ชงยุทธศาสตร์วิจัยด้านสมอง แก้ปัญหา "สุขภาพ – สังคม"

พฤหัส ๒๔ กรกฎาคม ๒๐๑๔ ๑๕:๓๔
สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) จัดสัมมนาวิชาการด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์ เรื่องการพัฒนายุทธศาสตร์งานวิจัยเกี่ยวกับสมอง จิตใจ และพฤติกรรม เพื่อร่วมทบทวนสถานการณ์ความก้าวหน้า และเตรียมวางยุทธศาสตร์พัฒนางานวิจัยด้านระบบสมองและระบบประสาทในระดับชาติ ณ โรงแรมมิราเคิลแกรนด์

ศ.นพ.สมเกียรติ วัฒนศิริชัยกุล ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) เผยว่า ประเทศไทยยังมีการวิจัยเกี่ยวกับเรื่องสมองและระบบประสาทน้อยมาก ทั้งยังขาดการวิจัยเพื่อการถ่ายทอดองค์ความรู้ที่นำไปสู่การพัฒนานวัตกรรมในการแก้ปัญหาได้อย่างครบวงจร ซึ่งระบบสมองและประสาทของมนุษย์นั้น ถือเป็นระบบสำคัญในการดำรงชีวิต ที่ควบคุมการทำงานการเจริญเติบโต รวมถึงพัฒนาการ ที่สำคัญสามารถส่งผลโดยตรงกับการเกิดโรคต่างๆ เช่น สมาธิสั้น ความบกพร่องในการเรียนรู้ ความเครียด โรคจากความชรา ฯลฯ

“การประชุมครั้งนี้ จึงได้ระดมนักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญ มานำเสนอข้อมูลและแลกเปลี่ยนความก้าวหน้าของงานวิชาการที่เกี่ยวกับสมอง จิตใจ และพฤติกรรม ซึ่งจะเป็นข้อมูลสำคัญในการค้นหาโอกาสในการศึกษาวิจัยของประเทศ และนำไปสู่การพัฒนายุทธศาสตร์งานวิจัยที่เกี่ยวกับสมองและระบบประสาท พร้อมการพัฒนาเครือข่ายและวิธีการสนับสนุนงานวิจัยให้สามารถแก้ไขปัญหาของประเทศอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป” ผอ.สวรส. กล่าว

รศ.ดร.นัยพินิจ คชภักดี ศูนย์วิจัยประสาทวิทยาศาสตร์ สถาบันชีววิทยาศาสตร์โมเลกุล ม.มหิดล กล่าวว่า ปัญหาสมองและระบบประสาท ที่มีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ เช่น โรคอัลไซเมอร์ โรคพาร์กินสัน และความบกพร่องทางการเคลื่อนไหว รวมถึงปัญหาสุขภาพจิต ที่เกิดจากความเครียดทั้งด้านร่างกายและจิตใจ จนส่งผลให้เกิดปัญหาสุขภาพตามมา เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดหัวใจ อาการนอนไม่หลับ ภาวะซึมเศร้า ฯลฯ ดังนั้นสมองและระบบประสาท จึงมีความจำเป็นต้องศึกษาวิจัยอย่างเป็นระบบ เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพ

ศ.นพ.สุทธิพร จิตต์มิตรภาพ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ กล่าวว่า การวางยุทธศาสตร์การวิจัยมุ่งเป้าในยุคเปลี่ยนผ่านและปฏิรูปประเทศไทยนั้น จำเป็นต้องตั้งเป้าหมายที่ท้าทาย โดยเสนอแนวคิดในการศึกษาวิจัยด้านสมองในอนาคต ประกอบด้วย 1) Think Smart การทำความเข้าใจกับเรื่องการทำงานของสมอง จำเป็นต้องมีความร่วมมือระดับโลกและมีกรอบงานชัดเจน 2) Think Early การป้องกันโรคทางสมองที่สามารถลดอัตราการเกิดโรคทางสมองได้ 3) Think Right งานวิจัยด้านสมองควรสนับสนุนและแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้ 4) Think Innovative สร้างความร่วมมือกับภาคอุตสาหกรรมเพื่อประโยชน์ของผู้ป่วย โดยมีการลงทุนอย่างต่อเนื่อง และ 5) Think Big สร้างความร่วมมือระดับโลกที่มีขนาดใหญ่มากๆ เช่น ความร่วมมือระดับนานาชาติ

ทางด้าน ศ.กิตติคุณ นายแพทย์จรัส สุวรรณเวลา ประสาทศัลยแพทย์อาวุโส เสนอแนวทางในการวิจัยว่า ควรมีการศึกษาวิจัยทางด้านสมอง จิตใจ และพัฒนาการของเด็กในแต่ละช่วงวัย เพราะในแต่ละช่วงอายุ เด็กจะมีพัฒนาการสำหรับการเรียนรู้ที่แตกต่างกัน เช่น พัฒนาการทางด้านภาษา หรือพัฒนาการทางด้านดนตรี ควรจะเริ่มส่งเสริมกันตอนอายุเท่าไหร่จึงจะเหมาะสม นอกจากนี้ การศึกษาวิจัยเรื่องสมองมักต้องทำควบคู่ไปกับเรื่องจิตใจและสังคมร่วมด้วย ดังนั้นงานวิจัยด้านสมองและระบบประสาท จะมีบทบาทที่สำคัญอย่างมาก ในการแก้ปัญหาด้านสุขภาพและปัญหาสังคมของประเทศ ตลอดจนงานวิจัยจะเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาเพื่อให้เกิดองค์ความรู้และสร้างพลังในการแข่งขันกับนานาประเทศได้ในอนาคต

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

เม.ย. ๒๐๒๔ SAK จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น (E-AGM) ประจำปี 2567 พร้อมอนุมัติจ่ายปันผล 0.15 บาทต่อหุ้น
๑๕:๑๒ ผู้ถือหุ้น TATG ไฟเขียวจ่ายปันผล 0.07 บาท/หุ้น ลงทุนเครื่องจักรใหม่เสริมแกร่งสายการผลิต พิชิตเป้ารายได้ 3,000
๑๕:๐๖ เคยไหม มีเสมหะ น้ำมูก เสลดเหนียวในคอแม้ไม่ได้เป็นหวัด? วันนี้แพทย์จีนหัวเฉียวมีคำตอบมาฝากทุกท่าน
๑๕:๒๗ สัมผัสเรื่องราวความอร่อยรอบจานจากเมนูดังประจำจังหวัดฟุกุอิ ณ ห้องอาหารญี่ปุ่น สึ
๑๕:๕๑ KTAM ร่วมส่งเสริมการลงทุนเพื่อสิทธิประโยชน์ทางภาษี ปล่อย 3 กองทุน Thai ESGX IPO 2 - 8 พ.ค.นี้
๑๕:๕๘ DHOUSE แต่งตั้ง 4 บล. ร่วมจัดจำหน่ายหุ้นกู้มีประกัน ครั้งที่ 2/68 ชูดอกเบี้ย 7.25% พร้อมขาย 6-8 พ.ค. นี้
๑๕:๕๐ ธ.ทิสโก้ จับมือ สมาคมนักวางแผนการเงินไทย เสริมแกร่ง 'Holistic Advisory' ยกระดับคุณภาพคำแนะนำให้ได้มาตรฐานสากล
๑๕:๒๑ กลุ่มสมอทอง ยื่นไฟลิ่ง ขาย IPO 231.60 ล้านหุ้น เข้า SET ระดมทุน ยกระดับผู้นำอุตสาหกรรมผลิต น้ำมันปาล์มดิบ
๑๕:๓๖ คุรุสภาขับเคลื่อน Thailand Teacher Academy พัฒนาครูด้วยองค์ความรู้เฉพาะด้านอย่างมืออาชีพ
๑๕:๒๑ กรมวิทย์ฯ บริการ เสริมศักยภาพห้องปฏิบัติการทดสอบคุณภาพยางแท่ง เอสทีอาร์ (STR) ตามมาตรฐานสากล