ทั้งนี้สินทรัพย์ที่คาดว่า กองทุนเปิด SCBEZ3M1และกองทุนเปิด SCBEZ21Y1 คาดว่าจะลงทุนประกอบด้วย เงินฝากธนาคาร Qatar Islamic Bank (QIB) – กาตาร์, เงินฝากธนาคาร Bank Rakyat Indonesia (BRI) – อินโดนีเซีย, เงินฝากธนาคาร AMBANK - มาเลเซีย, บัตรเงินฝากธนาคาร Bank of China (BOC) – จีน, บัตรเงินฝากธนาคาร China Merchant Bank (CMB) – จีน, บัตรเงินฝากธนาคาร China Construction Bank (CCB) – จีน, บัตรเงินฝากธนาคาร Ahli Bank Q.S.C. (AHLIBANK) – กาตาร์ และหุ้นกู้ระยะสั้นธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) โดยคาดการณ์ผลตอบแทนโดยประมาณอยู่ที่ 1.70 % ต่อปี และ กองทุนเปิด SCBEZ1Y1 คาดการณ์ผลตอบแทนโดยประมาณอยู่ที่ 2.00% ต่อปี
สำหรับ 2 กองทุนนี้ เป็นหนึ่งในทางเลือกการลงทุนที่ให้โอกาสรับผลตอบแทนที่ดีกว่าการลงทุนในประเทศที่มีการอายุการลงทุนที่ใกล้เคียงกัน โดยมีการกระจายเงินลงทุนบางส่วนลงทุนในเงินฝาก และตราสารหนี้ต่างประเทศที่มีการป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน รวมถึงไม่เสียภาษีกองทุนตราสารหนี้
ปัจจุบันอัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ไทยปรับตัวลดลงนับตั้งแต่ต้นปีค่อนข้างมาก โดยตราสารที่มีอายุตั้งแต่ 1 - 5 ปีปรับตัวลดลงมาประมาณ 0.3 – 0.5% ซึ่งมีผลตอบแทนประมาณที่ 1.70 – 1.75% ต่อปี ทั้งนี้เนื่องจากมีเงินทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในตราสารหนี้ไทยจากมุมมองทิศทางค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มแข็งค่าตั้งแต่ต้นปี สภาพคล่องส่วนเกินที่อยู่ในตลาด และการคาดการณ์การปรับลดดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา (Fed) รวมถึงธนาคารแห่งประเทศไทยด้วย
ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและรับหนังสือชี้ชวนได้ทุกวันทำการ ได้ที่ SCBAM Call Centerโทร.02-777-7777 กด 0 กด 6 หรือผู้สนับสนุนการขายทุกราย