“อาชีวะเกษตรบุรีรัมย์ Farmstay” จุดเช็คอินแห่งใหม่จังหวัดบุรีรัมย์

อังคาร ๓๐ มิถุนายน ๒๐๒๐ ๑๖:๕๗
เมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เริ่มดีขึ้น รัฐบาลจึงมีมาตรการคลายล็อกดาวน์ และ มีแผนกระตุ้นการท่องเที่ยวด้วยการเชิญชวนคนไทยให้มาท่องเที่ยวภายในประเทศ เพื่อหวังให้การท่องเที่ยวไทยฟื้นตัวและเศรษฐกิจกลับมาดีขึ้นโดยเร็ว
อาชีวะเกษตรบุรีรัมย์ Farmstay จุดเช็คอินแห่งใหม่จังหวัดบุรีรัมย์

นายณรงค์ แผ้วพลสง เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา เปิดเผยว่า วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีบุรีรัมย์ เป็นสถานศึกษาอาชีวศึกษาด้านเกษตรกรรม เปิดสอน 3 ระดับ ได้แก่ ระดับปวช. ปวส.และปริญญาตรี และปัจจุบันได้เปิดสอนสาขาวิชาการโรงแรมเพิ่มอีกสาขาหนึ่ง ซึ่งวิทยาลัยมีอาคารปฏิบัติการโรงแรม ให้นักศึกษาได้ฝึกประสบการณ์วิชาชีพ โดยได้บูรณาการหลักสูตรการจัดการเรียนการสอนอาชีวศึกษาในหลากหลายสาขาวิชาให้นักเรียนนักศึกษาได้เรียนรู้ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ ผ่านการฝึกปฏิบัติงานในสถานการณ์จริงเพื่อให้เกิดทักษะความชำนาญในสาขาที่เรียน สร้างรายได้ระหว่างเรียน และเมื่อสำเร็จการศึกษาแล้ว สามารถประกอบอาชีพได้ทันที ดังเช่น จุดเช็คอินอาชีวะเกษตรบุรีรัมย์ Farmstay ของวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีบุรีรัมย์ที่ผู้เรียนสามารถนำความรู้ประสบการณ์ที่ได้รับไปสร้างงาน สร้างรายได้ในระหว่างเรียน และเมื่อจบการศึกษาก็นำไปประกอบอาชีพได้ทันที

น้องปิ่นหรือ นางสาวศุภลักษณ์ ลุนนู นักศึกษาชั้น ปวช.3 สาขาวิชาการโรงแรม วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีบุรีรัมย์ เล่าว่า หัวใจของงานแม่บ้านคือความสะอาด มากกว่านั้นคือ ความซื่อสัตย์ อย่างมีเหตุการณ์ครั้งหนึ่งที่ประทับใจ ระหว่างฝึกปฏิบัติงานแม่บ้านในการทำความสะอาดห้องพักที่แขกได้เช็คเอ้าท์ออก ได้พบสร้อยคอทองคำวางอยู่ในห้องน้ำ จึงได้รีบแจ้งครูเมทินี สิงห์นาม ครูหัวหน้าแผนกวิชาการโรงแรม เพื่อติดต่อประสานให้แขกเดินมารับคืน ซึ่งแขกดีใจมากที่ได้ของมีค่าคืนและมอบทิปให้จำนวน 300 บาท เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้รู้สึกปลื้มใจมาก โดยไม่เพียงแต่ความสะอาดและความซื่อสัตย์เท่านั้นที่ต้องคำนึงถึงเป็นพิเศษ แต่งานแม่บ้านยังต้องเอาใจใส่ สังเกตรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ของแขกที่พัก และต้องดูแลให้เขารู้สึกเป็นคนพิเศษจริง ๆ ด้วยหัวใจการบริการ

น้องมินต์ หรือ นางสาวภรินทร พลเคน นักศึกษาชั้น ปวส.2 สาขาวิชาอุตสาหกรรมเกษตร วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีบุรีรัมย์ เล่าว่า ได้ฝึกปฏิบัติงานในโรงงานแปรรูปนมเป็นนมพาสเจอร์ไรส์ ซึ่งตั้งอยู่ในวิทยาลัย โดยมีครูกิตติศักดิ์ แท่นแก้ว ครูแผนกวิชาสัตวศาสตร์ เป็นครูที่ปรึกษา ซึ่งโรงงานแปรรูปนมนี้มีกำลังการผลิตได้ถึง 1500 ลิตรต่อชั่วโมง และได้แบ่งฐานการผลิตนมให้นักศึกษาได้ฝึกประสบการณ์จนครบทุกฐาน

เริ่มตั้งแต่ฐานการรับน้ำนมดิบ ซึ่งมาจาก 2 แหล่ง คือ นมจากฟาร์มโคนมแผนกวิชาสัตวศาสตร์ของวิทยาลัย และจากวิสาหกิจชุมชนผู้เลี้ยงโคนมปากช่อง เพื่อผลิตเป็นนมในโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียน ซึ่งขนส่งโดยรถบรรทุกนมที่รักษาความเย็น ขั้นตอนเริ่มจากการตรวจสอบคุณภาพน้ำนมดิบเบื้องต้น โดยดูจากทางกายภาพ เช่น สีซึ่งควรมีสีขาวอมเหลือง มีกลิ่นคาวเล็กน้อย ไม่มีกลิ่นผิดปกติ เนื้อนมไม่แยกชั้นหรือจับตัวเป็นก้อน ไม่มีตะกอนฝุ่นผง ดูการตกตะกอนแอลกอฮอล์ เพื่อประเมินว่าจะรับซื้อนมหรือไม่ ซึ่งถ้านมผ่านกระบวนการดังกล่าวจะรับเข้าสู่โรงงาน ส่วนตัวอย่างนมที่เหลือจะนำไปตรวจสอบยาปฏิชีวนะ วิเคราะห์องค์ประกอบ เช่น โปรตีน ไขมัน เพื่อใช้คำนวณราคาในการรับซื้อ จากนั้นเข้าสู่ฐานการปรุงผสมนมพาสเจอร์ไรส์ ซึ่งในโครงการนมโรงเรียน จะใช้น้ำนมดิบ 100 % มาใช้ในการผลิตนมจืดทั้งหมด ส่วนตลาดนมพาณิชย์ จะผลิตรสจืด หวาน ช็อคโกแล็ต โดยจะมีการเติมน้ำตาลและผงโกโก้เข้าไป สำหรับฐานการฆ่าเชื้อโรคในน้ำนม ใช้การฆ่าเชื้อโดยวิธีพาสเจอร์ไรส์ที่อุณหภูมิ 78 องศาเซลเซียส นาน 16 วินาที และทำให้เย็นลงทันทีที่อุณหภูมิต่ำกว่า 5 องศาเซลเซียส แล้วนำไปเก็บไว้ในถังเพื่อรอการบรรจุ ส่วนฐานการบรรจุ จะบรรจุด้วยเครื่องบรรจุอัตโนมัติ ภาชนะบรรจุเป็นถุงพลาสติกผ่านการฆ่าเชื้อด้วยแสงอัลตราไวโอเลต ฆ่าเชื้อชุดบรรจุอัตโนมัติด้วยน้ำร้อนอุณหภูมิไม่ต่ำกว่า 90 องศาเซลเซียส ก่อนทำการบรรจุ และนมพาสเจอร์ไรส์รอการบรรจุต้องมีอุณหภูมิ ไม่เกิน 6 องศาเซลเซียส ต่อไปคือฐานห้องเย็นเพื่อรอจำหน่าย นมพาสเจอร์ไรส์ที่บรรจุแล้วจะนำไปเก็บไว้ในห้องเย็นที่อุณหภูมิ 2 – 4 องศาเซลเซียส จัดเรียงโดยมีป้ายแสดงสถานะอย่างชัดเจน มีการเช็คอุณหภูมิห้องเย็นทุก 2 ชั่วโมง จากนั้นส่งไปฐานการตรวจสอบคุณภาพก่อนการจำหน่าย มีการตรวจสอบองค์ประกอบในน้ำนมให้เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด คือ ไขมันนมต้องมากกว่า 3.25 % ธาตุน้ำนมไม่รวมมันเนยต้องมากกว่า 8.25 % และปริมาณโปรตีนในน้ำนมต้องมากกว่า 2.8 % และต้องได้มาตรฐานด้านจุลินทรีย์ของนมพาสเจอร์ไรส์ และสุดท้ายคือฐานการขนส่งไปยังผู้บริโภค โดยต้องตรวจสภาพทั่วไปของรถที่มารับนมโดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องความสะอาด และเช็คอุณหภูมิรถขนส่งซึ่งจะต้องมีอุณหภูมิไม่เกิน 4 องศาเซลเซียส เมื่อผ่านตามที่กำหนดจึงลำเลียงนมที่ผ่านการพาสเจอไรส์ขึ้นรถเพื่อนำส่งต่อไป เพื่อให้มั่นใจว่าผู้รับจะได้รับนมพาสเจอร์ไรส์ที่มีคุณภาพ สด สะอาด และปลอดภัยอย่างแท้จริง โดยในทุก ๆ วัน จะเริ่มทำงานตั้งแต่ 6 โมงเช้าถึงบ่าย 3 โมงหรือจนกว่าจะเสร็จงาน ซึ่งนมที่แปรรูปพาสเจอไรส์ ส่วนหนึ่งก็ยังมีจำหน่ายที่หน้าโรงงานแปรรูปนมนี้อีกด้วย

น้องมอน และนางสาว อนุสรา ศาลางาม นักศึกษาชั้นปวช.3 สาขาวิชาพืชศาสตร์ วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีบุรีรัมย์ เล่าว่า ได้เรียนรู้การปลูกพืชปลอดภัยในโรงเรือนอัจฉริยะจากครูกุลภรณ์ กุณรักษ์ ครูสาขาวิชาพืชศาสตร์ โดยโรงเรือนอัจฉริยะนี้มีขนาดกว้าง 6.5 เมตร ยาว 18 เมตร เน้นการปลูกเมล่อนและแตงโม เพราะใช้ระยะเวลาในการปลูกสั้นประมาณ 60 – 65 วัน ได้ผลผลิตดี และได้ราคา สามารถควบคุมการให้น้ำผ่านระบบแอปพลิเคชันโดยการตั้งเวลา ซึ่งการให้น้ำจะมีทั้งระบบน้ำหยดและแบบพ่นหมอก โดยขั้นตอนการปลูกเริ่มจากเพาะเมล็ดให้ได้ต้นกล้าที่สมบูรณ์อายุ 8-10 วัน จากนั้นย้ายต้นกล้าลงปลูกในดินที่เตรียมไว้ในถุงปลูก หลังจากปลูกได้ 10 วัน จะเริ่มเด็ดแขนงด้านข้างที่งอกออกมา เมื่อเมล่อนอายุได้ 20 วัน ต้องคัดแขนงไว้ผสมเกสร คือแขนงข้อที่ 9-12 และรอวันผสมเกสร เมื่อเมล่อน อายุได้ 25 – 30 วัน จะสามารถผสมเกสรได้ หลังจากนั้น 35 - 40 วัน ลูกเมล่อนจะมีผิวตาข่ายละเอียด สามารถเขียนลายบนผิวของลูกเมล่อนได้ โดยผู้ที่สนใจสามารถเขียนลายเพื่อเป็นการสั่งจองผลผลิตล่วงหน้าได้ โดยหลังจากเขียนลายบนผิวเมล่อนแล้ว รอเวลาประมาณ 20 วัน ก็สามารถเก็บเกี่ยวเมล่อนส่งให้ผู้บริโภคได้ ทั้งนี้ ตารางการปลูกเมล่อนในรอบ 1 ปี สามารถปลูกเมล่อนได้ถึง 4 รอบ คือ รอบที่ 1 กรกฎาคม ถึง กันยายน รอบที่ 2 พฤศจิกายน ถึง มกราคม รอบที่ 3 มกราคม-มีนาคม และรอบที่ 4 คือ เมษายน ถึง มิถุนายน

อาชีวะเกษตรบุรีรัมย์ Farmstay ตั้งอยู่ในอำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ ใกล้กับสนามช้าง อารีน่า สเตเดี้ยม เพียง 3.7 กม. แวดล้อมด้วยธรรมชาติอันร่มรื่น ซึ่งผู้เข้าพักจะได้สัมผัสวิถีชีวิตแบบบ้าน ๆ ได้เยี่ยมชมการทำเกษตรจากนักศึกษาอาชีวะเกษตร อาทิ การเลี้ยงวัว หมู ไก่ ปลา กบ การรีดนมวัว การแปรรูปนม การปลูกผักไฮโดรโปรนิกส์ การเพาะเห็ด การปลูกเมล่อนและแตงโมในฟาร์มอัจฉริยะ การปลูกข้าวโพดพันธุ์ฮอกไกโด และพันธุ์ทับทิมสยาม การปลูกพืชผักสวนครัว การปลูกพืชอินทรีย์ ตลอดจนการทำเกษตรพอเพียง ซึ่งการปลูกพืชในโรงเรือนอัจฉริยะและการปลูกนอกโรงเรือนมีกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐานปลอดภัยเป็นไปตามการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี (Good Agricultural Practices :GAP) ซึ่งผู้ที่เข้าเยี่ยมชมฟาร์มสามารถเรียนรู้และร่วมทำกิจกรรมต่างๆ ภายในฟาร์มได้ ตลอดจนสามารถซื้อผลผลิตจากฟาร์มปลอดสารพิษเป็นของฝากได้อีกด้วย โดยห้องพักมีให้เลือกหลากหลายแบบมีบริการพร้อมอาหารเช้า เริ่มต้นที่ราคา 650 บาท (พักได้ 3 คน) มีบริการจัดเลี้ยง สัมมนา และนำเที่ยวด้วย สนใจติดต่อได้ที่โทร. 096-928-2632 หรือที่วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีบุรีรัมย์

อาชีวะเกษตรบุรีรัมย์ Farmstay จุดเช็คอินแห่งใหม่จังหวัดบุรีรัมย์ อาชีวะเกษตรบุรีรัมย์ Farmstay จุดเช็คอินแห่งใหม่จังหวัดบุรีรัมย์

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๐๔ พ.ค. Siriraj Education Expo 2024 ก้าวสู่ยุคใหม่ไปกับศิริราช พร้อมยกระดับทางการแพทย์ให้ดีขึ้น เพื่อสุขภาวะที่ดีของคนไทยทุกคน
๐๓ พ.ค. ครั้งแรก! งานเทศกาลคอนเทนต์ LGBTQ ฉลองความเท่าเทียมทางเพศ THAILAND INTERNATIONAL LGBTQ FILM TV FESTIVAL 2024 ปักหมุดเตรียมพบกัน กันยายนนี้
๐๓ พ.ค. โน วัน เอลส์ ส่ง 3 เพลงรัก 3 สไตล์! ผ่านมิวสิกซี่รีย์ ที่จะทำให้คุณเข้าใจความรักมากขึ้น
๐๓ พ.ค. ทีซีเอ็มซีมอบรางวัลประกวดการออกแบบผลงานด้านผลิตภัณฑ์อคูสติกส์
๐๓ พ.ค. GT Auto ฉลองแชมป์ยอดขาย Volvo จัดงาน มหกรรม GT Auto Show ลดสูงสุด 1,000,000 บาท พร้อมชูบริการ GT Auto Exclusive Service
๐๓ พ.ค. กทม. เตรียมพร้อมให้บริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ในกลุ่มเสี่ยงและนักเรียนในสังกัด
๐๓ พ.ค. กรมส่งเสริมการเกษตร ประชุมคณะทำงานความร่วมมือด้านการรับรองแหล่งผลิตพืชฯ (GAP พืช) ครั้งที่ 1/2567
๐๓ พ.ค. First Sale! realme 12 5G และ realme 12X 5G สัมผัสประสบการณ์ Portrait Master กับกล้องซูม 3X in sensor
๐๓ พ.ค. CRYSTALLIZING ใหม่! โดย SHISEIDO PROFESSIONAL อัปเกรดกลุ่มผลิตภัณฑ์ยืด-ดัดผม ชูเทคโนโลยีสุดล้ำ DUAL PERFORMANCE SYSTEM
๐๓ พ.ค. บัลเลต์ รีทรีต บนเกาะมัลดีฟส์ กลับมาอีกครั้ง ที่ อวานี พลัส แฟเรส โดย คาร์ริส สการ์เลต นักเต้นบัลเลต์ชื่อดัง