โรคหัวใจห้องบนสั่นพลิ้ว ภัยเงียบอันตรายที่พร้อมคร่าชีวิต

พฤหัส ๐๒ พฤษภาคม ๒๕๖๗ ๑๓:๑๓
โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะมีด้วยกันหลายประเภท ที่พบได้บ่อยที่สุดคือหัวใจห้องบนสั่นพลิ้ว ซึ่งผู้ป่วยมากกว่า 50% มักไม่มีอาการผิดปกติ ทำให้เข้าถึงการรักษาล่าช้าและเพิ่มความเสี่ยงการเสียชีวิตมากกว่าคนทั่วไป 1.5 - 3.5 เท่าผู้ช่วยศาสตราจารย์นายแพทย์ศราวุธ ลิ้มประเสริฐ อายุรแพทย์โรคหัวใจและหลอดเลือด เฉพาะทางด้านสรีระไฟฟ้าหัวใจ โรงพยาบาลเวชธานี อธิบายว่า โรคหัวใจห้องบนสั่นพลิ้ว หรือ Atrial Fibrillation เป็นโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะที่พบได้บ่อยที่สุด โดยเกิดจากการทำงานที่ผิดปกติของหัวใจห้องบน ส่งผลให้หัวใจเต้นเป็นจังหวะไม่สม่ำเสมอ ซึ่งบ่อยครั้งทำให้หัวใจเต้นเร็วมากกว่าปกติมากกว่าครึ่งของผู้ป่วยจะไม่มีอาการผิดปกติ ซึ่งถือนำไปสู่การรักษาที่ล่าช้าได้ อย่างไรก็ตาม ในผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการของโรค ได้แก่ ใจสั่น เพลีย วิงเวียนศีรษะ เหนื่อยง่าย เจ็บหน้าอก และเกิดความวิตกกังวลระหว่างที่มีหัวใจห้องบนสั่นพลิ้วได้ ซึ่งอาการเหล่านี้มีได้ตั้งแต่ระดับความรุนแรงน้อยที่ไม่ส่งผลต่อชีวิตประจำวัน จนถึงกระทั่งรุนแรงจนไม่สามารถทำกิจกรรมปกติในชีวิตประจำวันได้
โรคหัวใจห้องบนสั่นพลิ้ว ภัยเงียบอันตรายที่พร้อมคร่าชีวิต

ปัจจัยเสี่ยงของโรคหัวใจห้องบนสั่นพลิ้วที่พบได้บ่อย ประกอบไปด้วย- อายุที่มากขึ้น ถือว่าเป็นปัจจัยเสี่ยงที่พบได้บ่อยที่สุด- โรคความดันโลหิตสูง- น้ำหนักเกินหรือโรคอ้วน- โรคเบาหวาน- โรคหัวใจล้มเหลว- โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ- โรคต่อมไทรอยด์ทำงานเกิน- โรคนอนกรน- โรคไตวายเรื้อรัง- การรับประทานเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์- การสูบบุหรี่ การคัดกรองโรคมีความสำคัญมาก เพราะทำให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาแต่เนิ่น ๆ โดยนอกจากการเข้ารับการตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอแล้ว การตรวจโดยใช้เทคโนโลยีสวมใส่ที่มีอยู่ในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นนาฬิกาหรืออุปกรณ์เฉพาะ สามารถตรวจจับการทำงานของหัวใจห้องบนสั่นพลิ้วได้ อย่างไรก็ตาม ควรปรึกษาแพทย์เพื่อยืนยันการวินิจฉัยและการดูแลรักษาอย่างสม่ำเสมอการวินิจฉัยโรคหัวใจห้องบนสั่นพลิ้ว แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการของผู้ป่วย ประวัติทางการแพทย์ ตรวจร่างกาย ตรวจชีพจร อัตราการเต้นของหัวใจ การตรวจทางห้องปฏิบัติการอื่นๆ เช่น ตรวจหาภาวะโลหิตจาง ไตวาย ตรวจการทำงานของต่อมไทรอยด์ และอาจมีแนวทางในการวินิจฉัยการตรวจคัดกรองเพิ่มเติมด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ เช่น การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ, การตรวจและบันทึกคลื่นไฟฟ้าหัวใจตลอด 24 ชั่วโมงโดยใช้ Holter Monitor

หลักการในการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคหัวใจห้องบนสั่นพลิ้ว ประกอบไปด้วย การดูแลรักษาโรคร่วมและกำจัดปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ, ลดโอกาสการเกิดโรคอัมพฤกษ์อัมพาต ด้วยการรักษาด้วยยาละลายลิ่มเลือด, ลดหรือป้องกันอาการของโรค ด้วยการควบคุมทั้งอัตราการเต้นของหัวใจและจังหวะหัวใจให้เป็นปกติ

ในส่วนของการรักษา ปัจจุบันนิยมใช้วิธี จี้ไฟฟ้าหัวใจ เพื่อทำให้จังหวะหัวใจกลับมาเต้นเป็นปกติ โดยแพทย์จะใช้สายสวนชนิดพิเศษ ใส่ไปในตำแหน่งทีมีการเต้นของหัวใจผิดจังหวะ และใช้กระแสไฟฟ้าที่มีความถี่สูงเท่ากับคลื่นวิทยุจี้ไปยังตำแหน่งที่มีความผิดปกติ ขณะทำการรักษาผู้ป่วยจะได้รับยาระงับความรู้สึก จึงช่วยลดอาการเจ็บขณะทำหัตถการได้ ซึ่งการรักษาด้วยวิธีจี้ไฟฟ้าหัวใจไม่เพียงลดอาการของโรคและเพิ่มคุณภาพชีวิตให้ผู้ป่วยได้เท่านั้น แต่ยังช่วยชะลอการดำเนินโรค ซึ่งอาจช่วยให้ลดโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ของโรคได้เช่นกัน

การเตรียมตัวก่อนทำหัตถการจี้ไฟฟ้าหัวใจก่อนการทำหัตถการจี้ไฟฟ้าหัวใจ ผู้ป่วยจะต้องงดรับประทานยาต้านการเต้นของหัวใจผิดจังหวะอย่างน้อย 3 วัน หรืออยู่ในดุลยพินิจของแพทย์ และให้นำยาที่รับประทานอยู่เป็นประจำมาด้วยในวันทำหัตถการ งดน้ำและอาหารอย่างน้อย 6 ชั่วโมง นอกจากนี้ผู้ป่วยจะได้รับการเตรียมผิวหนังบริเวณขาหนีบทั้ง 2 ข้างหรือคอด้านขวาขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่แพทย์จะใส่สายสวน รวมทั้งจะได้รับการให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำบางรายจะได้รับการใส่สายสวนปัสสาวะด้วย การปฏิบัติตัวหลังการทำหัตถการจี้ไฟฟ้าหัวใจหลังทำการรักษาเสร็จเรียบร้อยผู้ป่วยจะต้องพักอยู่ที่ห้องพักฟื้น 1 คืนเพื่อรับการติดตามดูคลื่นไฟฟ้าหัวใจและสัญญาณชีพอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง เมื่อถึงห้องพักต้องนอนราบห้ามงอขาข้างที่ทำอย่างน้อย 4-6 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการมีเลือดออกและมีก้อนเลือดใต้ผิวหนัง หากมีอาการแน่นหน้าอก เหนื่อยหอบ นอนราบไม่ได้ เวียนศีรษะ มีไข้และรู้สึกอุ่น ๆ หรือพบว่ามีเลือดออกหรือมีก้อนเลือดใต้ผิวหนังบริเวณแผลขาหนีบ ควรแจ้งให้แพทย์พยาบาลหรือเจ้าหน้าที่ทราบทันที "แม้ผู้ป่วยส่วนมากของโรคหัวใจห้องบนสั่นพลิ้วจะไม่มีอาการผิดปกติ แต่โรคนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งที่ต้องได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม เพราะเป็นโรคที่นำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่สำคัญ เช่น ผู้ป่วยโรคหัวใจห้องบนสั่นพลิ้วจะมีความเสี่ยงในการเสียชีวิตมากกว่าคนปกติราว 1.5-3.5 เท่า รวมถึงยังพบว่าผู้ป่วยโรคหัวใจห้องบนสั่นพลิ้วมากกว่าร้อยละ 60 มีโอกาสสูญเสียคุณภาพชีวิตที่ดี, ร้อยละ 30 จะมีภาวะหัวใจล้มเหลวร่วมด้วย, ร้อยละ 20 มีโอกาสเกิดโรคซึมเศร้า, และมีความเสี่ยงเกิดโรคสมองเสื่อมราว 1.4 - 1.6 เท่า นอกจากนี้ จากสถิติพบผู้ป่วยโรคอัมพฤกษ์อัมพาตมีสาเหตุมาจากโรคหัวใจห้องบนสั่นพลิ้วมากถึงร้อยละ 30 โดยผู้ป่วยโรคหัวใจห้องบนสั่นพลิ้วยังมีความเสี่ยงต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลถึงร้อยละ 10-40 ต่อปี" ผู้ช่วยศาสตราจารย์นายแพทย์ศราวุธ 

ผู้ช่วยศาสตราจารย์นายแพทย์ศราวุธ ลิ้มประเสริฐ

อายุรแพทย์โรคหัวใจและหลอดเลือด เฉพาะทางด้านสรีระไฟฟ้าหัวใจ

โรงพยาบาลเวชธานี

ที่มา: ChomPR

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๔:๓๒ สุรีย์พร คลินิก เปิดตัวตึกสูงที่สุดแห่งวงการคลินิกสถาบันเสริมความงาม ฉลอง 20 ปีความสำเร็จพร้อมยกระดับชูเทคโนโลยีล้ำสมัย Volformer
๑๔:๑๐ ปตท.สผ. จัดงานประชุม SSHE Forum 2024 ส่งเสริมวัฒนธรรมความปลอดภัยในการทำงาน
๑๓:๔๗ บมจ. เอสไอเอส ดิสทริบิวชั่น (ประเทศไทย) แนะนำ ชุดล็อคประตูกลอนแม่เหล็กไฟฟ้า จากแบรนด์ HIP
๑๓:๑๔ ซัมซุง อัปเกรดประสบการณ์การชมทุกมหรรมกีฬา ด้วยนวัตกรรม AI TV สุดล้ำ ชัดทุกแมตซ์เหมือนเชียร์ติดขอบสนาม
๑๓:๐๑ ไทยพาณิชย์ปักหมุดผู้นำดิจิทัลแบงก์ นำ AI เสริมแกร่ง 360 องศา เปิด 3 นวัตกรรม AI ครั้งแรก! สร้างปรากฏการณ์ใหม่กลุ่มสินเชื่อรายย่อย และ Digital
๑๓:๔๖ หัวใจเต้นช้า โรคหัวใจที่มักถูกมองข้าม
๑๓:๕๔ DDD โชว์งบ Q1/67 กวาดกำไรทะยาน 317% YoY พร้อมลุยขยายตลาดสินค้าไลฟ์สไตล์ อัพผลงานปีนี้โตสวย
๑๓:๓๑ PCC เปิดงบ Q1/67 รายได้โต 14.25% ยอดขายสินค้าหม้อแปลงไฟฟ้า - อุปกรณ์ระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ เพิ่มขึ้น มั่นใจรายได้ปีนี้โต 10%
๑๓:๓๙ บางจากฯ สานต่อพันธกิจสนับสนุนด้านกีฬาอย่างเป็นมิตรต่อโลก ร่วมจัดกิจกรรมเดิน-วิ่ง Olympic Day 2024 Together, For A Better
๑๓:๓๘ บัตรเครดิต ttb ช้อปคุ้ม อิ่มครบ ได้มากกว่า รับ Magic Gift Voucher รวมมูลค่าสูงสุด 1,500 บาท ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลทั้ง 5