“เกียรตินาคินภัทร (KKP)” ร่วม กสศ. ช่วยเด็กยากจนพิเศษ ส่งมอบเงิน 1 ล้านบาทเข้าโครงการ “สู้วิกฤตให้น้องอิ่ม คนละมือ เพื่อมื้อน้อง”

อังคาร ๑๖ มิถุนายน ๒๐๒๐ ๑๓:๑๘
ที่กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา( กสศ.) ดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล ประธานคณะกรรมการบริหารกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา รับมอบเงินจำนวน 1 ล้านบาท จากนายบรรยง พงษ์พานิช ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร เพื่อสมทบทุนเข้าโครงการ “สู้วิกฤตให้น้องอิ่ม คนละมือ เพื่อมื้อน้อง”
เกียรตินาคินภัทร (KKP) ร่วม กสศ. ช่วยเด็กยากจนพิเศษ ส่งมอบเงิน 1 ล้านบาทเข้าโครงการ สู้วิกฤตให้น้องอิ่ม คนละมือ เพื่อมื้อน้อง

ดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล ประธานคณะกรรมการบริหาร กสศ. กล่าวว่า การเลื่อนเปิดเทอมของสถานศึกษาจากสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 นอกจากจะส่งผลกระทบต่อการเรียนการสอนของเด็กแล้ว เมื่อ กสศ.ลงพื้นที่รับฟังความคิดเห็นจากโรงเรียน ผู้อำนวยการ ครู และผู้ปกครองที่ได้รับผลกระทบกว่า 20,000 คน พบว่ายังมีปัญหาที่ต้องได้รับการช่วยเหลือเร่งด่วนอยู่หลายด้าน อาทิ ด้านค่าครองชีพ ด้านค่าใช้จ่ายซื้อของใช้ในครัวเรือน รวมถึงปัญหาด้านโภชนาการของเด็กที่มีฐานะยากจนเป็นพิเศษ เพราะสำหรับเด็กกลุ่มนี้ อาหารเช้าและอาหารกลางวันที่โรงเรียนถือเป็นมื้อสำคัญ ถ้าขาดอาหารก็จะทำให้พัฒนาการทางสมองและร่างกายกระทบไปด้วย

“กสศ. เล็งเห็นความสำคัญปัญหาขาดแคลนโภชนาการของเด็ก จึงจัดโครงการ “สู้วิกฤตให้น้องอิ่ม คนละมือเพื่อมื้อน้อง” ขึ้นโดยได้อนุมัติเงินส่วนหนึ่ง เพื่อช่วยเหลือเด็กที่ได้รับผลประทบไปแล้วกว่า 753,957 คน แต่ด้วยกำลังของ กสศ. เพียงองค์กรเดียวไม่เพียงพอที่จะช่วยเหลือเรื่องโภชนาการช่วงปิดเทมอของเด็กได้ครบทั้ง 46 วัน ดังนั้นอีก16วันที่เหลือต้องอาศัยความร่วมมือจากภาคเอกชนและประชาชนร่วมบริจาคสมทบทุนเพื่อนำไปมอบให้กับเด็กนักเรียนที่ด้อยโอกาส วันนี้ กสศ. ขอขอบคุณ กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร ที่ร่วมมอบเงินสมทบทุนช่วยเหลือเติมเต็มมื้ออาหารให้กับเด็กๆ ซึ่งเงินบริจาคจำนวนนี้สามารถช่วยเหลือเด็กที่ได้รับผลกระทบได้ทันที 2 กลุ่ม คือ นักเรียนยากจนพิเศษที่มีภาวะทุพโภชนาการ และนักเรียนยากจนพิเศษชั้นอนุบาล เพื่อให้พวกเขาสามารถก้าวผ่านวิกฤตและมีโอกาสกลับมาเรียนอีกครั้งเมื่อเปิดเทอมใหม่มาถึงนี้”

นายบรรยง พงษ์พานิช ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร (KKP) กล่าวว่า โครงการ “สู้วิกฤตให้น้องอิ่ม คนละมือ เพื่อมื้อน้อง” ถือเป็นโครงการที่ดีมากในการแก้ไขปัญหาทุพโภชนาการให้กับเด็กด้อยโอกาส ซึ่งข้อมูลบ่งชี้ว่าเด็กกลุ่มนี้มักมีน้ำหนักตัวต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานในช่วงวันแรกของการเปิดเทอมใหม่ เพราะร่างกายได้รับสารอาหารไม่ครบ 5 หมู่ในช่วงปิดเทอมที่ไม่ได้รับประทานอาหารที่โรงเรียน ยิ่งกว่านั้น เนื่องจากความสมบูรณ์ของสุขภาพจะส่งผลต่อเนื่องถึงความสามารถในการเรียนรู้ของเด็ก การที่หน่วยงานหลักอย่าง กสศ. และภาคเอกชน เล็งเห็นความสำคัญและเข้ามาแก้ปัญหานี้ ย่อมถือเป็นองค์ประกอบของการลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาอีกทางหนึ่ง

“เราพูดกันเสมอว่าการแก้ไขปัญหาของประเทศที่ดีที่สุด คือต้องพัฒนาการศึกษา ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาของเด็กและเยาวชน จึงจัดเป็นปัญหาสำคัญของประเทศ ซึ่งหากแก้ไขให้ดีขึ้นได้ ก็จะมีส่วนเปลี่ยนแปลงสังคมได้อย่างมหาศาล ในขณะที่องค์กรธุรกิจอย่างกลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร (KKP) มีภารกิจหลักในการพัฒนาธุรกิจและแสวงหาผลกำไรมาดูแลผู้มีส่วนได้เสีย แต่เนื่องจากในมุมมองของความยั่งยืน สังคมก็ถือเป็นผู้มีส่วนได้เสียที่สำคัญอย่างยิ่ง นอกเหนือจากลูกค้า ผู้ถือหุ้น และพนักงาน เราจึงยินดีที่จะสนับสนุนกิจกรรมของ กสศ. ในภารกิจดันกลุ่มเด็กที่ได้รับโอกาสน้อยให้สามารถขึ้นมารับการศึกษาได้อย่างเท่าเทียม เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการคืนประโยชน์ให้สังคม”

สำหรับความคืบหน้าของ "โครงการสู้วิกฤตให้น้องอิ่ม คนละมือเพื่อมื้อน้อง" นั้น ยอดเงินบริจาคสมทบเพิ่มเติมมื้ออาหารอีก 15 วัน จากภาคประชาชน ศิลปินดารา และภาคธุรกิจเอกชนทุกช่องทาง ณ วันที่15 มิ.ย. 2563 คิดเป็นจำนวน 13,566,290 บาท และวันนี้เงินบริจาคได้ทยอยโอนให้เด็กนักเรียนเป็นรอบที่สองแล้ว โดยคณะอนุกรรมการบริหารจัดการเงินหรือทรัพย์สินที่มีผู้บริจาคให้กองทุนซึ่งมี ศาสตราจารย์ ไกรฤทธิ์ บุณยเกียรติ เป็นประธาน เห็นชอบแนวทางการจัดสรรเงินบริจาคเพื่อส่งต่อความช่วยเหลือไปถึงมือเด็กนักเรียนได้อย่างทันสถานการณ์ทันที โดยแผนการจัดสรรเงินบริจาค จะมุ่งเติมเต็มให้กับกลุ่มเป้าหมายนักเรียนยากจนพิเศษที่มีความจำเป็นเร่งด่วนก่อน ได้แก่ นักเรียนยากจนพิเศษที่มีภาวะทุพโภชนาการ (น้ำหนักและส่วนสูงต่ำกว่าเกณฑ์) ทั่วประเทศ และให้กับเด็กเล็ก นักเรียนยากจนพิเศษระดับชั้นอนุบาล 1-3 ทั่วประเทศ

ทั้งนี้ สามารถร่วมบริจาคช่วยเหลือเด็กยากจน ไปกับโครงการนี้ผ่านบัญชี ธนาคารกรุงไทย เลขที่ 172-0-30021-6 ชื่อบัญชี “กสศ.-มาตรา 6(6) - เงินบริจาค” สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ถึง 2 เท่า ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.eef.or.th/donate-covid/ หรือสอบถามที่หมายเลข 02-079-5475

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๔๑ PRM ร่วมงาน OppDay มั่นใจธุรกิจปี 67 สดใส
๑๗:๓๘ Bitkub Chain ร่วม OpenGuild และ Polkadot เปิดพื้นที่รวมตัว Community รับ SEA Blockchain Week 2024
๑๗:๔๙ HOYO SOFT AND SAFE ผู้ผลิตคอกกั้นเด็กคุณภาพสูง มุ่งเน้นเรื่องความปลอดภัย ได้รับการไว้วางใจจากประสบการณ์ลูกค้าโดยการบอกปากต่อปาก
๑๗:๓๗ แนวทางสร้างสมดุลระหว่าง อันตรายต่อสิ่งแวดล้อม และ คำมั่นสัญญาของ Generative AI
๑๖:๔๖ Maison Berger Paris เผยเครื่องหอมสำหรับบ้านรูปแบบใหม่ล่าสุด 'Mist Diffuser' ภายใต้คอลเลคชันยอดนิยมตลอดกาล Lolita
๑๖:๐๕ โรคอุจจาระร่วงเฉียบพลัน (acute diarrhea)
๑๖:๓๙ JGAB 2024 จัดเต็มครั้งแรกในประเทศไทยและอาเซียน กับกิจกรรมและโซนจัดแสดงเครื่องประดับสุดพิเศษ พร้อมต้อนรับนักธุรกิจอัญมณีและเครื่องประดับทั่วโลก เริ่ม 1 พ.ค. 67
๑๖:๒๘ สอศ. จับมือแอร์มิตซูบิชิ ดิวตี้ รับมอบเครื่องปรับอากาศในการจัดการเรียนการสอน เพื่อพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษาด้านเครื่องปรับอากาศ
๑๖:๓๘ DKSH ประเทศไทย คว้า 8 รางวัลอันทรงเกียรติ ในงาน Employee Experience Awards ประจำปี 2567
๑๖:๑๖ เด็กล้ำ! นักศึกษา SE SPU คว้ารางวัลรองชนะเลิศ Best Paper ผลงานนวัตกรรมเนื้อสัตว์แพลนต์เบส สุดยอดแห่งความยั่งยืน