ระบบเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยแอปพลิเคชันคลาวด์เนทีฟ คือ อนาคตของทุกธุรกิจ

พฤหัส ๐๕ มกราคม ๒๐๒๓ ๑๓:๔๙
โดย นายเติมศักดิ์ วีรขจรพงษ์ รองประธานภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เอาท์ซิสเต็มส์
ระบบเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยแอปพลิเคชันคลาวด์เนทีฟ คือ อนาคตของทุกธุรกิจ

การ์ทเนอร์ (Gartner) คาดการณ์ว่า ในปี 2568 แพลตฟอร์มคลาวด์เนทีฟจะเป็นรากฐานสำหรับโครงการดิจิทัลใหม่ ๆ กว่า 95% เพิ่มขึ้นจากเมื่อปี 2564 ที่น้อยกว่า 40%

การพัฒนาไปสู่คลาวด์เป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปสำหรับหลาย ๆ บริษัท โดยการพัฒนาที่ว่านี้หมายถึงการโยกย้ายระบบ (Migration) ซึ่งประกอบด้วยหลายขั้นตอน เช่น การสร้างต้นแบบ การทดสอบ และในบางกรณีอาจมีการทดลองใช้งานจริง โดยครอบคลุมช่วงระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา เนื่องจากระบบคลาวด์มีการพัฒนาปรับปรุงมาโดยตลอด ทำให้ทุกวันนี้เราได้รับประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรมจากเทคโนโลยีนี้ และยังสามารถสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ โดยใช้บริการในรูปแบบของคลาวด์

ทั้งหมด คือ ระบบเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยแอปพลิเคชันคลาวด์เนทีฟ (หรือ Cloud-Native Application Economy) หรือแอปพลิเคชันที่มุ่งเน้นคลาวด์เป็นหลัก (Cloud-First) โดยประเด็นสำคัญที่ต้องพิจารณาก็คือ ในเศรษฐกิจแบบใหม่นี้ ระบบเทคโนโลยีที่เป็นศูนย์กลางจะทำงานอย่างไร และบริษัทต่าง ๆ ควรดำเนินการอย่างไรเพื่อให้ได้รับประโยชน์สูงสุดจากรูปแบบการประมวลผลที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน

คลาวด์ 1.0 รองรับการดำเนินงานด้านไอที

อย่าลืมว่าเทคโนโลยีคลาวด์อยู่รอบตัวเรามาได้สักระยะแล้ว แต่เป็นรูปแบบของบริการแพลตฟอร์มคลาวด์ (หรือ Cloud-as-a-Platform) ที่ตอบโจทย์ความต้องการด้านการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้แก่ฝ่ายไอที  ขณะเดียวกัน ส่วนงานไอทียังต้องการใช้ระบบคลาวด์เพื่อปรับปรุงความยืดหยุ่น เพิ่มความสามารถในการปรับขนาด ความปลอดภัย รวมถึงโอกาสในการขยายการดำเนินงานไปยังพื้นที่อื่น ๆ ของโลก โดยอาศัยระบบดาต้าเซ็นเตอร์จำนวนมากที่เชื่อมต่อกันจนกลายเป็นเครือข่ายคลาวด์ที่ครอบคลุมทั่วโลก

ที่จริงแล้ว คลาวด์เนทีฟ เป็นเรื่องของการปลดล็อคคุณประโยชน์ที่แท้จริงของคลาวด์ที่ระดับของแอปพลิเคชัน

แอปพลิเคชันคลาวด์เนทีฟมีลักษณะที่สามารถประกอบสร้างขึ้นได้ กล่าวคือ แอปพลิเคชันดังกล่าวสามารถสร้างขึ้นโดยการนำเอาคอมโพเนนต์ที่ดีที่สุดมาประกอบเข้าด้วยกัน เพื่อนำเสนอบริการและฟังก์ชั่นต่าง ๆ ที่เชื่อมโยงกันในรูปแบบผสมผสานอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด ตามกรอบเวลาและจุดให้บริการที่เหมาะสมที่สุด โดยขึ้นอยู่กับจุดประสงค์การใช้งานของแอปพลิเคชันนั้น ๆ

เนื่องจากแอปพลิเคชันคลาวด์เนทีฟมีลักษณะแยกเป็นส่วน ๆ และสามารถเปลี่ยนแปลงได้ ดังนั้นจึงสามารถทำการปรับเปลี่ยนได้อย่างฉับไวเมื่อถึงคราวจำเป็น โดยครอบคลุมขอบเขตกว้างขวาง ตัวอย่างเช่น การแพร่ระบาดที่เกิดขึ้นส่งผลให้ธุรกิจต่าง ๆ ต้องหยุดชะงัก เราจึงเห็นบริษัทแท็กซี่รีบเปลี่ยนไปให้บริการส่งอาหารในทันที ขณะที่ร้านขายยาแตกไลน์ธุรกิจไปสู่บริการช่วยเหลือชุมชน ส่วนผู้ผลิตเครื่องดื่มที่มีโรงงานบรรจุขวดก็ปรับเปลี่ยนโมเดลธุรกิจอย่างรวดเร็วเพื่อรับจ้างผลิตเจลล้างมือ และยังมีกรณีตัวอย่างอื่น ๆ อีกมากมายที่เกิดขึ้นทั่วโลก

ความจริงเบื้องหลังนวัตกรรมเหล่านี้ก็คือ บริษัทต่าง ๆ ที่ว่านี้ใช้เครือข่ายแอปพลิเคชันคลาวด์เนทีฟอยู่แล้ว จึงสามารถปรับตัวและปรับเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจได้อย่างยืดหยุ่นและมีความคล่องตัวสูง

คลาวด์สำหรับลูกค้า

ถ้าหากคลาวด์ยุค 1.0 รองรับส่วนงานไอที คลาวด์ 2.0 ก็เริ่มเปลี่ยนย้ายไปสู่ระบบไฮบริดมัลติคลาวด์ตามที่เราพบเห็นกันโดยทั่วไปในปัจจุบัน และทั้งหมดนี้ปูทางไปสู่คลาวด์ 3.0 (ที่อาจมีขั้นตอนอื่น ๆ เพิ่มเติม ขึ้นอยู่กับคำจำกัดความที่แตกต่างกัน) เกี่ยวข้องกับประสบการณ์ ผู้ใช้งาน และการให้บริการลูกค้า

ทุกวันนี้ระบบคลาวด์จะทำหน้าที่ให้บริการแอปพลิเคชันสำหรับลูกค้าในระดับที่หนึ่ง แต่ขณะเดียวกันพนักงานก็เริ่มคาดหวังว่าจะได้รับบริการแอปพลิเคชันคลาวด์เนทีฟในระดับเทียบเท่าเพื่อรองรับการทำงาน นับเป็นการพัฒนาต่อยอดที่องค์กรต่าง ๆ ควรตระหนักและยอมรับตั้งแต่ต้น

ระบบคลาวด์ที่รองรับการดำเนินงานส่วนหน้า ส่วนกลาง และส่วนหลัง

ในเรื่องของประสบการณ์ เราจำเป็นที่จะต้องพิจารณาถึงการดำเนินงานส่วนหน้า (ลูกค้า) การดำเนินงานส่วนกลาง (ตัวองค์กร) และการดำเนินงานส่วนหลัง (ฝ่ายไอที) ซึ่งทั้งหมดนี้จะต้องทำงานสอดประสานกันเพื่อให้เกิดความโปร่งใสในทุกขั้นตอน  บริการที่นำเสนอในระบบเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยแอปพลิเคชันคลาวด์เนทีฟจะต้องสามารถปรับขนาดเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาด โดยที่ผู้ใช้งาน (ภายในหรือภายนอกองค์กร) ไม่สามารถสังเกตเห็นประสิทธิภาพที่ลดลงไม่ว่าจะนำคลาวด์มาใช้ในระดับใดก็ตาม

ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นโดยตรงจากระบบพื้นฐานแบบคลาวด์เนทีฟก็คือ ความสามารถในการปรับแต่งแบบเฉพาะบุคคล (Personalisation) รวมถึงการปรับแต่งอย่างละเอียดสำหรับผู้ใช้แต่ละคนในลักษณะที่ปรับเปลี่ยนได้และมีความคล่องตัวสูง โดยองค์กรต่าง ๆ จะสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่แน่ชัดในระดับที่ละเอียดมากอย่างที่ไม่เคยทำได้มาก่อน ทั้งหมดนี้เป็นผลมาจากการควบคุมการปรับแต่งแบบเฉพาะบุคคลบนแพลตฟอร์มคลาวด์

หลีกเลี่ยงงานที่คั่งค้างสำหรับแอปพลิเคชัน

ปัญหางานที่คั่งค้างสำหรับแอปพลิเคชัน (Application Backlog) อาจส่งผลให้ระบบต่าง ๆ มีความเปราะบาง อ่อนแอ และไม่ปลอดภัย และทำให้ลูกค้า ผู้ใช้งาน คนกลาง และพาร์ทเนอร์ไม่สามารถเข้าใช้งานฟีเจอร์และฟังก์ชั่นใหม่ ๆ ได้อย่างเหมาะสม ขณะที่ฝ่ายไอทีต้องเร่งแก้ไขซอฟต์แวร์ที่มีอยู่โดยใช้วิธีติดตั้งแพตช์เพื่ออุดช่องโหว่ ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาข้อมูลรั่วไหลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

เราสามารถขจัดงานที่คั่งค้างสำหรับแอปพลิเคชันได้ด้วยการใช้เครื่องมือแพลตฟอร์มแอปพลิเคชันประสิทธิภาพสูงที่มีฟังก์ชั่นการพัฒนาแบบ Low Code เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลาย และพลิกโฉมธุรกิจสู่รูปแบบคลาวด์เนทีฟ แพลตฟอร์มประสิทธิภาพสูงจะช่วยให้สามารถสร้างแอปพลิเคชันได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น โดยใช้วิศวกรซอฟต์แวร์ที่องค์กรมีอยู่เดิม

ไอทีเปลี่ยนจากการเป็นต้นทุนไปสู่ศูนย์กลางของการสร้างกำไร

ในอดีต ส่วนงานไอทีถูกมองว่าเป็นศูนย์รวมของต้นทุน (Cost Centre) และก่อให้เกิดภาวะขาดทุนในงบดุลของบริษัท ทว่าในอนาคต ธุรกิจมีความคาดหวังใหม่ ๆ ที่มากขึ้นในด้านไอที 

ปัจจุบัน ซอฟต์แวร์และธุรกิจจำเป็นต้องพึ่งพากัน โดยซอฟต์แวร์เป็นตัวกำหนดทิศทางของธุรกิจ และธุรกิจก็เป็นตัวกำหนดแนวทางการสร้าง ติดตั้ง ใช้งาน จัดการ และดูแลรักษาซอฟต์แวร์ขององค์กร หมายความว่าส่วนงานไอทีได้ปรับเปลี่ยนไปสู่การเป็นศูนย์กลางการสร้างกำไร (Profit Centre) ให้แก่องค์กร โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าหากองค์กรสามารถใช้ประโยชน์จากซอฟต์แวร์ได้อย่างเต็มศักยภาพภายในระบบเศรษฐกิจแบบใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยแอปพลิเคชันคลาวด์เนทีฟ

นอกจากนี้เรายังสามารถกำหนดกลยุทธ์ด้านการตลาดที่รองรับการสร้างสรรค์นวัตกรรมแปลกใหม่ รวมไปถึงเพิ่มความคล่องตัวและความสามารถในการปรับตัวเหมือนกับที่บางบริษัทได้แสดงให้เห็นในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาด ซึ่งความได้เปรียบดังกล่าวจะช่วยให้ธุรกิจสามารถสร้างรูปแบบการค้าในอนาคตที่มีความยืดหยุ่นมากขึ้นภายในระบบเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยแอปพลิเคชันคลาวด์เนทีฟ อย่างไรก็ดี สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ องค์กรธุรกิจจะต้องปรับใช้แอปพลิเคชันคลาวด์เนทีฟ เพื่อให้สามารถปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงธุรกิจได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งอาจเป็นเรื่องลำบากถ้าหากยังคงใช้ระบบไอทีแบบเก่า ขณะที่แพลตฟอร์ม Low Code ประสิทธิภาพสูง คือ ทางเลือกใหม่ที่จะช่วยให้องค์กรสามารถปรับเปลี่ยนธุรกิจได้อย่างเหมาะสมตามกรอบเวลาที่ต้องการ

เกี่ยวกับเอาท์ซิสเต็มส์

เอาท์ซิสเต็มส์ (OutSystems) ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2544 ด้วยพันธกิจในการเสริมสร้างขีดความสามารถให้แก่องค์กรต่าง ๆ สำหรับการสร้างสรรค์นวัตกรรมผ่านซอฟต์แวร์ แพลตฟอร์มแอปพลิเคชัน OutSystems ประกอบด้วยเครื่องมือประสิทธิภาพสูงที่เชื่อมต่อกันและขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี AI ช่วยให้นักพัฒนาสามารถสร้างและติดตั้งใช้งานแอปพลิเคชันที่หลากหลายได้อย่างรวดเร็ว ตอบโจทย์ความต้องการของทุกภาคส่วนภายในองค์กร ด้วย Community member กว่า 435,000 ราย พนักงานมากกว่า 1,500 คน พันธมิตรกว่า 350 ราย และลูกค้าหลายพันรายใน 87 ประเทศ ใน 22 กลุ่มอุตสาหกรรม ธุรกิจของเอาท์ซิสเต็มส์ครอบคลุมทั่วโลก และช่วยให้องค์กรต่าง ๆ ปรับเปลี่ยนวิธีการพัฒนาแอปพลิเคชันให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เยี่ยมชมเว็บไซต์ของบริษัทฯ ได้ที่ www.outsystems.com หรือติดตามเราบน Twitter @OutSystems หรือ LinkedIn ที่ https://www.linkedin.com/company/outsystems.

ที่มา: พีซี แอนด์ แอสโซซิเอทส์ คอนซัลติ้ง

ระบบเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยแอปพลิเคชันคลาวด์เนทีฟ คือ อนาคตของทุกธุรกิจ

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๘ มี.ค. องค์การบรรจุภัณฑ์โลก จับมือ อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย ร่วมจัดกิจกรรมสัมมนาออนไลน์
๒๘ มี.ค. การแข่งขันกีฬาขี่ม้าโปโลรายการ King Power International Ladies' Polo Tournament 2024
๒๘ มี.ค. DEXON ปักธงรายได้ปี 67 ทะลุ 700 ลบ. โชว์ Backlog เฉียด 280 ลบ. ล็อคมาร์จิ้น 35-40%
๒๘ มี.ค. JPARK ร่วมงาน Dinner Talk ผู้บริหารจดทะเบียนพบนักลงทุน จ.ราชบุรี
๒๘ มี.ค. นีเวีย ซัน และ วัตสัน จับมือต่อปีที่สองชวนดูแลท้องทะเล กับโครงการ เพราะแคร์ จึงชวนแชร์ ร่วมพิทักษ์รักษ์ทะเลไทย
๒๘ มี.ค. Cloud เทคโนโลยีที่อยู่ใกล้ตัว เพียงแค่คุณไม่รู้เท่านั้นเอง
๒๘ มี.ค. โรยัล คานิน ร่วมกับ เพ็ทแอนด์มี จัดงาน Royal Canin Expo 2024: PAWRENTS' DAY เพื่อสร้างโลกที่ดีขึ้นสำหรับน้องแมวและน้องหมา
๒๘ มี.ค. STEAM Creative Math Competition
๒๘ มี.ค. A-HOST ร่วมวาน MFEC Inspire ขึ้นบรรยายพร้อมจัดบูธ Cost Optimization Pavilion
๒๘ มี.ค. ฟินเวอร์! ส่องความคิ้วท์ 'ฟอส-บุ๊ค' ควงคู่ร่วมงาน Discover Thailand เสิร์ฟโมเมนต์ฉ่ำให้แฟนๆ ได้ดับร้อนกันยกด้อมรับซัมเมอร์ และร่วมส่งต่อความสุขในกิจกรรม 'Exclusive Unseen Food Trip กับ คู่ซี้