อิเมอร์สัน เนทเวอร์ค พาวเวอร์ ชูกลยุทธ์โครงข่ายประสิทธิภาพสุดล้ำแห่งอนาคต

ศุกร์ ๒๕ มีนาคม ๒๐๑๖ ๑๓:๕๓
อิเมอร์สัน เนทเวอร์ค พาวเวอร์ ผู้ให้บริการชั้นนำระดับโลกด้านโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญสูงสุดสำหรับระบบเทคโนโลยีข้อมูลและการสื่อสาร ชี้ให้เห็นถึงกลยุทธ์การเพิ่มการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี เพื่อรองรับข้อมูลจำนวนมหาศาลที่ส่งผ่านจากคนและเครื่องมือสื่อสารต่างๆ

การเกิดขึ้นของเทคโนโลยีใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็น อินเทอร์เน็ตออฟธิงส์ หรือ ไอโอที (Internet of Things : IoT) และคลาวด์คอมพิวติ้ง ทำให้องค์กรต่างๆ ต้องเคลื่อนย้ายระบบจัดเก็บข้อมูล ระบบเครือข่าย และแบนด์วิธ ให้ใกล้ชิดกับผู้ใช้งานหรืออุปกรณ์รอบข้างมากขึ้น สิ่งอำนวยความสะดวกเหล่านี้ เป็นที่รู้จักในนาม ศูนย์ข้อมูลใกล้เคียง หรือ 'neighborhood' data center' ที่ต้องพรั่งพร้อมด้วยประสิทธิภาพ ความยืดหยุ่น ระบบประมวลผล และความสามารถในการจัดเก็บข้อมูลมหาศาลได้

มร.แดเนียล ซิม ผู้อำนวยการ ช่องทางธุรกิจ อิเมอร์สัน เนทเวอร์ค พาวเวอร์ ภูมิภาคเอเชีย กล่าวว่า "ปีนี้คาดการณ์ได้ว่า การบริโภคข้อมูลด้านดิจิตัลจะมีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งจะทำให้เกิดจุดอัดตัวเป็นอุปสรรคต่อการเก็บรวบรวม และวิเคราะห์ข้อมูล ดังนั้น "ระบบศูนย์ข้อมูลใกล้เคียง" จึงมีความสำคัญ โดยเฉพาะกับกลุ่มธุรกิจและการธนาคาร ที่จำเป็นต้องอาศัยระบบโครงสร้างพื้นฐานที่มีความยืดหยุ่น สามารถปรับเปลี่ยนขนาดได้ และคุ้มค่าการลงทุนเพื่อรับมือกับความท้าทายใหม่ๆ ดังนั้น องค์กรต่างๆ จึงต้องให้ความสำคัญกับการวางกลยุทธ์โครงข่ายเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดและล้ำสมัยรองรับกับการใช้งานในอนาคต โดย

หนึ่ง ต้องออกแบบให้มีความยืดหยุ่น เนื่องด้วยศูนย์ข้อมูลใกล้เคียง ที่อยู่รอบข้างจะมีบทบาทมากขึ้นในการรองรับการส่งผ่านข้อมูล การประมวลผล พร้อมจัดเก็บข้อมูลจำนวนมหาศาลเหล่านี้ และทำหน้าที่เป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างเครือข่ายและอุปกรณ์จำนวนมากเข้าด้วยกัน ซึ่ง การ์ดเนอร์ บริษัทวิจัยและให้คำปรึกษาด้านไอทีในสหรัฐอเมริกา คาดการณ์ว่า ในปี 2563 จะมีอุปกรณ์เชื่อมต่อมากถึง 6.4 พันล้าน จากอิทธิพลของ IoT ส่งผลให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับความน่าเชื่อถือและประสิทธิภาพการใช้งาน ด้าน Jay Wirts รองประธานและผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายบริหารไอที อิเมอร์สัน เนทเวอร์ค พาวเวอร์ ให้ข้อคิดว่า "เมื่อถึงจุดหนึ่งองค์กรต่างๆ จำเป็นต้องคำนึงถึงอัตราการเติบโต ทั้งในเชิงกว้างและลึก เพราะมันไม่ได้ง่ายแค่ปรับเปลี่ยนระบบเครือข่ายให้รองรับการเจริญเติบโตตามขนาดของธุรกิจภายในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งเท่านั้น แต่ต้องสามารถปรับใช้กับพื้นที่ใหม่อื่นๆ ได้อย่างรวดเร็วด้วย เช่น ระบบ SmartCabinet และ SmartRow ระบบขนาดเล็กที่สามารถปรับขยายการใช้งานได้ตามความจำเป็น สะดวกรวดเร็ว และประหยัดค่าใช้จ่ายในการลงทุน

สอง การแสดงผลที่ชัดเจน การจัดการอุปกรณ์เทคโนโลยีระยะไกลจากส่วนกลาง เป็นสิ่งท้าทายและจำเป็นต้องมีบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญมาดูแลซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูง เพื่อเป็นการประหยัดงบ ขณะที่ยังมั่นใจได้ว่าการบริหารจัดการ "ระบบศูนย์ข้อมูลใกล้เคียง" จะไม่เกิดข้อผิดพลาด องค์กรต่างๆ จำเป็นต้องมีระบบไอทีที่ทำงานแบบเรียลไทม์ทั้งหมด ทั้งจากส่วนกลางและโครงข่ายรอบนอก ซึ่งโครงข่ายระบบจ่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ เช่น Liebert MPH 2 สวิตช์ KVM และโซลูชั่นการบริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐานของระบบดาต้า เซ็นเตอร์ จะช่วยให้สามารถจัดการระบบศูนย์ข้อมูลจากส่วนกลางได้ผ่านการควบคุมเซิร์ฟเวอร์ระยะไกล ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถทำงานเชิงรุกและพบความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที

สาม มีความยืดหยุ่นในทุกระดับ จากที่สังคมปัจจุบันเชื่อมต่อถึงกันหมด ผู้ใช้งานต่างคาดหวังว่าแอพพลิเคชั่นต่างๆ จะใช้งานได้อย่างต่อเนื่องไม่มีสะดุด แต่จากการศึกษาล่าสุดของ สถาบันโพนีมอน (Ponemon Institute ) (ภายใต้การสนับสนุนจาก อิเมอร์สัน เนทเวอร์ค พาวเวอร์) เกี่ยวกับสาเหตุการหยุดทำงาน (downtime) ของระบบดาต้า เซ็นเตอร์ พบว่า สาเหตุอันดับหนึ่งที่ทำให้ระบบศูนย์ข้อมูลหยุดทำงาน เกิดขึ้นจากความล้มเหลวของเครื่องสำรองไฟฟ้า โดยก่อให้เกิดความเสียหายสูงถึง 8,851 เหรียญสหรัฐ ต่อนาที (ประมาณ 315,000 บาทต่อนาที) หรือคิดเฉลี่ยประมาณ 740,357 เหรียญสหรัฐ ต่อการหยุดทำงานต่อครั้ง (ประมาณ 26 ล้านบาทต่อครั้ง) ซึ่งสามารถหลีกเลี่ยงปัญหาดังกล่าวได้ด้วยการใช้ยูพีเอสที่มีความคงทน เช่น เครื่องสำรองไฟฟ้า Liebert GXT4 ที่ช่วยปกป้องอุปกรณ์ไอทีให้ปลอดภัยจากกระแสไฟที่ไม่สม่ำเสมอ

มร.แดเนียล กล่าวว่า โครงสร้างพื้นฐานไมโครแบบครบวงจรข้างต้น เหมาะสำหรับการใช้งานร่วมกับอุปกรณ์รอบข้างหลากหลายรูปแบบ อีกทั้งถูกออกแบบมาให้ควบคุมการทำงาน พร้อมโซลูชั่นครบวงจรสำหรับสำนักงานสาขา ควบคุมการทำงานระยะไกล และเชื่อมต่อกับเครือข่ายรอบข้างได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโซลูชั่นโครงสร้างพื้นฐานแบบครบวงจรของอิเมอร์สัน เนทเวอร์ค พาวเวอร์ ติดต่อ: www.EmersonNetworkPower.com/Edge

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๐๔ พ.ค. Siriraj Education Expo 2024 ก้าวสู่ยุคใหม่ไปกับศิริราช พร้อมยกระดับทางการแพทย์ให้ดีขึ้น เพื่อสุขภาวะที่ดีของคนไทยทุกคน
๐๓ พ.ค. ครั้งแรก! งานเทศกาลคอนเทนต์ LGBTQ ฉลองความเท่าเทียมทางเพศ THAILAND INTERNATIONAL LGBTQ FILM TV FESTIVAL 2024 ปักหมุดเตรียมพบกัน กันยายนนี้
๐๓ พ.ค. โน วัน เอลส์ ส่ง 3 เพลงรัก 3 สไตล์! ผ่านมิวสิกซี่รีย์ ที่จะทำให้คุณเข้าใจความรักมากขึ้น
๐๓ พ.ค. ทีซีเอ็มซีมอบรางวัลประกวดการออกแบบผลงานด้านผลิตภัณฑ์อคูสติกส์
๐๓ พ.ค. GT Auto ฉลองแชมป์ยอดขาย Volvo จัดงาน มหกรรม GT Auto Show ลดสูงสุด 1,000,000 บาท พร้อมชูบริการ GT Auto Exclusive Service
๐๓ พ.ค. กทม. เตรียมพร้อมให้บริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ในกลุ่มเสี่ยงและนักเรียนในสังกัด
๐๓ พ.ค. กรมส่งเสริมการเกษตร ประชุมคณะทำงานความร่วมมือด้านการรับรองแหล่งผลิตพืชฯ (GAP พืช) ครั้งที่ 1/2567
๐๓ พ.ค. First Sale! realme 12 5G และ realme 12X 5G สัมผัสประสบการณ์ Portrait Master กับกล้องซูม 3X in sensor
๐๓ พ.ค. CRYSTALLIZING ใหม่! โดย SHISEIDO PROFESSIONAL อัปเกรดกลุ่มผลิตภัณฑ์ยืด-ดัดผม ชูเทคโนโลยีสุดล้ำ DUAL PERFORMANCE SYSTEM
๐๓ พ.ค. บัลเลต์ รีทรีต บนเกาะมัลดีฟส์ กลับมาอีกครั้ง ที่ อวานี พลัส แฟเรส โดย คาร์ริส สการ์เลต นักเต้นบัลเลต์ชื่อดัง