นายเอก สุวัฒนพิมพ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีเอ็มซี เลเบิล แมททีเรียลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PMC ผู้ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์สติ๊กเกอร์เปล่า (Sticker) หรือฉลากกาว (Self-Adhesive Label) ซึ่งเป็นวัตถุดิบต้นน้ำสำหรับการผลิตฉลากสินค้าและฉลากบรรจุภัณฑ์ โดยจำหน่ายให้แก่ลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ เปิดเผยถึง ภาพรวมผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2568 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 15.70 ล้านบาท เติบโต 31.6% จากช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) และพุ่งขึ้นถึง 72.9% เทียบไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) สะท้อนการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ควบคู่กับการปรับโครงสร้างรายได้เพื่อสร้างความแข็งแกร่งอย่างยั่งยืนในระยะยาว ขณะที่ กำไรขั้นต้นอยู่ที่ 47.28 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.7% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 18.6% จากไตรมาสก่อนหน้า
โดยมีรายได้รวมอยู่ที่ 221.06 ล้านบาท เป็นรายได้จากการขายรวมอยู่ที่ 220.78 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.2% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 2.2% จากไตรมาสก่อนหน้า โดยกลุ่มผลิตภัณฑ์ฉลากพิเศษ ซึ่งมีอัตรากำไรสูง เติบโตโดดเด่นถึง 50.2% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน ขณะที่ EBITDA ขยับขึ้นแรงแตะ 29.52 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39.6% จากไตรมาสก่อนหน้า
"แม้เผชิญภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่แน่นอน ไม่ว่าจะเป็นภาวะสงครามในทวีปยุโรป ผลกระทบจาก Energy Crisis รวมถึงภาวะเศรษฐกิจที่ตึงเครียดจากการประกาศยกระดับภาษีนำเข้าของสหรัฐอเมริกา ทำให้ภาวะเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศชะลอตัวอย่างมีนัยสำคัญ PMC ยังสามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้นให้เพิ่มขึ้นอยู่ในระดับดีที่ 21.4% จากการเจรจาต้นทุนวัตถุดิบ และบริหาร Supply Chain อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งยังเดินหน้ารุกตลาดสินค้าจำเป็นต่อการดำรงชีวิต โดยเฉพาะกลุ่มผลิตภัณฑ์ฉลากชนิดพิเศษ และกลุ่มฟิล์มที่มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง" นายเอกกล่าว
สำหรับ โครงสร้างรายได้จากการขายแยกตามผลิตภัณฑ์สามารถแบ่งได้เป็น 4 กลุ่มหลัก ได้แก่ ผลิตภัณฑ์กระดาษ 54%, ผลิตภัณฑ์ฟิล์ม 22%, ผลิตภัณฑ์ฉลากพิเศษ 19% และผลิตภัณฑ์อื่นๆ 5% ซึ่งคิดเป็นรายได้จากยอดขายรวมเท่ากับ 220.78 ล้านบาท
ขณะที่โครงสร้างรายได้จากการขายแบ่งตามภูมิภาค มาจากตลาดภายในประเทศ 72% และขายต่างประเทศ 28% จากยอดขายและบริการรวม ณ ไตรมาส 1/2568 โดยสัดส่วนการขายในตลาดต่างประเทศยังประสบกับภาวะตึงเครียดจากภาวะเงินเฟ้อ และการเฝ้ารอความชัดเจนนโยบายทางภาษีของสหรัฐ
อย่างไรก็ดี จากการคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี 2568 ของสำนักงานสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เศรษฐกิจไทยจะมีการขยายตัวร้อยละ 2.3-3.3 จากการสนับสนุนของภาครัฐ รวมถึงการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของลงทุนภาคเอกชน และการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว และคาดว่ากนง.จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยลงเหลือที่ระดับร้อยละ 1.75 เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ขณะที่ปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ยังมีเข้ามา ส่งผลให้ PMC ดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวัง อย่างไรก็ดี หากเศรษฐกิจมีการฟื้นตัวทางด้านสินค้าอุปโภคและบริโภค แน่นอนว่าจะส่งผลบวกต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ในอนาคตด้วยเช่นกัน
"PMC พร้อมเดินหน้ารักษาระดับการเติบโตของรายได้และกำไร โดยเน้นรักษาการตลาดในประเทศให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง และขยายตลาดไปยังต่างประเทศที่เศรษฐกิจยังอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม ควบคู่กับการบริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อลดความเสี่ยงและสร้างการเติบโตของรายได้และกำไรอย่างต่อเนื่อง คู่ขนานไปกับการให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ด้วยการต่ออายุการรับรองคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) ควบคู่ไปกับการรับรองการผลิตสินค้าที่สามารถรีไซเคิลได้จาก The Association of Plastic Recyclers ซึ่งบริษัทฯ ได้รับมาตั้งแต่ปี 65 พร้อมให้ความสำคัญกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืน โดยยังคงมุ่งเน้นการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ใช้วัสดุรีไซเคิลเป็นส่วนประกอบ และการเลือกใช้วัตถุดิบจากแหล่งที่ได้รับการรับรองด้านความยั่งยืน หนุน PMC ผู้นำในธุรกิจวัตถุดิบต้นน้ำสำหรับฉลากบรรจุภัณฑ์ ด้วยจุดแข็งด้านคุณภาพ ประสิทธิภาพ และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม วางเป้าหมายเติบโตในระดับ Double Digit" นายเอก กล่าว