กองทุน DIF ปลื้มนักลงทุนให้การตอบรับดี เคาะราคาเสนอขายสุดท้าย 13.90 บาทต่อหน่วย ซึ่งเป็นราคาสูงสุดของช่วงราคาเสนอขายเบื้องต้น นักลงทุนแห่จองซื้อเกินกว่าจำนวนหน่วยที่เสนอขายอย่างคึกคัก

อังคาร ๑๕ พฤษภาคม ๒๐๑๘ ๑๐:๓๔
กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ดิจิทัล ("กองทุน DIF") เคาะราคาเสนอขายสุดท้ายของหน่วยลงทุนใหม่ที่ 13.90 บาทต่อหน่วย ซึ่งเป็นราคาสูงสุดของช่วงราคาเสนอขายเบื้องต้น เพื่อระดมทุนเข้าลงทุนในทรัพย์สินโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมเพิ่มเติมครั้งที่ 3 หลังนักลงทุนให้การตอบรับดี ทั้งกลุ่มของผู้ถือหน่วยลงทุนเดิมและประชาชนทั่วไปที่จองซื้ออย่างคึกคัก สะท้อนถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพของกองทุนฯ เตรียมประกาศผลการจัดสรรหน่วยลงทุนวันที่ 16 พ.ค.นี้ และสามารถตรวจสอบผลการจัดสรรหน่วยลงทุนได้ที่เว็บไซต์ www.settrade.com หรือสำนักงานของบริษัทจัดการกองทุน DIF หรือผู้จัดการการจัดจำหน่ายลงทุนในประเทศทั้ง 3 รายตามที่ผู้จองซื้อได้ทำการจองซื้อหน่วยลงทุนไว้ มั่นใจด้วยจุดเด่นของกองทุนฯ ที่มีขนาดทรัพย์สินที่ใหญ่ขึ้นและสามารถขยายการให้บริการในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศได้อย่างครอบคลุมยิ่งขึ้นและมีทรัพย์สินที่มีแนวโน้มสร้างรายได้จากการให้เช่าแก่ผู้เช่ารายอื่นเพิ่ม ส่งผลดีต่อประมาณการเงินปันผลต่อหน่วยลงทุนตั้งแต่ 1 ก.ค. 2561 – 30 มิ.ย. 2562 จะเพิ่มขึ้นเป็นไม่ต่ำกว่า 1.04 บาทต่อหน่วย

นางสาววีณา เลิศนิมิตร ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ สาย Primary Distribution ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน Sole Global Coordinator และผู้จัดการการจัดจำหน่ายหน่วยลงทุนในประเทศของกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ดิจิทัล หรือ DIF ในการลงทุนเพิ่มเติมครั้งที่ 3 เปิดเผยว่า หลังจากที่กองทุน DIF ได้กำหนดช่วงราคาเสนอขายเบื้องต้นของหน่วยลงทุนใหม่ที่ 13.60 - 13.90 บาทต่อหน่วย ซึ่งเปิดให้นักลงทุนทั้งกลุ่มผู้ถือหน่วยลงทุนเดิมและประชาชนทั่วไปได้เข้าร่วมจองซื้อหน่วยลงทุนใหม่ เมื่อวันที่ 2 – 11 พฤษภาคม 2561 ปรากฏว่าได้รับความสนใจเป็นอย่างดีจากนักลงทุนทุกกลุ่ม โดยมียอดรวมการจองซื้อหน่วยลงทุนใหม่เกินกว่าจำนวนหน่วยลงทุนที่เสนอขาย ทั้งนี้หลังจากสำรวจความต้องการจองซื้อของนักลงทุนสถาบัน (Bookbuild) ได้กำหนดราคาเสนอขายสุดท้ายของหน่วยลงทุนใหม่ที่ 13.90 บาทต่อหน่วย ซึ่งเป็นราคาสูงสุดของช่วงราคาเสนอขายเบื้องต้น โดยเงินที่ได้จากการเพิ่มทุนในครั้งนี้จะถูกนำไปลงทุนในทรัพย์สินโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมเพิ่มเติมครั้งที่ 3 รวมมูลค่าทั้งสิ้น 55,236 ล้านบาท ซึ่งมาจากการระดมทุนโดยการเสนอขายหน่วยลงทุนใหม่ครั้งนี้จำนวน 53,236 ล้านบาท และเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินอีก 2,000 ล้านบาท

นายเอกภพ เมฆกัลจาย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ทีม Markets Sales and Product Solutions สายงานธุรกิจตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายหน่วยลงทุนในประเทศ กล่าวว่า การเสนอขายหน่วยลงทุนใหม่ของกองทุน DIF ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้ถือหน่วยลงทุนเดิมที่มีสิทธิจองซื้อหน่วยลงทุนใหม่และประชาชนทั่วไปที่ให้ความสนใจจองซื้อหน่วยลงทุนใหม่เข้ามาเป็นจำนวนมากและดีกว่าที่คาดหมายไว้ ส่งผลให้กองทุน DIF สามารถปิดการขายหน่วยลงทุนใหม่ได้ตามเป้าหมายที่ต้องการ โดยหลังจากนี้จะประกาศผลการจัดสรรหน่วยลงทุนในวันที่ 16 พฤษภาคม 2561 ซึ่งผู้จองซื้อสามารถตรวจสอบผลการจัดสรรดังกล่าวได้ที่เว็บไซต์ www.settrade.com หรือสำนักงานของบริษัทจัดการกองทุน DIF หรือผู้จัดการการจัดจำหน่ายลงทุนในประเทศทั้ง 3 ราย ตามที่ผู้จองซื้อได้ทำการจองซื้อหน่วยลงทุนไว้ ได้แก่ ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกรุงไทย หรือธนาคารกรุงเทพ (เฉพาะเวลาทำการ)

นายประเสริฐ ดีจงกิจ SVP ผู้จัดการ ฝ่ายทุนธนกิจ สายวาณิชธนกิจ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายหน่วยลงทุนในประเทศ กล่าวว่า มีการจองซื้ออย่างคึกคักจากนักลงทุนทุกกลุ่ม ซึ่งปัจจัยมาจากนักลงทุนมีความมั่นใจในศักยภาพและผลการดำเนินงานย้อนหลังของกองทุน ที่สามารถจ่ายเงินปันผลต่อหน่วยลงทุน (DPU) ให้แก่ผู้ถือหน่วยได้อย่างสม่ำเสมอนับตั้งแต่ปี 2557 – 2560 จึงเชื่อมั่นว่าหลังจากเข้าลงทุนในทรัพย์สินโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมเพิ่มเติมครั้งที่ 3 เป็นที่เรียบร้อยจะสามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้นเพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุน

นายสมิทธ์ พนมยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด ในฐานะบริษัทจัดการกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ดิจิทัล กล่าวว่า ขอขอบคุณผู้ถือหน่วยลงทุนเดิมและนักลงทุนรายใหม่ ที่สนใจจองซื้อหน่วยลงทุนใหม่ของ DIF เป็นจำนวนมาก เนื่องจากมีความเชื่อมั่นในทรัพย์สินและศักยภาพของกองทุนฯ ซึ่งหลังจากลงทุนเพิ่มเติมครั้งนี้จะส่งผลดีต่อผู้ถือหน่วยลงทุนทำให้มีโอกาสได้รับผลตอบแทนเพิ่มขึ้น โดยหลังจากที่ปิดการเสนอขายหน่วยลงทุนใหม่ของกองทุน DIF ได้เป็นที่เรียบร้อย คาดว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ที่ต้องการซื้อหน่วยลงทุน DIF หลังจากนำหน่วยลงทุนใหม่เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เนื่องจากกองทุน DIF ลงทุนเพิ่มเติมในทรัพย์สินโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมที่สามารถนำไปจัดหาผลประโยชน์จากการปล่อยเช่าแก่ผู้ประกอบการโทรคมนาคมได้ทันที เพื่อสร้างผลตอบแทนและจ่ายเงินปันผลได้สม่ำเสมอ โดยหลังจากการลงทุนเพิ่มเติมครั้งที่ 3 นี้ จะทำให้กองทุน DIF เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์และสิทธิการรับประโยชน์จากรายได้สุทธิในเสาโทรคมนาคม 15,271 เสา กรรมสิทธิ์ สิทธิการเช่าระยะยาวและสิทธิการรับประโยชน์จากรายได้สุทธิในใยแก้วนำแสงประมาณ 2.6 ล้านคอร์กิโลเมตร และกรรมสิทธิ์ในระบบบรอดแบนด์ในเขตพื้นที่ต่างจังหวัด 1.2 ล้านพอร์ต โดยมีทรัพย์สินรวมมูลค่าทั้งสิ้นประมาณ 175,042 ล้านบาท

ขณะเดียวกัน จะส่งผลให้กองทุน DIF มีศักยภาพที่โดดเด่นหลายด้าน ได้แก่ 1. มีทรัพย์สินขนาดใหญ่และครอบคลุมทั่วประเทศ 2. ประมาณการเงินปันผลต่อหน่วยลงทุน (ตั้งแต่ 1 ก.ค. 2561 – 30 มิ.ย. 2562) จะเพิ่มขึ้นเป็นไม่ต่ำกว่า 1.04 บาทต่อหน่วย เทียบกับปี 2560 (ม.ค.-ธ.ค.) อยู่ที่ 0.98 บาทต่อหน่วย 3. ทรัพย์สินในกองทุน DIF มีอายุสัญญาเช่าเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักยาวนานขึ้นเป็นประมาณ 20 ปี ซึ่งช่วยเพิ่มความมั่นคงด้านรายได้และการจัดสรรผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนในระยะยาว 4. กองทุน DIF มีความสัมพันธ์ที่ดีกับกลุ่มทรูซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการกิจการโทรคมนาคมรายใหญ่และเป็นผู้เช่าหลักของกองทุน DIF และ 5. กองทุน DIF อยู่ในสถานะที่ดีที่มีโอกาสได้รับผลกระทบในเชิงบวกทางอ้อมจากภาวะอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มการใช้บริการข้อมูลและอัตราการเข้าถึงสมาร์ทโฟนที่เพิ่มขึ้น การใช้งานอินเทอร์เน็ตและระบบบรอดแบนด์ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น รวมถึงการผลักดันประเทศไทยสู่ระบบเศรษฐกิจดิจิทัล ผ่านความต้องการในการเช่าจากผู้ประกอบการรายอื่นที่อาจเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจทำให้กระแสรายได้ของกองทุน DIF ที่จะได้รับจากผู้เช่ารายอื่นเติบโตขึ้น

"นับตั้งแต่จัดตั้งกองทุน DIF มีผลการดำเนินงานที่ดีมาตลอด สะท้อนจากมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ (NAV) ณ สิ้นปี 2556 – 2560 อยู่ที่ 10.0471, 12.4161, 12.3241, 14.6191 และ 15.5630 บาทต่อหน่วย และสามารถจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนได้อย่างสม่ำเสมอและเพิ่มขึ้นทุกปี นอกจากนี้ยังเป็นกองทุนโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทยอีกด้วย จึงมั่นใจว่า DIF มีศักยภาพที่ดี" นายสมิทธ์ กล่าว

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗ พ.ค. สุรีย์พร คลินิก เปิดตัวตึกสูงที่สุดแห่งวงการคลินิกสถาบันเสริมความงาม ฉลอง 20 ปีความสำเร็จพร้อมยกระดับชูเทคโนโลยีล้ำสมัย Volformer
๑๗ พ.ค. ปตท.สผ. จัดงานประชุม SSHE Forum 2024 ส่งเสริมวัฒนธรรมความปลอดภัยในการทำงาน
๑๗ พ.ค. บมจ. เอสไอเอส ดิสทริบิวชั่น (ประเทศไทย) แนะนำ ชุดล็อคประตูกลอนแม่เหล็กไฟฟ้า จากแบรนด์ HIP
๑๗ พ.ค. ซัมซุง อัปเกรดประสบการณ์การชมทุกมหกรรมกีฬา ด้วยนวัตกรรม AI TV สุดล้ำ ชัดทุกแมตซ์เหมือนเชียร์ติดขอบสนาม
๑๗ พ.ค. ไทยพาณิชย์ปักหมุดผู้นำดิจิทัลแบงก์ นำ AI เสริมแกร่ง 360 องศา เปิด 3 นวัตกรรม AI ครั้งแรก! สร้างปรากฏการณ์ใหม่กลุ่มสินเชื่อรายย่อย และ Digital
๑๗ พ.ค. หัวใจเต้นช้า โรคหัวใจที่มักถูกมองข้าม
๑๗ พ.ค. DDD โชว์งบ Q1/67 กวาดกำไรทะยาน 317% YoY พร้อมลุยขยายตลาดสินค้าไลฟ์สไตล์ อัพผลงานปีนี้โตสวย
๑๗ พ.ค. PCC เปิดงบ Q1/67 รายได้โต 14.25% ยอดขายสินค้าหม้อแปลงไฟฟ้า - อุปกรณ์ระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ เพิ่มขึ้น มั่นใจรายได้ปีนี้โต 10%
๑๗ พ.ค. บางจากฯ สานต่อพันธกิจสนับสนุนด้านกีฬาอย่างเป็นมิตรต่อโลก ร่วมจัดกิจกรรมเดิน-วิ่ง Olympic Day 2024 Together, For A Better
๑๗ พ.ค. บัตรเครดิต ttb ช้อปคุ้ม อิ่มครบ ได้มากกว่า รับ Magic Gift Voucher รวมมูลค่าสูงสุด 1,500 บาท ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลทั้ง 5