ภายในบูธของกระทรวงพาณิชย์ได้นำการบริการต่างๆ ที่ออกแบบมาเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชน ทั้งหมด 4 บูธ ได้แก่ MOC+ Services ที่จะให้บริการจดทะเบียนนิติบุคคลดิจิทัลและระบบออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าซึ่งช่วยให้ธุรกิจสามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น MOC+ Clinic จะมีการให้คำปรึกษาด้านการค้าระหว่างประเทศ การคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา และบริการรับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับราคาสินค้าและบริการ เพื่อให้ผู้ประกอบการได้รับความช่วยเหลือในด้านต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจและการค้า MOC+ Business Intelligence ที่จะให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับเศรษฐกิจการค้า รวมทั้งบริการแพลตฟอร์ม DBD SMEs 360 และข้อมูลธุรกิจจาก DBD DataWarehouse+ ที่จะช่วยเสริมสร้างความเข้าใจในการตัดสินใจทางธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ และ MOC+ Expanded Opportunity จะมีการจัดแสดงสินค้าที่ได้รับตราสัญลักษณ์ T-mark สินค้าเกษตรนวัตกรรม สินค้า GI และ IP Champion รวมถึงสินค้าจากโครงการ Thai SELECT ซึ่งได้รับการคัดเลือกในระดับสากล นอกจากนี้ยังมีการจัดแสดงงานมหกรรมทรัพย์สินทางปัญญา (P Fair 2025) และแพลตฟอร์มตลาดกลางทรัพย์สินทางปัญญา (IP Mart) รวมถึงกิจกรรมการเจรจาและส่งเสริมการใช้สิทธิประโยชน์จาก FTA เพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจและการค้าในระดับโลก
สำหรับงานในครั้งนี้ คาดว่าจะได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมชมงานตลอด 5 วัน รวมกว่า 60,000 คน สามารถกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายในงานทันที รวมกว่า 329 ล้านบาท และมีการเจรจาธุรกิจและเชื่อมโยงเครือข่ายทางธุรกิจระหว่างประเทศและในประเทศมากกว่า 363 คู่เจรจา ซึ่งคาดการณ์ว่าจะสร้างมูลค่าการลงทุนและการซื้อขายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องกว่า 1,237 ล้านบาท
กระทรวงพาณิชย์จึงขอเชิญชวนผู้ที่สนใจเข้าร่วมงานระหว่างวันที่ 12-15 กุมภาพันธ์ 2568 ณ Hall 5-8 ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยงานในครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการนำเสนอนวัตกรรมและโอกาสทางธุรกิจ แต่ยังเป็นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในระดับท้องถิ่นและระดับประเทศอย่างยั่งยืน เพื่อให้เกิดการขยายตัวทางเศรษฐกิจตามทิศทางการดำเนินงานของกระทรวงพาณิชย์นั่นเอง นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวทิ้งท้าย
ที่มา: กรมทรัพย์สินทางปัญญา
