บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด ประเมินว่าปีนี้จะเป็นปีทองของ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) (SENA) โดยคาดว่ากำไรสุทธิในปี 2559 จะกลับมาโดดเด่นทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 492 ล้านบาท เพิ่มขึ้น94% จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่คาดว่าจะมีรายได้เติบโตแข็งแกร่งถึง 48% เทียบปีที่ผ่านมา เป็นผลจากการรับรู้รายได้จากงาน Backlog ที่ ณ สิ้นปี 2558 อยู่ที่ 3,260 ล้านบาท โดยคาดว่าจะรับรู้เป็นรายได้ในปี 2559 ราว 2,000 ล้านบาท โดยในปี 2559 จะมีโครงการคอนโดมิเนียมขนาดใหญ่ "The Niche Mono Ratchavipha" มูลค่าโครงการ 2,346 ล้านบาท ซึ่ง ณ สิ้นปี 2558 โครงการนี้ทำยอด Presale ได้แล้วราว 60% เริ่มรับรู้รายได้เดือน มี.ค.2559 นอกจากนี้ยังมี โครงการเดิมที่ยังขายได้มีมูลค่าคงเหลือ ณ สิ้นปี 2558 ที่ 5,534 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นโครงการแนวราบ 26% และโครงการคอนโดมิเนียม 74%
ขณะเดียวกันในปี 2559 "เสนาดีเวลลอปเม้นท์" ตั้งเป้าเปิดตัว 9 โครงการ มูลค่ารวม 5,340 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 4 โครงการ มูลค่ารวม 2,810 ล้านบาท ซึ่งทุกโครงการได้สร้างความแตกต่างเหนือคู่แข่งจากการติดแผงโซลาร์ทุกยูนิต เพื่อช่วยประหยัดค่าไฟฟ้า และโครงการคอนโดมิเนียมประเภท Low-rise จำนวน 5 โครงการ มูลค่ารวม 2,530 ล้านบาท
นอกจากนี้ ในด้านของธุรกิจโซลาร์ฟาร์ม SENA มีโครงการโซลาร์ฟาร์ม 46.5 เมกกะวัตต์ จะเริ่มรับรู้รายได้เต็มที่ตั้งแต่ไตรมาสแรกนี้ ( SENA เริ่มต้นที่การเข้าร่วมทุนกับ บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ ดาเนินธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ จานวน 46.5 เมกกะวัตต์ โดยSENA ถือหุ้น 51%) คาดการณ์กันว่าจะรับรู้ส่วนแบ่งกาไรจากโครงการนี้ราว 45 ล้านบาทต่อปี
บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า ราคาหุ้น SENA ในปัจจุบันยังค่อนข้างถูก เทรดระดับPER ปี 2559 เพียง 5.7 เท่า และคาดอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงราว 7% ต่อปี จึงแนะนำ "ซื้อ" เป้าหมาย 3.80บาท
ด้าน บริษัทหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) แนะนำ "ซื้อ" SENA เช่นกัน โดยมองไปในทิศทางเดียวกันว่าแนวโน้มกำไร SENA ในปี 2559 จะทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 490 ล้านบาท ซึ่งมีกำไรจากทั้งในส่วนของอสังหาริมทรัพย์ และส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจโซลาร์ฟาร์ม ทั้งนี้ได้ประเมินว่าผลประกอบการในไตรมาส 2/59 ทั้งรายได้และกำไรจะเป็นจุดสูงสุดของปี เนื่องจากเป็นช่วงโอน The Niche Mono รัชวิภา
พร้อมกันนี้ได้ประเมินราคาเป้าหมายพื้นฐานไว้ที่ 3.80 บาท ด้วยวิธี SOTP แบ่งเป็นธุรกิจอสังหาฯคำนวณด้วยP/E 7.5x ได้มูลค่า 2.90 บาท และธุรกิจโซลาร์ฟาร์ม ด้วย P/E 20x ได้มูลค่า 0.90 บาท หรือคิดเป็น Average P/E 8.8x สำหรับราคาในปัจจุบันยังซื้อขายไม่แพงด้วย P/E 5.8x และต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี