หุ้นกู้ค้ำประกัน มูลค่า 500 ล้านบาท ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2556 ที่ระดับเครดิต ‘AA+(tha)’
หุ้นกู้ค้ำประกัน มูลค่า 250 ล้านบาท ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2557 ที่ระดับเครดิต ‘AA+(tha)’ และ
หุ้นกู้ค้ำประกัน มูลค่า 250 ล้านบาท ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2558 ที่ระดับเครดิต ‘AA+(tha)’
อันดับเครดิตของหุ้นกู้สะท้อนถึงการได้รับการค้ำประกันเงินต้น และดอกเบี้ยในลักษณะไม่มีเงื่อนไข และไม่สามารถยกเลิกได้ โดย ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB ซึ่งมีอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว (National Long-term Rating) ที่ระดับ AA+(tha) แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ นอกจากนี้การค้ำประกันดังกล่าวยังรวมถึง การค้ำประกันดอกเบี้ยผิดนัด ค่าธรรมเนียม และค่าใช้จ่ายต่างๆที่เกี่ยวข้องหรือภายใต้หุ้นกู้ดังกล่าว เป็นจำนวนเงินไม่เกิน 50 ล้านบาท
การเปลี่ยนแปลงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว ของ KTB จะส่งผลต่ออันดับเครดิตของหุ้นกู้มีประกันดังกล่าวได้
อันดับเครดิตของ KTB มีปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากการที่ธนาคารมีรัฐบาลเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่และได้รับการสนับสนุนที่แข็งแกร่งจากรัฐบาล โดยผู้ถือหุ้นใหญ่ได้แก่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน หรือ FIDF ที่จัดตั้งโดยธนาคารแห่งประเทศไทย โดย FIDF ถือหุ้นในสัดส่วน ร้อยละ 55 เมื่อพิจารณาถึงขนาดและความสำคัญของ KTB ต่อระบบการเงินและเศรษฐกิจของประเทศ รวมทั้งการที่รัฐบาลเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่และมีอำนาจควบคุมธนาคาร ฟิทช์เชื่อว่า มีความเป็นไปได้อย่างสูงที่ธนาคารจะได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐหากมีความจำเป็น KTB เป็นธนาคารขนาดใหญ่อันดับ 2 ของประเทศไทย ซึ่งมีส่วนแบ่งการตลาดร้อยละ 18.5
KLAND ก่อตั้งขึ้นเมื่อปีพ.ศ. 2527 โดยเริ่มจากการประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่มุ่งเน้นการพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยวระดับกลาง ถึงระดับบน ต่อมาภายหลัง KLAND ได้ขยายธุรกิจเพื่อครอบคลุมการพัฒนาโครงการอาคารชุดเพื่ออยู่อาศัย โดยได้เข้าร่วมกิจการค้าร่วมกับ บริษัท Frasers (Thailand) Pte Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท Frasers Centrepoint Limited หรือ FCL ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศสิงคโปร์ เพื่อพัฒนาโครงการอาคารชุดเพื่ออยู่อาศัยโครงการแรกของบริษัทฯ บริษัทฯยังได้เพิ่มความหลากหลายของชนิดที่อยู่อาศัยโดยการพัฒนาโครงการทาวน์เฮาส์อีกด้วย FCL ได้เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ KLAND ในปี 2548 โดยมีสัดส่วนการถือหุ้นในปัจจุบันที่ร้อยละ 40 บริษัทพร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) หรือ PF ถือหุ้นร้อยละ 20 ในขณะที่อีกร้อยละ 40 ถือโดยนักธุรกิจไทย