“ผ่าแผน Turnaround LVT”

จันทร์ ๒๒ ตุลาคม ๒๐๑๒ ๑๕:๐๕
บริษัท แอล.วี.เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ LVT ซึ่งเป็นผู้นำธุรกิจด้านการให้บริการวิศวกรรมทั้งในและต่างประเทศ ได้เริ่มต้นดำเนินยุทธศาสตร์ใหม่ อันเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญ ซึ่งจะทำให้บริษัทมีผลการดำเนินงาน พลิกจากขาดทุนในช่วงสองปีที่ผ่านมา กลับมามีกำไรและเติบโตอย่างต่อเนื่อง

ผู้ก่อตั้งบริษัทและกรรมการผู้จัดการ LVT นายแฮนส์ จอร์เกน เนียลเซ่น แถลงต่อผู้สื่อข่าววันนี้ (17 ต.ค.) ว่า องค์ประกอบที่สำคัญของยุทธศาสตร์ใหม่ในครั้งนี้ประกอบด้วยการควบคุมต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ มากขึ้น การบันทึกรายได้ที่สม่ำเสมอและต่อเนื่อง ตลอดจนการให้ความสำคัญกับการลงทุนใหม่ๆ ซึ่งจะ ทำให้บริษัทมีสินทรัพย์เพิ่มขึ้น และสามารถสร้างรายได้อย่างต่อเนื่องในอนาคตระยะยาว

ทั้งนี้ เพื่อช่วยให้การพลิกฟื้นบริษัทมีความคืบหน้าอย่างชัดเจน บริษัทตั้งเป้าที่จะขายเงินลงทุนบางส่วนในต่างประเทศ โดยเฉพาะโครงการร่วมทุนในประเทศอินเดียภายใต้การดำเนินงานของบริษัท “LNVT” ซึ่งก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2545 และดำเนินธุรกิจคล้ายกับ LVT คือให้บริการด้านวิศวกรรมแก่ลูกค้าซึ่งส่วนใหญ่เป็นโรงงานผลิตปูนซีเมนต์ในประเทศอินเดียและประเทศใกล้เคียง อาทิ ประเทศศรีลังกา และเนปาล โดย “LNVT” มีผลการดำเนินงานกำไรอย่างต่อเนื่องโดยตลอด บริษัทฯ ถือหุ้นใน “LNVT” จำนวน 49% และจะขายหุ้นที่ถืออยู่จำนวน 25% ให้แก่นักลงทุนจากประเทศจีน โดยคาดว่าจะสร้างรายได้พิเศษ เป็นมูลค่าประมาณ 180 ล้านบาท และจะบันทึกในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้

นายแฮนส์ จอร์เกน เนียลเซ่น กล่าวเพิ่มเติมว่า มีความมั่นใจว่ากระบวนการพลิกฟื้นของบริษัท มีความคืบหน้าเป็นที่น่าพอใจอันเป็นผลสืบเนื่องจากการควบคุมต้นทุนและการตรวจสอบภายใน ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นและเพื่อสร้างความมั่นใจว่าการบริหารงานภายในองค์กรจะได้ผลเต็มที่ บริษัทได้ว่าจ้างบริษัท Deloitte ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาทางการเงินที่มีชื่อเสียงของโลกเข้ามากำกับดูแล ด้านการตรวจสอบภายใน และได้ว่าจ้างบริษัทตรวจสอบบัญชีที่น่าเชื่อถืออีกแห่งหนึ่งคือ บริษัท KPMG เป็นผู้สอบบัญชีของบริษัท

ทั้งนี้ ระบบการบันทึกรายได้ที่สม่ำเสมอและมีความต่อเนื่องในปัจจุบันจะป้องกันไม่ให้สถานะทางการเงินของบริษัทมีความผันผวนมากดั่งเช่นในอดีตที่ผ่านมา โดยฐานะทางการเงินของบริษัทพลิกจากกำไรสุทธิจำนวน 221.9 ล้านบาท ในปี 2551 และกำไรสุทธิจำนวน 144 ล้านบาทในปี 2552 มาเป็นขาดทุนสุทธิจำนวน 239 ล้านบาทในปี 2553 และขาดทุนสุทธิจำนวน 23.8 ล้านบาท ในปี 2554 สำหรับ ผลการดำเนินงานรอบ 6 เดือน (ม.ค.-มิ.ย.) ของปีนี้บริษัทมีผลการดำเนินงานขาดทุนสุทธิจำนวน 93.4 ล้านบาท

นายแฮนส์ จอร์เกน เนียลเซ่น เชื่อว่าฐานะทางการเงินของ LVT ในปัจจุบันมีพัฒนาการดีขึ้นจากในอดีต โดยบริษัทได้สะสมมูลค่างานในมือ (Backlog) ประมาณ 2,500 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนกันยายนที่ผ่านมาและคาดว่าจะเพิ่มขึ้นถึง 3,200 ล้านบาทภายในสิ้นปีนี้ จากมูลค่างานสะสมทั้งหมดนี้ บริษัทคาดว่าจะสามารถบันทึกรายได้จริงเป็นเงินประมาณ 1,000 ล้านบาท ภายในไตรมาส 3 และไตรมาส 4 ของปีนี้

รายได้ที่จะบันทึกจำนวนนี้คาดว่าส่วนใหญ่จะมาจากโครงการสำคัญจำนวน 2 โครงการ ในประเทศบราซิลซึ่งประกอบด้วยโครงการ Apodi และ Elizabeth โดยทั้ง 2 โครงการนี้ มีความคืบหน้าเป็นที่น่าพอใจ และสามารถควบคุมต้นทุนตามที่ได้ตั้งเป้าไว้ อันเป็นผลสืบเนื่องจากระบบการควบคุมภายในขององค์กรที่มีประสิทธิภาพดีขึ้นกว่าในอดีต การจัดหาและติดตั้งเครื่องจักรสำหรับทั้ง 2 โครงการนี้คาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในสิ้นปีนี้ และบริษัทในขณะนี้กำลังเจรจาที่จะรับงานโครงการใหม่อีก 1 โครงการในประเทศบราซิล

ธุรกิจ LVT ในประเทศบราซิลเป็นเพียงส่วนหนึ่งของธุรกิจมากกว่า 10 ประเทศในหลายภูมิภาคทั่วโลก อาทิ ในประเทศมาเลเซีย และพม่า ในทวีปเอเชีย, ประเทศซาอุดิอาระเบีย และเยเมนในตะวันออกกลาง, ประเทศโมซัมบิกในทวีปแอฟริกา ตลอดจนประเทศประเทศฮอนดูรัส และโดมินิกัน รีพลับบลิกในลาติน-อเมริกา ธุรกิจของบริษัทในประเทศเหล่านี้ส่วนใหญ่ประกอบด้วยบริการด้านวิศวกรรม การจัดหาและ ติดตั้งเครื่องจักรและอุปกรณ์ในโรงงาน ตลอดจนการสนับสนุนโครงการร่วมทุนต่างๆ

นายแฮนส์ จอร์เกน เนียลเซ่น กล่าวว่า ฐานะทางการเงินในปัจจุบันของบริษัทดีขึ้นกว่าในอดีต เป็นอย่างมาก อันเป็นผลสืบเนื่องจากการบริหารจัดการที่รัดกุม และระบบการควบคุมภายใน ที่มีประสิทธิภาพ และฐานะปัจจุบันนี้เพียงพอที่จะสนับสนุน Backlog มูลค่ามากกว่า 4,000 ล้านบาท

“และเพื่อเป็นการยืนยันถึงความมุ่งมั่นของผมในอันที่จะพัฒนาบริษัทให้ก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น ผมได้นำหุ้นส่วนตัวของผมไปจำนองไว้กับธนาคาร เพื่อจะได้วงเงินอย่างเพียงพอในการเปิด L/C” เขากล่าวเสริม

เขากล่าวเพิ่มเติมว่า หากจะดำเนินธุรกิจต่อไปในภาวะปกติ ก็ยังคงไม่มีความจำเป็นในการเพิ่มทุนแต่ประการใด

“แต่ในฐานะที่ผมต้องรับผิดชอบต่อการเพิ่มพูนความมั่งคั่งและผลกำไรของบริษัทในอนาคตระยะยาว ผมจึงตระหนักถึงความจำเป็นและความสำคัญ เพื่อเตรียมการสำหรับการพัฒนาก้าวต่อไปของ LVT” นายแฮนส์ จอร์เกน เนียลเซ่น กล่าว

บริษัทได้กำหนดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 19 พฤศจิกายน 2555 เพื่อขออนุมัติการออกหุ้นสามัญใหม่จำนวน 396,692,350 หุ้น โดยแบ่งเป็นเสนอขายหุ้นแบบเฉพาะเจาะจง (PP) จำนวนไม่เกิน 51 ล้านหุ้น และจัดสรรหุ้นส่วนที่เหลือจำนวน 345,692,350 หุ้น ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมในอัตราส่วน 3 หุ้นเดิม ต่อ 1 หุ้นใหม่ที่ราคา 1.25 บาทต่อหุ้น

ทั้งนี้ เพื่อนำเงินเพิ่มทุนส่วนนี้ไปลงทุนร่วมกับบริษัท Max Manufacturing ในประเทศพม่า เพื่อผลิต ปูนซิเมนต์จากโรงงาน 2 แห่ง ซึ่งตั้งอยู่ใกล้เมืองเนปิดอร์ อันเป็นเมืองหลวงใหม่ของประเทศพม่า ผู้ก่อตั้งกลุ่มบริษัท MAX คือนาย U Zaw Zaw ซึ่งเป็นนักธุรกิจชั้นแนวหน้าในประเทศพม่าและมีเครือข่ายธุรกิจครอบคลุมกิจการด้านต่างๆ ทั้งด้านการค้า การธนาคาร และอุตสาหกรรม

นายแฮนส์ จอร์เกน เนียลเซ่น กล่าวสรุปว่า การลงทุนร่วมกับกลุ่มบริษัท MAX ในประเทศพม่าในครั้งนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญของ LVT เพราะบริษัทจะสามารถสร้างทรัพย์สินใหม่ที่มีคุณค่าและสามารถให้ผลตอบแทนอย่างต่อเนื่องในระยะยาวเขาเชื่อมั่นว่าโครงการลงทุนร่วมระหว่าง LVT และกลุ่มบริษัท MAX มีศักยภาพสูงพอที่จะพัฒนาอุตสาหกรรมซีเมนต์ในประเทศพม่าให้ยิ่งใหญ่อย่างเช่นความประสบผลสำเร็จของเครือปูนซีเมนต์ไทยในประเทศไทย

“ผมถือว่าการลงทุนร่วมในครั้งนี้เป็นก้าวย่างที่สำคัญ เพื่อวางรากฐานสำหรับการเจริญเติบโตของบริษัท ในระยะยาว และหวังว่าการเพิ่มทุนเพื่อการนี้จะได้รับการสนับสนุนจากผู้ถือหุ้นด้วยดี” นายแฮนส์ จอร์แกน เนียลเซ่น กล่าว

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗ พ.ค. สุรีย์พร คลินิก เปิดตัวตึกสูงที่สุดแห่งวงการคลินิกสถาบันเสริมความงาม ฉลอง 20 ปีความสำเร็จพร้อมยกระดับชูเทคโนโลยีล้ำสมัย Volformer
๑๗ พ.ค. ปตท.สผ. จัดงานประชุม SSHE Forum 2024 ส่งเสริมวัฒนธรรมความปลอดภัยในการทำงาน
๑๗ พ.ค. บมจ. เอสไอเอส ดิสทริบิวชั่น (ประเทศไทย) แนะนำ ชุดล็อคประตูกลอนแม่เหล็กไฟฟ้า จากแบรนด์ HIP
๑๗ พ.ค. ซัมซุง อัปเกรดประสบการณ์การชมทุกมหรรมกีฬา ด้วยนวัตกรรม AI TV สุดล้ำ ชัดทุกแมตซ์เหมือนเชียร์ติดขอบสนาม
๑๗ พ.ค. ไทยพาณิชย์ปักหมุดผู้นำดิจิทัลแบงก์ นำ AI เสริมแกร่ง 360 องศา เปิด 3 นวัตกรรม AI ครั้งแรก! สร้างปรากฏการณ์ใหม่กลุ่มสินเชื่อรายย่อย และ Digital
๑๗ พ.ค. หัวใจเต้นช้า โรคหัวใจที่มักถูกมองข้าม
๑๗ พ.ค. DDD โชว์งบ Q1/67 กวาดกำไรทะยาน 317% YoY พร้อมลุยขยายตลาดสินค้าไลฟ์สไตล์ อัพผลงานปีนี้โตสวย
๑๗ พ.ค. PCC เปิดงบ Q1/67 รายได้โต 14.25% ยอดขายสินค้าหม้อแปลงไฟฟ้า - อุปกรณ์ระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ เพิ่มขึ้น มั่นใจรายได้ปีนี้โต 10%
๑๗ พ.ค. บางจากฯ สานต่อพันธกิจสนับสนุนด้านกีฬาอย่างเป็นมิตรต่อโลก ร่วมจัดกิจกรรมเดิน-วิ่ง Olympic Day 2024 Together, For A Better
๑๗ พ.ค. บัตรเครดิต ttb ช้อปคุ้ม อิ่มครบ ได้มากกว่า รับ Magic Gift Voucher รวมมูลค่าสูงสุด 1,500 บาท ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลทั้ง 5