีนี้มองว่าการแข่งขันในตลาดจะยังมีอย่างต่อเนื่อง แต่การแข่งแบบรุนแรงนั้นจะเห็นเพียงแค่ในระยะสั้นเท่านั้น ส่วนอัตราดอกเบี้ยในตลาดก็คงจะมีการทยอยปรับแบบค่อยเป็นค่อยไป” นายสุทัศน์กล่าว
นายชาตรี จันทรงาม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายควบคุมการเงินและบริหารความเสี่ยงกลุ่มทิสโก้ (Mr. Chatri Chandrangam, CFO) เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 2/2554 กลุ่มทิสโก้มีผลกำไรหลังผู้ถือหุ้นส่วนน้อย จำนวน 863.20 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่เพิ่มขึ้นถึง 9.8% ตามการขยายตัวของสินเชื่อทุกภาคส่วน ซึ่งเพิ่มขึ้น 36.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สำหรับผลประกอบการงวด 6 เดือนแรกของปี 2554 กลุ่มทิสโก้มีกำไรสุทธิหลังผู้ถือหุ้นส่วนน้อยจำนวน 1,691.80 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.7% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ส่วนใหญ่มาจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่เพิ่มขึ้น 10.9% อย่างไรก็ดี ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยของเงินให้สินเชื่อปรับตัวลดลงจาก 5.0%เป็น 4.2%
โดยในส่วนของธนาคารทิสโก้ มีเงินให้สินเชื่อ ณ สิ้นไตรมาส 2/2554 จำนวน 174,979.44 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.5% จากสิ้นไตรมาสก่อนหน้า ตามการเติบโตของสินเชื่อในทุกภาคส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเติบโตอย่างมากของสินเชื่อธุรกิจ ที่มีมูลค่า 30,884.81 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.9% จากสิ้นไตรมาสก่อนหน้า โดยเป็นการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อในกลุ่มธุรกิจสาธารณูปโภคและการบริการและการเกษตรและเหมืองแร่ ด้านสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ มีมูลค่าของสินเชื่อจำนวน 118,787.17 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.1% เมื่อเทียบกับสิ้นไตรมาสก่อนหน้า โดยเป็นสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ที่อนุมัติใหม่มีจำนวน 15,384.20 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.3% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน นอกจากนี้สินเชื่ออเนกประสงค์ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสินเชื่อทะเบียนรถยนต์ “ทิสโก้ ออโต้ แคช” มีจำนวน 6,468.15 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 9.3% ด้านสินเชื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมมีจำนวน 11,940.22 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.0% จากสิ้นไตรมาส 1 ปี 2554 โดยเป็นการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อในกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และการก่อสร้าง และการเกษตรและเหมืองแร่
ธุรกิจหลักทรัพย์ ณ สิ้นไตรมาส 2 ปี 2554 ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ค่อนข้างผันผวน โดยได้รับผลกระทบจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจโลก และทิศทางการเมืองในประเทศ ทั้งนี้ มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันผ่าน บล. ทิสโก้ เท่ากับ 1,290.41 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.0% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2553 ส่วนรายได้ค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์มีจำนวน 155.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.3% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนที่ โดยสัดส่วนมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์ของ บล. ทิสโก้ ประกอบด้วยลูกค้าสถาบันในประเทศ 28.1% ลูกค้าสถาบันต่างประเทศ 20.5% และลูกค้ารายย่อยในประเทศ 51.4%
ทางด้านธุรกิจจัดการกองทุน บลจ. ทิสโก้ มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2554 จำนวน 136,295.94 ล้านบาท ลดลง 3.2% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากการลดลงของสินทรัพย์ภายใต้การบริหารประเภทกองทุนส่วนบุคคลอันเป็นผลจากการแข่งขันด้านราคา อย่างไรก็ตาม บลจ.ทิสโก้ สามารถรักษาระดับรายได้ค่าธรรมเนียมจัดการกองทุนให้อยู่ในระดับเดิมเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ทั้งนี้ ส่วนแบ่งตลาด ณ วันที่ 31 พ.ค. 54 เป็นอันดับที่ 7 ซึ่งมีส่วนแบ่งตลาดเท่ากับ 5.1% แบ่งเป็นกองทุนสำรองเลี้ยงชีพซึ่งมีส่วนแบ่งตลาดในธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเป็นอันดับ 3 โดยมีส่วนแบ่งตลาด 13.5% สำหรับกองทุนส่วนบุคคลมีส่วนแบ่งตลาดมากเป็นอันดับที่ 2 มีส่วนแบ่งตลาด 15.1% และกองทุนรวมอยู่ที่อันดับที่ 16 มีส่วนแบ่งตลาด 0.9% รายได้ค่าธรรมเนียมพื้นฐานจากธุรกิจจัดการกองทุนในไตรมาส 2/2554 เท่ากับ 166.92 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามการขยายตัวของสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร ทำให้รายได้ค่าธรรมเนียมโดยรวมของธุรกิจจัดการกองทุนในไตรมาส 2/2554 เท่ากับ 163.77 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ มูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารแบ่งเป็นสัดส่วนของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ 58.6% กองทุนส่วนบุคคล 28.8% และกองทุนรวม 12.6%
ขอบคุณสำหรับการเผยแพร่ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
เสาวนีย์ สันทบ ฝ่ายนิเทศสัมพันธ์ บมจ. ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) โทร. 02 633 6906