บลจ.ไทยพาณิชย์จ่ายปันผล 3กองทุนตปท.หุ้นอินเดีย-ตราสารหนี้ตลาดเกิดใหม่-โกลบอลเฮลธ์แคร์

พฤหัส ๒๑ กันยายน ๒๐๑๗ ๑๓:๕๖
นายสมิทธ์ พนมยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่าบริษัทฯ เตรียมจ่ายปันผลกองทุนต่างประเทศพร้อมกันจำนวน 3 กองทุน ในวันที่ 22 กันยายน 2560 นี้ สำหรับผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 มีนาคม-31 สิงหาคม 2560 ได้แก่กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นอินเดีย (SCBINDIA) จ่ายปันผลในอัตรา 0.0974 บาทต่อหน่วย นับเป็นครั้งที่ 3 โดยมีผลการดำเนินงานตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 25.31% ต่อปี, 6 เดือนอยู่ที่ 9.59% ต่อปี และ 1 ปี อยู่ที่ 16.74 %ต่อปี (ข้อมูล ณ วันที่ 14 ก.ย.2560) มีนโยบายเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของ iShares India 50 ETF ในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ซึ่งซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐอเมริกา (NASDAQ) บริหารงานภายใต้ความดูแลของ BlackRock และมีนโยบายลงทุนในหุ้นที่เป็นส่วนประกอบของ CNX NIFTY Index เพื่อให้ผลการดำเนินงานของกองทุนก่อนหักค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายใกล้เคียงกับผลตอบแทนของ CNX NIFTY Index TR USD

กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ตราสารหนี้ตลาดเกิดใหม่ (SCBEMBOND) จ่ายปันผลในอัตรา 0.1575 บาทต่อหน่วย นับเป็นการจ่ายปันผลครั้งที่ 3 โดยมีผลการดำเนินงานตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 5.06% ต่อปี 6 เดือนอยู่ที่ 3.17% ต่อปี และ 1 ปี อยู่ที่ 4.77% ต่อปี(ข้อมูล ณ วันที่ 14 ก.ย.2560) มีนโยบายเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน JPMorgan Funds – Emerging Markets Investment Grade Bond Fund ชนิดหน่วยลงทุนShare Class C (ACC) ลงทุนด้วยสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD) เฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สิน มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือในระดับที่สามารถลงทุนได้ในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่บริหารงานโดย J.P Morgan Asset Management

สำหรับอีก 1 กองทุน คือ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นโกลบอลเฮลธ์แคร์ (SCBGHC) สำหรับงวดผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 กันยายน 2559 -31 สิงหาคม2560 โดยจ่ายปันผลในอัตรา 0.2057 บาทต่อหน่วย ซึ่งได้มีการจ่ายระหว่างกาลแล้วเมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2560 จำนวน 0.0444 บาทต่อหน่วย เหลือจ่ายงวดนี้ 0.1613 บาทต่อหน่วย นับเป็นการจ่ายปันผลครั้งที่ 2 โดยมีผลการดำเนินงานตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 20.67 %ต่อปี 6 เดือนอยู่ที่ 9.13% ต่อปี และ 1 ปีอยู่ที่ 9.70% ต่อปี

ทั้งนี้กองทุน SCBGHC มีนโยบายเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของ Janus Global Life Sciences Fund ชนิดหน่วยลงทุน I Share Class (Institutional Share Class) สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD) เฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ เน้นการลงทุนในหุ้นของบริษัทต่างๆ ทั่วโลกที่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์ในการดำเนินชีวิต (Life Sciences) หรือศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับการรักษาหรือยกระดับคุณภาพชีวิต ได้แก่ บริษัทด้านการวิจัย พัฒนา ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์หรือบริการที่เกี่ยวข้องสุขภาพ ผลิตภัณฑ์เพื่อการดูแลตัวเอง การแพทย์หรือเภสัชกรรม รวมไปถึงบริษัทที่มีศักยภาพในการเติบโตหลักมาจากผลิตภัณฑ์ เทคโนโลยี การจดสิทธิบัตร หรือตลาดอื่นใดที่ได้รับประโยชน์จากวิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินชีวิต เป็นต้น

นายสมิทธ์ กล่าวว่า ตลาดหุ้นอินเดียเป็นตลาดหนึ่งในตลาดเกิดใหม่ที่มีผลตอบแทนที่โดดเด่นในปีนี้ นอกจากจะเป็นการปรับขึ้นตามตลาดหุ้นภูมิภาค (regional) อันเนื่องมาจากกระแสเงินทุนไหลเข้าแล้ว ประเทศอินเดียยังมีการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ดีเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยฤดูมรสุมที่คาดการณ์ว่าปริมาณน้ำฝนจะอยู่ในระดับปกติ จะเป็นปัจจัยสนับสนุนรายได้ภาคการเกษตร รวมทั้งสนับสนุนการบริโภคภายในประเทศ ทั้งนี้ยังคาดการณ์ว่านโยบายปฏิรูปภาษีหรือ GST จะช่วยลดต้นทุนการขนส่งสินค้าและดึงดูดเงินลงทุนจากต่างชาติ ซึ่งช่วยสนับสนุนการขยายตัวเศรษฐกิจในระยะกลางถึงยาว

ส่วนภาพรวมหุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์มีอัตราผลตอบแทนปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี สอดคล้องกับตลาดหุ้นสหรัฐฯ ส่วนหนึ่งเนื่องจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ ส่งสัญญาณการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างค่อยเป็นค่อยไป ประกอบกับนักลงทุนคาดการณ์ว่าการปฏิรูปร่างกฎหมายประกันสุขภาพจะส่งผลกระทบต่อหุ้นกลุ่ม Healthcare ไม่มากนัก นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยหนุนจากผลประกอบการของบริษัทในกลุ่ม Healthcare ที่ออกมาแข็งแกร่งอีกด้วย อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่ม Healthcare อาจได้รับผลกระทบทางลบจากต้นทุนการกู้ยืมที่สูงขึ้นหากธนาคารกลางสหรัฐฯ มีการลดขนาดสินทรัพย์ในงบดุลรวมทั้งการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย

ในขณะที่ตลาดพันธบัตรตลาดเกิดใหม่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ในช่วงต้นปี 2560 ที่ผ่านมา โดยมีปัจจัยหนุนจากการที่รัฐบาลสหรัฐฯ ยังไม่สามารถผ่านนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ได้ ประกอบกับธนาคารกลางสหรัฐฯ ส่งสัญญาณการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างค่อยเป็นค่อยไปจากอัตราเงินเฟ้อที่ยังไม่ถึงเป้าหมาย จึงส่งผลให้เงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าและมีเงินทุนไหลเข้ามาลงทุนทั้งในตลาดหุ้นและตลาดพันธบัตรตลาดเกิดใหม่ อย่างไรก็ตาม ตลาดพันธบัตรตลาดเกิดใหม่ยังคงมีปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญจากการลดขนาดสินทรัพย์ในงบดุลของธนาคารสหรัฐฯ ซึ่งอาจก่อให้เกิดกระแสเงินทุนไหลออกจากตลาดเกิดใหม่ และส่งผลให้ราคาสินทรัพย์ปรับตัวลงได้

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๐๔ พ.ค. Siriraj Education Expo 2024 ก้าวสู่ยุคใหม่ไปกับศิริราช พร้อมยกระดับทางการแพทย์ให้ดีขึ้น เพื่อสุขภาวะที่ดีของคนไทยทุกคน
๐๓ พ.ค. ครั้งแรก! งานเทศกาลคอนเทนต์ LGBTQ ฉลองความเท่าเทียมทางเพศ THAILAND INTERNATIONAL LGBTQ FILM TV FESTIVAL 2024 ปักหมุดเตรียมพบกัน กันยายนนี้
๐๓ พ.ค. โน วัน เอลส์ ส่ง 3 เพลงรัก 3 สไตล์! ผ่านมิวสิกซี่รีย์ ที่จะทำให้คุณเข้าใจความรักมากขึ้น
๐๓ พ.ค. ทีซีเอ็มซีมอบรางวัลประกวดการออกแบบผลงานด้านผลิตภัณฑ์อคูสติกส์
๐๓ พ.ค. GT Auto ฉลองแชมป์ยอดขาย Volvo จัดงาน มหกรรม GT Auto Show ลดสูงสุด 1,000,000 บาท พร้อมชูบริการ GT Auto Exclusive Service
๐๓ พ.ค. กทม. เตรียมพร้อมให้บริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ในกลุ่มเสี่ยงและนักเรียนในสังกัด
๐๓ พ.ค. กรมส่งเสริมการเกษตร ประชุมคณะทำงานความร่วมมือด้านการรับรองแหล่งผลิตพืชฯ (GAP พืช) ครั้งที่ 1/2567
๐๓ พ.ค. First Sale! realme 12 5G และ realme 12X 5G สัมผัสประสบการณ์ Portrait Master กับกล้องซูม 3X in sensor
๐๓ พ.ค. CRYSTALLIZING ใหม่! โดย SHISEIDO PROFESSIONAL อัปเกรดกลุ่มผลิตภัณฑ์ยืด-ดัดผม ชูเทคโนโลยีสุดล้ำ DUAL PERFORMANCE SYSTEM
๐๓ พ.ค. บัลเลต์ รีทรีต บนเกาะมัลดีฟส์ กลับมาอีกครั้ง ที่ อวานี พลัส แฟเรส โดย คาร์ริส สการ์เลต นักเต้นบัลเลต์ชื่อดัง