“LACONIC TECHNOLOGY ERP” ซอฟแวร์ โซลูชั่นใหม่ เพื่อผู้ประกอบการ SMEs ตั้งเป้ายอดรายได้ปีนี้ที่ 70 ล้านบาท

พุธ ๓๐ พฤษภาคม ๒๐๑๘ ๑๑:๔๕
"ลาโคนิค เทคโนโลยี" ผู้เชี่ยวชาญเรื่องการพัฒนาซอฟท์แวร์ คลาวด์เทคโนโลยี ผู้นำระบบ ERP มาใช้ในการบริหารจัดการฐานลูกค้า ที่มีมูลค่ารายได้รวมกว่า 6 พันล้านบาท พร้อมแล้วที่จะนำซอฟแวร์ โซลูชั่นใหม่ "LACONIC TECHNOLOGY ERP" เพื่อเจาะตลาดผู้ประกอบการ SMEs ไปจนถึงองค์กรขนาดใหญ่ ตั้งเป้ายอดรายได้ปีนี้ไว้ที่ 70 ล้านบาท

บริษัท ลาโคนิค เทคโนโลยี จำกัด (Laconic Technology Co., Ltd) เป็นบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญเรื่องการพัฒนาซอฟท์แวร์ และเทคโนโลยีคลาวด์ ซึ่งก่อตั้งขึ้นในประเทศไทยเมื่อปี 2549 หรือ 12 ปี ที่ผ่านมา โดยได้รับการส่งเสริมจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนการ BOI (Board of Investment) ภายใต้สิทธิพิเศษในการดำเนินธุรกิจทางด้านให้บริการ โปรแกรมที่เข้าใช้งานผ่านเว็บไซต์ในระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต (Web-based) และรวมไปถึงแอพพลิเคชั่นที่ครอบคลุมไปถึงการใช้กำลังประมวลผล หน่วยจัดเก็บข้อมูล และระบบออนไลน์ต่างๆ จากผู้ให้บริการผ่านอินเทอร์เน็ต (Application and Cloud Computing) ซึ่งสอดคล้องกับที่รัฐบาลไทยได้ประกาศในการก้าวไปสู่ "ไทยแลนด์ 4.0" เพื่อยกระดับธุรกิจ SMEs ให้เติบโตทันสมัยขยายเป็นธุรกิจขนาดใหญ่และยกระดับการบริการให้มีมูลค่าเพิ่มขึ้น

ลาโคนิคมีผู้เชี่ยวชาญทางด้านเทคนิค และผู้ชำนาญการระดับผู้จัดการอาวุโสในระดับโลก ที่มาร่วมงานการพัฒนาบริษัทให้เติบโตต่อไป นอกจากนี้ยังมีทีมงานที่สามารถสื่อสารได้ทั้งภาษาอังกฤษ ไทย และจีน เพื่อดูแลและให้การสนับสนุนในเรื่องการดูแลบำรุงรักษาระบบซอฟท์แวร์ให้กับลูกค้าที่มาจากหลากหลายประเทศ แพลตฟอร์มของเราจะช่วยลดปัญหาความยุ่งยากด้าน ไอที (IT) ด้วยการจับข้อมูล และการใช้งานที่เป็นกุญแจสำคัญของพัฒนาธุรกิจ SMEs เพื่อให้ประสบความสำเร็จ ซึ่งฐานลูกค้าในทวีปเอเชียของเราที่นำระบบ ERP มาใช้ในการบริหารจัดการมีรายได้ทั้งหมด 6,000 ล้านบาท หรือประมาณ 190 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

มร. อเล็กซ์ ชีส์ ผู้ก่อตั้งและประธานบริหารลาโคนิค ได้กล่าวว่า "สำหรับลาโคนิคนั้น เราไม่เพียงแต่เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ แต่ยังเปิดตัวพอร์ทใหม่เพื่อให้เข้ากับการบูรณาการของประเทศไทย เพื่อขานรับนโนบาย ไทยแลนด์ 4.0 โดยใช้โซลูชั่นเทคโนโลยีของ DIGILEAGUE เพื่อสร้างฐานข้อมูลตลาดเป้าหมายของธุรกิจ SMEs ไปจนถึงองค์กรขนาดใหญ่ เพราะเทคโนโลยีของลาโคนิคใช้ระบบ ERP ผ่านระบบคลาวด์ ซึ่งการให้การบริการระบบนี้เราได้ผ่านการทดสอบในประเทศไทยมาเป็นเวลามากกว่า 10 ปี ซึ่งสามารถอ้างอิงและตรวจสอบได้จากภาคการผลิตที่ใช้กระบวนการผลิตที่ซับซ้อน"

"ทุกวันนี้ องค์กรหรือบริษัทต่างๆ ที่ใช้ระบบการจัดการของ "ลาโคนิค" สามารถสร้างรายได้มากกว่า 6 พันล้านบาท ซึ่งเป็นรายได้จากฐานลูกค้าของเราในต่างประเทศด้วย"

สำหรับระบบซอฟแวร์ โซลูชั่นใหม่ของลาโคนิค ที่ได้นำมาเปิดตัวแนะนำในประเทศไทย โดยผ่านทาง LACONIC TECHNOLOGY และ DIGILEAGUE ซึ่งเรียกว่า LACONIC TECHNOLOGY ERP มีอยู่ 7 แบบ ซึ่งเป็นดิจิตอลเทคโนโลยีชั้นสูงเทียบเท่าจากประเทศไต้หวัน คือ HRM & HRD – เหมาะกับการบริหารทรัพยากรมนุษย์ในสถานประกอบการและการฝึกอบรมและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ CRM – การบริหารงานลูกค้าสัมพันธ์ Business Intelligence (BI) – การวิเคราะห์,การจัดเก็บและการเข้าถึงข้อมูล POS – การจัดการหน้าร้าน E-Payment - การจ่ายเงินผ่านทางระบบอิเลคทรอนิกส์ Comboware – การจัดเก็บข้อมูล RTLS – เทคโนโลยีในการระบุตำแหน่งบุคคลหรือสิ่งของ

ในด้านกลยุทธ์การตลาด และแผนการพัฒนาธุรกิจของ LACONIC TECHNOLOGY ในปี 2561 นี้ ทางบริษัทฯ ได้ตั้งเป้าเจาะตลาดเพื่อหาช่องทางใหม่ในการขยายธุรกิจให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น โดยร่วมบูรณการกับทางบริษัทคู่ค้าจากประเทศไต้หวัน DIGILEAGUE Technology Solutions ซึ่งปัจจุบัน LACONIC TECHNOLOGY ได้ร่วมดำเนินธุรกิจในประเทศไต้หวัน ประเทศไทย และมาเลเซีย โดยมีพันธมิตรในการให้การปรึกษาและดูแลในเรื่องการบริหารการเปลี่ยนแปลง (Change management partner) 1 แห่ง และ พันธมิตรผู้ให้บริการ ฮาร์ดแวร์ อีก 1 แห่งในประเทศไทย

"นับแต่เรามีลูกค้ารายแรกในประเทศไทย เมื่อ 13 ปี ที่แล้ว ทำให้เรามั่นใจว่า เราจะสามารถพัฒนาธุรกิจให้เจริญเติบโตได้อย่างรวดเร็ว และเราก็หวังเป็นอย่างยิ่งที่จะพัฒนาแผนธุรกิจแบบก้าวกระโดดนี้ไปยังประเทศมาเลเซียในฐานะลูกค้ารายใหม่ที่จะส่งผลลัพธ์ทั้งเรื่องรายได้และผลการดำเนินงานที่ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้เรากำลังเจรจาเพื่อขยายช่องทางธุรกิจไปยังประเทศกัมพูชา และเมียนมาร์ โดยตั้งเป้ายอดรวมรายได้ในประเทศไทย และมาเลเซียในปี 2561 นี้ไว้ที่ 70 ล้านบาท และจะเพิ่มรายได้ขึ้นเป็น 2 เท่าในปี 2562 "

มร. หยวน ลี ตัวแทนผู้ให้บริการโซลูชั่นซอฟต์แวร์เทคโนโลยีขั้นสูงระดับแนวหน้าของประเทศไต้หวัน ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า DIGILEAGUE คือแพลตฟอร์มที่จะเร่งเข้าไปในธุรกิจ SMEs เพื่อนำไปใช้ต่อยอดธุรกิจไทยตามที่รัฐบาลได้กำหนดเป็นนโยบายให้ประเทศไทยเข้าสู่ยุคเศรษฐกิจ "ไทยแลนด์ 4.0" ทั้งนี้ในเรื่องของ Digital economy นั้นรัฐบาลไทยเน้นให้ธุรกิจในประเทศเตรียมตัวสำหรับเรื่องดังกล่าว ซึ่งในส่วนของบริษัทนั้น เรามีแอพพลิเคชั่นหลายอย่างและมีความพร้อมที่จะตอบรับทุกความต้องการ โดยเฉพาะด้านวิเคราะห์ข้อมูลการตลาด การบริหารบุคคลากร ออโตเมชั่นในอุตสาหกรรม การฝึกอบรม และอื่นๆ ให้ลูกค้าสามารถเลือกและนำไปใช้

"แพลตฟอร์มของเราจะช่วยบรรเทาหรือลดความเสียหายของธุรกิจที่ดำเนินการผ่านระบบไอทีที่อาจเกิดการถูกรบกวน โดยผู้ใช้ไม่ต้องการที่จะพลาดช่องทางการติดต่อในเอเชีย ซึ่งนั่นจะทำให้ผู้ใช้กลายเป็นกุญแจดอกสำคัญในการที่จะพัฒนาธุรกิจ SMEs ให้ประสบความสำเร็จ ดังนั้น ผู้ประกอบการธุรกิจ SMEs ชั้นนำ ควรจะนึกถึงความจำเป็นของการเปลี่ยนแปลง พร้อมทั้งเปิดใจยอมรับในการจัดงบประมาณการลงทุนเพื่อพัฒนาความก้าวหน้าในระบบ ERP ซึ่งแท้จริงแล้วสามารถนำมาช่วยในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ได้อีกด้วย" หยวน ลี กล่าว

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗ พ.ค. สุรีย์พร คลินิก เปิดตัวตึกสูงที่สุดแห่งวงการคลินิกสถาบันเสริมความงาม ฉลอง 20 ปีความสำเร็จพร้อมยกระดับชูเทคโนโลยีล้ำสมัย Volformer
๑๗ พ.ค. ปตท.สผ. จัดงานประชุม SSHE Forum 2024 ส่งเสริมวัฒนธรรมความปลอดภัยในการทำงาน
๑๗ พ.ค. บมจ. เอสไอเอส ดิสทริบิวชั่น (ประเทศไทย) แนะนำ ชุดล็อคประตูกลอนแม่เหล็กไฟฟ้า จากแบรนด์ HIP
๑๗ พ.ค. ซัมซุง อัปเกรดประสบการณ์การชมทุกมหกรรมกีฬา ด้วยนวัตกรรม AI TV สุดล้ำ ชัดทุกแมตซ์เหมือนเชียร์ติดขอบสนาม
๑๗ พ.ค. ไทยพาณิชย์ปักหมุดผู้นำดิจิทัลแบงก์ นำ AI เสริมแกร่ง 360 องศา เปิด 3 นวัตกรรม AI ครั้งแรก! สร้างปรากฏการณ์ใหม่กลุ่มสินเชื่อรายย่อย และ Digital
๑๗ พ.ค. หัวใจเต้นช้า โรคหัวใจที่มักถูกมองข้าม
๑๗ พ.ค. DDD โชว์งบ Q1/67 กวาดกำไรทะยาน 317% YoY พร้อมลุยขยายตลาดสินค้าไลฟ์สไตล์ อัพผลงานปีนี้โตสวย
๑๗ พ.ค. PCC เปิดงบ Q1/67 รายได้โต 14.25% ยอดขายสินค้าหม้อแปลงไฟฟ้า - อุปกรณ์ระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ เพิ่มขึ้น มั่นใจรายได้ปีนี้โต 10%
๑๗ พ.ค. บางจากฯ สานต่อพันธกิจสนับสนุนด้านกีฬาอย่างเป็นมิตรต่อโลก ร่วมจัดกิจกรรมเดิน-วิ่ง Olympic Day 2024 Together, For A Better
๑๗ พ.ค. บัตรเครดิต ttb ช้อปคุ้ม อิ่มครบ ได้มากกว่า รับ Magic Gift Voucher รวมมูลค่าสูงสุด 1,500 บาท ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลทั้ง 5