"VR เป็นเทคโนโลยีด้านการประมวลผลแบบ immersive ที่เป็นที่รอคอยมากที่สุด และเป็นการตอกย้ำการ คาดการณ์ตั้งแต่ปี 2008 ของ AMD's Cinema 2.0 vision ถึงการผสานกันของประสบการณ์ immersive และ interactivity" Raja Koduri รองประธานกรรมการอาวุโสและผู้อำนวยการด้านสถาปัตยกรรมแห่ง Radeon Technologies Group ของ AMD กล่าว "ขณะที่เราพยายามนำเทคโนโลยี VR มาใช้ในชีวิตประจำวันมากขึ้น ต้นทุนยังคงเป็นประเด็นหลักที่ทำให้เราสามารถเลือกพัฒนาเทคโลโลยี VR ให้กับผลิตภัณฑ์บางประเภทเท่านั้น Radeon™ RX Series จะเป็นเทคโนโลยีที่จะเข้ามาพลิกโฉมวงการ โดยจะเปลี่ยนให้ VR เป็นเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งานมากขึ้น"
จากผลการสำรวจชิ้นสำคัญ ราคาเป็นปัจจัยสำคัญที่ผู้ใช้งานใช้ในการตัดสินใจเลือก ทั้งนี้เทคโนโลยี VR ในราคาเริ่มต้นที่ $199 สำหรับกราฟฟิกการ์ด Radeon RX Series บางรุ่น จะเป็นตัวเปิดทางให้ผู้คนหันมาใช้ VR มากยิ่งขึ้น และเป็นการผลักดันการเติบโตของ ผู้ใช้งาน VR AMD คาดว่าราคาที่เปิดตัวใหม่นี้จะช่วยสร้างความต้องการพีซี สำหรับ VR และจะทำให้ให้ราคา headset สำหรับ VR ลดลง
- เดสก์ท็อปและโน้ตบุ๊กที่พร้อมใช้งาน VR ในราคาที่สามารถเอื้อมถึง: AMD คาดว่าพีซีสำหรับ VR โดยกราฟฟิกการ์ดสถาปัตยกรรม Polaris จะเข้าถึงผู้ใช้งานกว่า 100 ล้านคนภายใน 10 ปีข้างหน้า
- ช่วยให้ VR เข้าถึงลูกค้ารายย่อยได้: ขณะนี้การจำหน่ายเทคโนโลยี VR ผ่านช่องทางรีเทลยังคงเป็นเรื่องยาก เพราะมีราคาสูงกว่า $999 ทั้งนี้กราฟฟิกการ์ด Radeon™ RX Series จะให้ OEM สามารถผลิตเดสก์ท็อปและโน้ตบุ๊กที่สามารถใช้งาน VR ได้ในราคาที่สามารถเอื้อมถึง เหมาะสำหรับตลาดรีเทลพีซี
- ให้นักพัฒนา VR เข้าถึงผู้ใช้งานได้มากขึ้น: การที่ผู้ใช้งานทั่วไปหันมาใช้เทคโนโลยี VR จะเป็นแรงกระตุ้นให้นักพัฒนาหันมาสร้างแอพพลิเคชั่นสำหรับ VR ที่หลากหลายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นด้านการศึกษา บันเทิง และการทำงาน โดยทางนักพัฒนาต่างหาหนทางที่จะใช้ประโยชน์จากความนิยมที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ของ VR
- ลดค่าใช้จ่ายสำหรับผู้ที่เริ่มใช้ VR: AMD คาดว่าพีซีสำหรับ VR ในราคาที่ถูกลงจะช่วยให้ผู้ใช้งานหันมาใช้ VR มากขึ้น อีกทั้งยังเป็นการกระตุ้นความสนใจของนักพัฒนาและเพิ่มการผลิต HMD ซึ่งจะส่งผลให้ค่าใช้จ่ายลดลงสำหรับการใช้งาน VR ในระยะแรกเพราะในท้ายที่สุดแล้วราคาผลิตภัณฑ์ทั้งระบบของ VR จะลดลง
"ประสิทธิภาพของ Radeon™ RX series เป็นผลมาจากการปรับปรุงด้านสถาปัตยกรรมและเทคโนโลยี14nm FinFET สำหรับ GPU แบบ discrete จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับความก้าวหน้าของเทคโนโลยี VR" Patrick Moorhead นักวิเคราะห์ของ Moor Insights&Strategy กล่าว "Radeon™ RX series จะช่วยผลักดันให้ระบบ VR พร้อมสำหรับจำหน่ายในตลาดรีเทลในปริมาณที่สูงขึ้น และจะช่วยให้เกิดการลงทุนพัฒนาคอนเทนต์สำหรับ VR ที่เพิ่มขึ้น ทั้งยังเป็นการลดต้นทุนของ headsets สำหรับ VR อีกด้วย"
"เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ AMD ได้มอบกราฟฟิกการ์ดสำหรับ VR ให้ผู้ใช้งานทั่วไปในราคาเริ่มต้นที่ $199" Dan O'Brien รองประธานกรรมการด้านเทคโนโลยีเสมือนจริงของ HTC กล่าว "สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ AMD ในการศึกษาระบบทั้งหมดของ VR เพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมอย่าง Radeon RX Series เพื่อให้เป็นขุมพลังระบบ VR ระดับ high end อย่าง HTC Vive และยังเข้าถึงผู้ใช้งานทั่วไปได้มากขึ้นอีกด้วย"
"เราได้สัมผัสกับแอพพลิเคชั่นแบบ immersive และประสบการณ์ที่ให้กับผู้คนนับล้านทั่วโลกสัมผัสกับเทคโนโลยีเสมือนจริง" Nate Mitchell รองประธานกรรมการด้านผลิตภัณฑ์แห่ง Oculus กล่าว "AMD จะช่วยผลักดันการใช้ VR อีกขั้นหนึ่ง ด้วยกราฟฟิกการ์ดสำหรับ VR ที่จำหน่ายในราคา $199"
การเปิดตัว Radeon™ RX Series ถือจุดเริ่มต้นของกลยุทธ์ "Water Drop" ซึ่งตั้งเป้าที่จะปล่อยกราฟฟิกการ์ดตัวใหม่เพื่อเพิ่มยอดขายให้กับกราฟฟิกการ์ด Radeon™ ในเดือนพฤษภาคม ปี 2016 Mercury Research ได้รายงานว่ากราฟฟิกการ์ดแบบ discrete ของ AMD มีส่วนแบ่งการตลาด 3.2% ในไตรมาสที่ 1 Radeon™ RX Series จะมาเพิ่มโอกาสให้กับพีซีเกมมิ่ง ทั้งนี้มีพีซีเกมเมอร์กว่า 13.8 ล้านรายที่ใช้เงินราว $100-300 ในการอัพเกรดกราฟฟิกการ์ด 84% ของการแข่งขัน และการเล่นเกมส์บนเดสก์ท็อปด้วยกราฟฟิกการ์ด Radeon™ RX Series สถาปัตยกรรม Polaris ที่มาพร้อมกับประสิทธิภาพการทำงานที่สูงขึ้น จะช่วยส่งมอบประสบการณ์ด้าน VR อันน่าตื่นตาตื่นใจ และฟีเจอร์ที่หลากหลายในราคาที่ไม่เคยมีใครจำหน่ายมาก่อน
ท่านสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกราฟฟิกการ์ด Radeon™ RX Series สถาปัตยกรรม Polaris ที่จะวางจำหน่ายในเดือนนี้ได้ที่ AMD Newsroom และโซเชียลมีเดียที่เกี่ยวข้อง