นายพีรพงศ์ จิระเสวีจินดา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด หรือ กองทุนบัวหลวง เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยอยู่ในช่วงของการปรับฐาน โดยมีปัจจัยสนับสนุนให้ฟื้นตัวต่อเนื่อง ทั้งจากนโยบายภาครัฐและการขานรับของภาคเอกชนที่เร่งระดมการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้กับประชาชนได้กลับมาดำเนินชีวิตตามวิถีปกติอันเป็นวาระแห่งชาติ มาตรการกระตุ้นภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทยและการกระจายรายได้ไปสู่ท้องถิ่น ก่อให้เกิดการจ้างแรงงานและการกลับมาดำเนินกิจกรรมพื้นฐานทางธุรกิจของผู้ประกอบการร้านค้าที่เกี่ยวข้อง โดยรัฐบาลนำร่องด้วยโครงการเปิดเมืองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ "ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์" ไปเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2564 นำไปสู่ความพยายามที่จะเปิดประเทศฟื้นเศรษฐกิจ ซึ่งตั้งเป้าภายในกลางเดือนตุลาคม 2564 ขณะที่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกช่วยส่งผลให้บริษัทผู้ส่งออกของไทยมีผลประกอบการที่ดีขึ้นอีกภาคส่วนหนึ่ง
กองทุนบัวหลวงวิเคราะห์และเห็นถึงโอกาสการลงทุนในหมวดหุ้นที่จะได้รับอานิสงส์ทั้งทางตรงและทางอ้อมจากนโยบายและมาตรการต่างๆ เช่น การแพทย์ การท่องเที่ยว การเดินทาง ร้านอาหาร และค้าปลีก จึงจับจังหวะลงทุนช่วงหุ้นปรับฐาน เตรียมออกกองทุนเปิดบัวหลวงทริกเกอร์ 1-22บี หรือ TRIGGER1-22B มีระยะเวลาการลงทุนสูงสุดไม่เกิน 6 เดือน ตั้งเป้าหมายผลตอบแทนไม่ต่ำกว่า 5% เสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (IPO) เพียงครั้งเดียว ระหว่างวันที่ 14-16 กรกฎาคม 2564 กำหนดการซื้อขั้นต่ำ 10,000 บาท
ก่อนหน้านี้ กองทุนบัวหลวงเพิ่งเสนอขายกองทุนเปิดบัวหลวงทริกเกอร์ 1-22 หรือ TRIGGER1-22 ไปเมื่อช่วงปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งก็ได้รับการตอบรับจากผู้ลงทุนดีมาก โดยกองทุนต้องปิดการเสนอขายก่อนครบกำหนด เนื่องจากผู้ลงทุนจองซื้อหน่วยลงทุนเข้ามาจำนวนมาก จนทำให้ขนาดกองทุนที่ออกเสนอขายเต็มจำนวนที่กำหนดในหนังสือชี้ชวน 1,500 ล้านบาท ในเวลาอันรวดเร็ว ขณะที่โอกาสการจับจังหวะลงทุนในช่วงหุ้นปรับฐานยังคงมีอยู่ กองทุนบัวหลวงจึงเสนอขาย TRIGGER1-22B เป็นกองทุน TRIGGER ที่ลงทุนในประเทศกองที่ 3 ที่กองทุนบัวหลวงเสนอขายในปี 2564 หลังจากที่กองทุน TRIGGER ที่เสนอขายเมื่อปีที่แล้ว 2 กองทุน ทำผลตอบแทนให้ผู้ถือหน่วยลงทุนได้ปลื้มใจ โดยกองทุน TRIGGER9-21 ทำผลตอบแทนได้ 8% ภายใน 4 เดือน เร็วกว่ากำหนดเวลาที่ตั้งไว้ 12 เดือน ส่วน TRIGGER6-21 ทำผลตอบแทนได้ 5.78% ตามกำหนดเวลา 6 เดือน
จุดเด่นของกองทุน TRIGGER ของกองทุนบัวหลวง คือ จะค้นหาหุ้นที่มีโอกาสปรับขึ้น จากนั้นก็จะจับจังหวะเข้าไปทยอยซื้อขายเพื่อสะสมกำไรเข้าพอร์ตลงทุน โดยที่การลงทุนอาจไม่ได้นำเงิน 100% ไปลงทุนในหุ้น แต่จะถือเงินสดไว้บางส่วนเพื่อเข้าซื้อในจังหวะที่มองว่าเหมาะสม จึงทำให้ราคาหน่วยลงทุนไม่เป็นไปตามภาวะตลาด และมีแนวโน้มความผันผวนของราคาน้อยกว่า นอกจากนี้ กองทุน TRIGGER1-22B ไม่มีการเก็บค่าธรรมเนียมการขายและการรับซื้อคืน ลูกค้าจึงไม่มีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมในส่วนนี้
ผู้ที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลรายละเอียดกองทุน TRIGGER1-22B หรือติดต่อขอรับหนังสือชี้ชวนและคู่มือการลงทุนได้ที่กองทุนบัวหลวง โทร. 02-674-6488 กด 8 หรือตัวแทนขายหน่วยลงทุน ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ ตัวแทนขายของ บมจ.กรุงเทพประกันชีวิต บมจ.หลักทรัพย์ บัวหลวง บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย พลัส บมจ.หลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน บมจ.หลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) บมจ.หลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร
สำหรับผู้ลงทุนที่มีบัญชีกองทุนรวมของกองทุนบัวหลวงกับธนาคารกรุงเทพอยู่แล้ว สะดวกสบายด้วยการซื้อหน่วยลงทุนในช่วง IPO ผ่านบริการ Bangkok Bank Mobile Banking ได้ตั้งแต่เวลา 8.30 - 16.00 น.
ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจ ลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
ที่มา: หลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง