พม.ร่วมกับ จ.เชียงใหม่ จัดมหกรรมวิถีชนเผ่า ๒๕๕๔ สืบสานวัฒนธรรมกลุ่มชาติพันธุ์และชนพื้นเมือง

นายปกรณ์ พันธุ อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กล่าวว่า ประเทศไทย ถือเป็นดินแดนที่มีความหลากหลายทางเผ่าพันธุ์ วัฒนธรรม และภาษา โดยมีพลเมืองส่วนหนึ่งที่เรียกว่า “ชนเผ่าพื้นเมือง” หรือ “กลุ่มชาติพันธุ์”มากกว่า ๓๐ ชนเผ่า รวมเผ่าเล็กเผ่าน้อยอีกประมาณ ๒๐ ชนเผ่า อาศัยกระจายตามภูมิภาคต่างๆ ปัจจุบัน ประชากรของชนเผ่าเหล่านี้ มีประมาณ ๑,๒๐๐,๐๐๐ คน มีหมู่บ้านทั้งสิ้น ๓,๘๘๑ หมู่บ้าน โดยที่ประชากร ๘๐% ตั้งถิ่นฐานอยู่ทางภาคเหนือ โดยเฉพาะบนพื้นที่สูง ซึ่งนับเป็นผู้มีภาษา อัตลักษณ์ วัฒนธรรม และบริบททางสังคมที่แตกต่างออกไปจากสังคมใหญ่ การส่งเสริมให้ชนเผ่าชาติพันธุ์ต่างๆ ได้ดำรงความเป็นเผ่าพันธุ์ ฟื้นฟู และรักษาอัตลักษณ์ของตน ซึ่งถือเป็นทุนทางสังคมและภูมิปัญญาของประเทศ จึงเป็นเรื่องที่สำคัญ ทั้งนี้ ตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ.๒๕๕๐ และอนุสัญญาระหว่างประเทศหลายฉบับ ได้ให้หลักประกันเรื่องศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ความเสมอภาคของพลเมืองในสังคม โดยให้ความสำคัญกับคนไทยทุกเผ่าพันธุ์อย่างเท่าเทียมและเสมอภาคกัน ประกอบกับองค์การสหประชาชาติ (United Nations) ได้ประกาศให้วันที่ ๙ สิงหาคม ของทุกปี เป็นวัน“ชนเผ่าพื้นเมืองโลก”กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ จึงส่งเสริมให้มีการจัดงานมหกรรมชนเผ่า ขึ้น และดำเนินการมาตั้งแต่ปี ๒๕๕๐ เพื่อสร้างความตระหนักตามรัฐธรรมนูญและอนุสัญญาระหว่างประเทศในการอนุรักษ์ ฟื้นฟูวิถีชีวิตและภูมิปัญญาชนเผ่า โดยมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ที่หลากหลายและยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวอีกด้วย สำหรับในปีนี้ จัดขึ้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ระหว่างวันที่ ๗-๙ สิงหาคม ๒๕๕๔ ณ สวนเฉลิมพระเกียรติ ๘๐ พรรษา จังหวัดเชียงใหม่ กิจกรรมภายในงานประกอบด้วยงานเสวนาทางวิชาการเกี่ยวกับชนเผ่า การละเล่นพื้นบ้าน งานแสดงวัฒนธรรม เช่น การแต่งกาย รำดาบ รำแคน งานแสดงสินค้าหัตถกรรมและอาหารชนเผ่า และงานแสดงดนตรีจากนักร้องที่มีชื่อเสียงของชนเผ่า ทั้งนี้ มีชนเผ่าต่างๆ จากทั่วประเทศมาร่วมงาน จำนวน ๓๕ ชนเผ่า รวมทั้งสิ้นประมาณ ๕๐๐ คน

มล.ปนัดดา ดิศกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ในจังหวัดเชียงใหม่ มีประชากรชาติพันธุ์ต่างๆ มากที่สุดในประเทศ โดยมีชนเผ่าพื้นเมืองต่างๆ ถึง ๑๒ เผ่า คือ เผ่ากะเหรี่ยง ม้ง เย้า มูเซอ ลีซอ อาข่า ลัวะ ไทลื้อ ไทใหญ่ คะฉิ่น ปะหล่อง และจีนฮ่อ รวมประมาณ ๓๑๒,๔๔๗ คน คิดเป็นร้อยละ ๑๙ ของประชากรทั้งจังหวัด กระจายอยู่ใน ๒๐ อำเภอ ซึ่งจากการวิจัยพบว่านักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ร้อยละ ๘๐ มาเชียงใหม่ เพราะต้องการไปเที่ยวชนเผ่าชาติพันธุ์ต่างๆ และเที่ยวชมธรรมชาติ โดยเมื่อปี ๒๕๕๓ เชียงใหม่ ได้รับการจัดอันดับให้เป็น ๑ ใน ๕ ของเมืองที่น่าอยู่ที่สุดในโลก เนื่องจากมีความหลากหลายทางชาติพันธุ์ มีวัฒนธรรม ภูมิประเทศ และภูมิสังคมที่ดีงาม.