ดอม คอบบ์ — นักล้วง
ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ แสดงเป็น ดอม คอบบ์ ปรมาจารย์ด้านการล้วงข้อมูล นักแสดงหนุ่มกล่าวว่า “คอบบ์ประสบความสำเร็จในระดับผู้เชี่ยวชาญ ที่ทำให้เขาเป็นที่รู้จักดีในตลาดมืดใต้ดิน กับคนที่รู้กันว่าสามารถกลั่นกรองความคิดของคนอื่นและดึงข้อมูลออกมาได้”
“ในตอนต้นเรื่อง” โนแลนกล่าวว่า “เราได้เรียนรู้ว่าคอบบ์เป็นคนดึงข้อมูลที่เก่งที่สุดในเกม เขาถูกว่าจ้างโดยองค์กรหลายแห่งเพื่อขโมยความลับที่พวกเขาไม่มีทางเข้าถึง ทุกอย่างตั้งอยู่บนแนวคิดที่ยืนหยัด ความจริงที่ว่าทุกคอนเซพท์จะผนึกแน่นในจิตใต้สำนึก มันเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีอะไรที่ ไม่รู้ และในรูปแบบพื้นฐานนั้นก็คือสิ่งที่ผู้ดึงข้อมูลจะสามาระทำได้ในแง่ของการดึงเอาข้อมูลออกมา”
การล้วงข้อมูลทำงานด้วยขั้นตอนที่เรียกว่าการแบ่งปันความฝัน—สร้างโลกของความฝันและนำคนๆ นั้นเข้าไปอยู่ในโลก ซึ่งให้ความรู้สึกเป็นจริงที่สมบูรณ์แบบตราบเท่าที่พวกเขายังอยู่ในนั้น
แต่ทักษะของคอบบ์ยังมีผลกับเขาในฐานะผู้หลบหนีที่ถูกหมายหัว ซึ่งไม่สามารถกลับบ้านได้ โธมัสกล่าวว่า “จากจุดเริ่มตันนั้น เรารู้ว่าเขาเป็นคนที่มีอดีตและเป็นไปไม่ได้สำหรับเขาที่จะกลับไปอเมริกา แต่ลูกๆ เขาอยู่ที่นั่นและมันเป็นแรงกระตุ้นให้กับเขามากกว่าอะไรทั้งหมด เขาเต็มใจจะเสี่ยงทุกทางในการทำงานถ้ามันเป็นการทำให้เขาได้กลับไปบ้านเพื่อพบกับสิ่งที่เขารักมากที่สุด”
ด้วยเหตุผลนั้น ดิคาปริโอกล่าวว่าแง่มุมที่เขาและโนแลนใช้ก็คือ “ไม่ว่าจะทำยังไงให้สภาวะฝันเป็นจริง ทุกอย่างจะต้องอยู่บนพื้นฐานของความเชื่อมโยงที่มีต่อตัวละคร; ทุกอย่างต้องถูกกระตุ้นด้วยอารมณ์ จากจุดยืนของคอบบ์ มันมีความเสี่ยงที่จริงจังมาก ดังนั้นทุกทางเลือก ทุกปฏิกิริยาของเขา และการรับมือต่อคนอื่นของเขาในการทำงานจึงหมายถึงทางออกเดียว : ได้ชีวิตกลับคืนมา”
โนแลนสะท้อนว่า “การทำงานกับลีโอก่อนหน้านี้ เราเจาะลึกเข้าไปในชีวิตที่เต็มไปด้วยอารมณ์ของตัวละครเขา มันเป็นเรื่องสำคัญมากกับเขาที่จะได้เป็นเป็นด้ายถักทอเรื่องราว และเพราะเหตุนี้เขาจึงสามารถจะดึงให้คนดูข้ามผ่านเรื่องราวและเข้าใจอย่างชัดเจน และนั่นเป็นสิ่งที่นักแสดงเก่งๆ จะสามารถนำมาสู่ภาพยนตร์ และลีโอก็ได้เป็นส่วนสำคัญอย่างมากให้กับหนัง ผมคิดว่าเขาเป็นหนึ่งในบรรดานักแสดงที่มีฝีมือมาก และการแสดงของเขาในหนังเป็นเรื่องที่ไม่ธรรมดาเลย”
อาร์เธอร์ — ผู้เบิกทาง
เพื่อนร่วมงานกันยาวนานและไว้ใจได้ที่สุดของคอบบ์คือ อาร์เธอร์ รับบทโดยโจเซฟ กอร์ดอน-เลวิทท์ ในขณะที่คอบบ์เป็นคนวางแผนหลัก อาร์เ ธอร์จะดูแลเรื่องรายละเอียด กอร์ดอน-เลวิทท์ย้ำว่า “อาร์เธอร์เป็นคนเจ้าระเบียบ เขาเป็นคนที่ทำให้แน่ใจว่าทุกอย่างอยู่ในที่ในทาง อย่างที่ผมมองว่าคอบบ์เป็นศิลปิน และอาร์เธอร์เป็นผู้อำนวยการสร้าง เขาเป็นคนที่บอกว่า ‘โอเค คุณมีวิสัยทัศน์; ตอนนี้ผมจะหาวิธีทำให้เครื่องจักรทุกชิ้นทำงาน เพื่อที่คุณจะได้ทำงานของคุณ’ แต่ในความพิถีพิถันและมืออาชีพของเขา อาร์เธอร์กลับไม่อยากจะใช้ทักษะที่ดีเลิศของเขาในการเป็นทนายความหรือหมออย่างที่เขาควรเป็น เพราะคิดว่าการแบ่งปันความฝันเป็นเรื่องที่น่าทึ่งกว่า มันไม่ได้เป็นแค่งานสำหรับเขา ผมคิดว่าเทคโนโลยีแบ่งปันฝันของเขาเป็นอะไรที่สร้างแรงบันดาลใจให้เขานับแต่ที่ได้ยินครั้งแรก ในที่สุดแล้วเขาไม่ได้ทำเพราะเรื่องเงิน เขาจะไม่เสี่ยงชีวิตของเขาเพื่อเงินก้อนโต เขารักงานนี้”
กอร์ดอน-เลวิทท์เผยถึงความน่าทึ่งของตัวละครกับความฝันที่พวกเขามีเหมือนกัน “ผมคิดว่าตัวเองเป็นคนที่สร้างสรรค์และความฝันก็คือสิ่งที่ทำให้เราทุกคนเป็นศิลปิน ทุกอย่างที่เราทำในความฝัน—ทุกอย่างที่เราเห็น ทุกอย่างที่เราได้ยิน ทุกคนที่เราคุยด้วย—เป็นการสร้างสรรค์ของเราเอง นั่นเป็นหลักฐานที่ว่าสมองที่สร้างสรรค์มีพลังมากแค่ไหนถ้าเราจะยอมให้มันเป็น และมันทำให้ผมประทับใจในการทำหนังเกี่ยวกับความฝัน เราอาจเรียกมันว่าเป็นหนังแกชิง แต่ผมคิดว่ามันเป็นหนังของอาร์ติสท์หัวขโมยมากกว่า ผมว่าตัวละครของเราเป็นสุภาพบุรษหัวขโมย และผมก็นับเป็นหนึ่งในพวกเขาเพราะเราเป็นศิลปิน เป็นนักแสเง พวกเขาโกหกเพื่อหาเลี้ยงชีพ…ไม่ใช่แค่โกหกแต่ยังสร้างความจริง พวกเขาสร้างความเป็นจริง และผมก็ทำแบบนั้นเหมือนกัน” เขายิ้ม
“โจเป็นนักแสดงที่เก่งถ้าจะร่วมงานด้วย—เขามีเสน่ห์ ทุ่มเทอย่างมาก และปรับร่างกายได้ดี” โนแลนกล่าว “เขาเป็นนักแสดงที่ไม่เพียงแต่หาชีวิตเบื้องลึกของตัวละคร แต่ก็ยังสะท้อนถึงอารมณ์ทางกายออกมาด้วยการเคลื่อนไหวและสีหน้าท่าทาง และมันเป็นเรื่อดีเพราะว่าการแสดงเป็นอาร์เธอร์ต้องการรายละเอียดทางกายภาพ”
อาเรียด — สถาปนิก
ในการสร้างโลกแห่งความฝัน สมาชิกคนสำคัญของทีมก็คือสถาปนิก เอลเลน เพจ รับบทเป็น อาเรียด นักศึกษาสถาปัตย์อัจฉริยะ ซึ่งคอบบ์ได้เสนองานให้ ซึ่งเพจกล่าวว่า “ไม่ต้องถูกกฎหมาย แต่เธอถูกกระตุ้นด้วยความอยากรู้ด้านปัญญาที่ทำให้เธอไม่สามารถถอนตัวจากโอกาสที่ไม่เหมือนครั้งใดนี้”
โอกาสนี้ก็คือการออกแบบและสร้างสถานที่ต่างๆ ที่ไม่อาจมีอยู่ในความเป็นจริง เพจเล่าว่า “ตอนที่คอบบ์พาอาเรียดเข้าไปสู่โลกของเขา ในตอนนั้นเธอสามาถคิดนอกกรอบได้ทันทีและมากพอที่จะรองรับสิ่งที่เขาพยายามจะทำให้ได้ กลายเป็นว่าเธอยิ่งต้องมีส่วนร่วมในงานที่เธอค้นพบว่าคอบบ์กำลังทำอะไรอยู่ และได้รู้ว่าอะไรที่เขาควบคุมไม่ได้ แต่แม้จะมีความกลัวที่ผุดขึ้นมา เธอก็ยังพยายามจะช่วยเขาเพื่อให้ทีมทำได้สำเร็จ”
โนแลนกล่าวว่า “ในงานเขียนสคริปท์เรื่อง ‘Inception’ มันเป็นเรื่องสำคัญมากที่ผมจะต้องมีแนวทางชี้นำให้กับผู้ชม—ตัวละครที่จะถูกแนะนำให้รู้จักโลกนี้เป็นครั้งแรกและเต็มใตจะค้นคว้ามัน ตัวละครอาเรียดจึงถือกำเนิดขึ้น มันยังเป็นเรื่องสำคัญที่ผู้ชมจะได้เห็นคอบบ์ผ่านสายตาของอาเรียดและเข้าถึงแก่นของตัวละคร และตอนที่ผมได้พบกับเอลเลน เธอยังมีส่วนผสมที่ยอดเยี่ยมของความสดใหม่และทันสมัย กับความเป็นผู้ใหญ่กว่าอายุ เธอเป็นนักแสดงที่ไม่ธรรมดากับความคิดสร้างสรรค์และความอยากรู้ในตัวเอง คุณสมบัติพวกนั้นจึงเป็นแรงกระตุ้นให้กับอาเรียด เอลเลนสามารถสร้างดุลย์อารมณ์ของตัวละครที่จะนำพาผู้ชมเข้าไปและเผยความจริงให้เห็น”
เพจกล่าวว่า “ฉันตื่นเต้นมากที่คริสได้เขียนบทตัวละครที่น่าทึ่งสำหรับหญิงสาวที่ฉลาดและพอใจกับตัวตน เธอถูกโยนเข้าสู่สภาพแวดล้อมใหม่และสถานการณ์ที่ไม่ธรรมดา และรับมือกับมันได้อย่างคมคาย เธอเป็นตัวของตัวเอง โดยเฉพาะในกลุ่มที่เป็นเหมือนคลับของชายหนุ่ม” เธอหัวเราะ
เอเมส — นักปลอมแปลง
ต่างจากเอเรียน เอเมสเป็นมือเก่าด้านการแบ่งปันฝัน และมีเรื่องเล่ายาวนานกับคอบบ์ ไม่ว่าจะเป็นในฐานะมิตรหรือคู่แข่งก็ตามที ทอม ฮาร์ดี้ รับบทเป็นเอเมส ซึ่งเขากล่าวว่ามีทักษะที่น่าแปลกใจในการเป็นนักปลอมแปลง…และไม่ใช่เพียงบนกระดาษ “ในโลกความฝัน เอเมสสามารถสร้างภาพใครก็ได้ เขาจะปลอมแปลงเอกลักษณ์โดยการสรางกายภาพและสามารถกล่อมให้คนเชื่อว่าเขาเป็นใครก็ตามที่ทีมต้องการให้เขาเป็น เพื่อช่วยให้ทำงานสำเร็จ ความน่าสนใจเฉพาะของผมกับตัวละครพวกนี้ก็คือแนวคิดของแอนตี้ฮีโร่ ความจริงที่พวกเขาทำอยู่อาจเรียกได้ว่าเป็นความไม่ซื่อสัตย์ แต่ก็ยังเข้าถึงพวกเขาได้ นั่นเป็นเรื่องดีเพราะว่ามันไม่ใช่แค่ขาวกับดำ ; เรามีความคลุมเครือมากมายให้เลือกเล่น”
โนแลนกล่าวว่า เช่นเดียวกับตัวละครของเขา ฮาร์ดี้เป็นเหมือนกับกิ้งก่าเปลี่ยนสีได้ “ทอมเป็นนักแสดงที่สามารถกระโดดเข้าสวมผิวหนังของตัวละครและใช้ชีวิตในบทนั้นได้ และเขาทำได้ยอดเยี่ยมมากในการเป็นเอเมส เขามองเห็นความเป็นไปได้ของตัวละครในทันที และแสดงออกถึงคุณสมบัติอย่างน่าอัศจรรย์ ซึ่งผมดีใจมากที่ได้เห็นผลงานแบบนี้”
เอ็มม่า โธมัสเสรอมว่ามันยังมีช่วงอารมณ์ขันในตัวตนที่รับบทโดยฮาร์ดี้ และกอร์ดอน-เลวิทท์ “มีพลังของความขบขันระหว่างเอเมสและอาร์เธอร์ในหนังเรื่องนี้ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเป็นคู่แข่งกันมาตั้งแต่อดีต ก่อนที่เรื่องราวของเราจะเริ่มต้น แต่พวกเขาก็ยังมีความชื่นชมต่อกัน ถึงแม้ว่าจะไม่เคยยอมรับมัน พวกเขาเป็นคู่ที่ตลกเมื่อได้ดูขณะที่การฉกชิงถูกเผยออกมา”
มัล — ผู้กำบัง
มัล รับบทโดยแมเรียน คอทิลลาร์ด เป็นรักแท้ของคอบบ์ “มัลเป็นคนเจ้าเล่ห์ เพราะว่าเธอเป็นส่วนผสมของหลายๆ อย่าง” นักแสดงสาวกล่าวอย่างกำกวม “แต่อาจจะเป็นอะไรแบบที่เราไม่บรรยายให้ฟัง เพราะว่าคนที่ต่างกันก็ถ่ายทอดอย่างแตกต่างกัน”
“มัลมีส่วนจำเป็นสำหรับความเป็นหญิงอันตราย” โนแลนกล่าว “แมเรียนนำมาซึ่งคุณสมบัติหลอนที่มีในการแสดงของเธอ สิ่งที่เธอสามารถทำได้เพียงแค่จากสายตาเธอ และความเปิดเผยของอารมณ์เธอเป็นเรื่องที่สวยงามมาก และเธอกับลีโอร่วมกันเป็นคู่ที่ถ่ายทอดการขับเคลื่อนอย่างเหลือเชื่อ ภายใต้ทุกงานแอ็คชั่น ฉันคิดว่า ‘Inception’ มีพื้นฐานของเรื่องความรักอย่างมาก และสำหรับนักแสดงสองคนที่ได้พบความจริงในแนวทางที่น่าประทับใจมาก”
“ลีโอเป็นนักแสดงที่มากความสามารถ ฉันเป็นแฟนผลงานของเขามานานมาก จึงเป็นเรื่องน่าทึ่งที่ได้มาทำงานร่วมกับเขา” คอทิลลาร์ดกล่าว “ความทุ่มเทของเขาเต็มร้อยและความหนักแน่นของเขาไร้ขีดจำกัด เราเห็นได้ในสายตาเขา เวลาที่เราเข้าฉากกับเขา จะเชื่อในทุกอย่างเขาทำเพราะเขาสมจริงอย่างมาก”
ดิคาปริโอเองก็ชื่นชมดาราร่วมแสดงกับเขาอย่างเท่าเทียมกัน “มันเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมมากที่ได้แสดงคู่กับแมเรียน เธอมีความเข้มแข็งและอ่อนไหว กับเปี่ยมความหวังและใจสลายในเวลาเดียวกัน ซึ่งสมบูรณ์แบบสำหรับทุกความขัดแย้งของตัวละคร”
ซาอิโตะ — นักท่องเที่ยว
เคน วาทานาเบ รับบทเป็น ซาอิโตะ นักธุรกิจผู้ร่ำรวยและทรงอิทธิพล ซึ่งยื่นข้อเสนองานพิเศษให้กับคอบบ์ โดยมีสัญญาเป็นค่าจ้างที่มีค่ายิ่งกว่าเงิน พูดง่ายๆคือ ถ้าคอบบ์สามารถให้ในสิ่งที่ซาอิโตะต้องการได้ ซาอิโตะจะพาเขากลับบ้าน มีเพียงแค่เงื่อนไขเดียว : ซาอิโตะต้องการอยู่ร่วมกับทีมของคอบบ์ในการทำงาน เพื่อให้แน่ใจว่าเขาจะได้ในสิ่งที่เขาต้องจ่ายให้ โธมัสกล่าวว่า “เราให้ชื่อเขาว่าเป็น ‘นักท่องเที่ยว’ เพราะว่าเขาไม่มีความเชี่ยวชาญ แต่ใช้อิทธิพลทางการเงินของเขาเพื่อเข้าร่วมกลุ่ม”
วาทานาเบเล่าว่า “ในตอนแรก มันเป็นแค่สัมพันธภาพทางธุรกิจ แต่เมื่อเรื่องดำเนินไป ซาอิโตะกับคอบบ์ก็พัฒนาควารมเข้าใจและความนับถือแก่กัน พวกเขาต้องการกันและกัน”
โนแลนกล่าวว่าเขาสร้างบทบาทของซาอิโตะขึ้นมาโดยมีวาทานาเบอยู่ในใจ “ผมเขียนบทขึ้นมาสำหรับเคนโดยเฉพาะ เพราะผมอยากทำงานกับเขาอีกครั้ง ผมสนุกกับการกำกับฯ เขาอย่างมากในเรื่อง ‘Batman Begins’ แต่บทของเขาเล็กกว่าจนเราไม่ได้ทำงานด้วยกันมากเท่าไหร่ คราวนี้ผมจึงทำให้แน่ใจว่าเขามีบทที่ใหญ่กว่านั้น เคนเป็นนักแสดงที่มีเสน่ห์อย่างมาก เป็นดาราหนังของแท้ เขาเป็นนักแสดงที่เชี่ยวชาญ รู้ว่าจะดึงเอาอะไรจากซีนได้มากที่สุด การได้เฝ้าดูเขาทำงานเป็นเรื่องสนุกสนานจริงๆ”
โรเบิร์ต ฟิชเชอร์ — เป้าหมาย
เป้าหมายของการจัดการทางธุรกิจของซาอิโตะคือโรเบิร์ต ฟิชเชอร์ เป้าหมายแผนงานธุรกิจของซาอิโตะคือโรเบิร์ต ฟิชเชอร์ เขาคือผู้สืบทอดการควบคุมอาณาจักรหลายพันล้านจากบิดาที่กำลังจะตาย ซิลเลียน เมอร์ฟีย์ ซึ่งรับบทเป็นฟิชเชอร์กล่าวว่า “แม้ว่าจะร่ำรวยล้นฟ้า แต่ฟิชเชอร์ต้องเผชิญหน้ากับความไม่มั่นคงอยู่ตลอดเวลา อย่างที่คนเราอาจคาดหวังต่อคนที่ต้องอยู่ภายใต้เงื้อมเงาของคนที่มีอิทธิพลยิ่งใหญ่ มันไม่ได้ช่วยที่ว่าเขามีความสัมพันธ์ที่กดดันอย่างมากกับพ่อของตัวเอง เราจึงมีคนที่กำลังจะต้องแบกรับโลกทั้งใบที่เขาขาดอยู่ก็เพียงสิ่งเดียวที่เขาต้องการมากที่สุด : ความสัมพันธ์ที่สมบูรณ์กับพ่อของเขา”
โธมัสให้ความเห็นว่า “เรามีความสุขมากที่ได้ทำงานกับซิลเลียนอีกครั้ง เขาเป็นนักแสดงที่ยอดเยี่ยม และเขาทำให้กับบทที่ได้รับอย่างมากมาย ฉันคิดว่าตัวละครโรเบิร์ต ฟิชเชอร์น่าสนใจมาก เพราะในหนังฉกชิงนั้นเป้าหมายไม่จำเป็นต้องซับซ้อนแต่โรเบิร์ตกลายมาเป็นส่วนที่ใหญ่มากด้านอารมณ์ของเรื่อง และการแสดงของซิลเลียนนั้นมีส่วนที่ทำให้เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก”
ยูซุฟ — นักเคมี
หนึ่งในบรรดากุญแจสำคัญที่ใช้ในปฏิบัติการของคอบบ์ก็คือการใช้ตัวยาที่สามารถทำให้คนหลายคนแบ่งปันสภาวะฝันที่แตกต่างกันได้ ไดลีพ ราโอ รับบทเป็นนักเคมี ที่ชื่อว่ายูซุฟซึ่งนักแสดงหนุ่มอธิบายว่าเป็น “เภสัชกรแถวหน้าซึ่งเป็นคนแก้ปัญหาให้กับคนอื่นๆ เช่นเดียวกับคอบบ์ เขาอยากทำงานโดยไม่ถูกบงการ ไม่ถูกกฎหมาย และไม่ต้องรอให้ใครอนุมัติ เห็นได้ชัดว่ายูซุฟสนใจเรื่องเงินในการช่วยคอบบ์ แต่เขาก็มีแรงกระตุ้นของความอยากรู้อยากเห็นอย่างมาก เขาทำการทดลองสารดังกล่าวมานานมากและตอนนี้เขาอยากเห็นว่าผลของมันเป็นอย่างไร”
“บทของนักเคมีค่อนข้างยากทีเดียว เพราะเราไม่อยากให้เขาดูเหมือนเป็นพวกค้ายาเสพติด เขาไม่ได้เป็นอย่างแน่นอน” ผู้ร่วมอำนวยการสร้าง จอร์แดน โกลด์เบิร์กกล่าว “เขาเป็นคนที่ ทุ่มเทกับศาสตร์ของการฝัน และทำให้มันได้ผลอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เราต้องการให้ยูซุฟดูตลกและน่าสนใจ และแน่นอนว่าดูฉลาด และไดลีพก็มีทุกอย่าง”
เข้าไปล้วงลับความลับในความฝันกันได้ใน
Inception จิตพิฆาตโลก ได้แล้ว วันนี้ ในโรงภาพยนตร์เท่านั้น