หอการค้านานาชาติดูไบ (Dubai International Chamber) หนึ่งในสามหอการค้าที่ดำเนินงานภายใต้การดูแลของเครือข่ายหอการค้าดูไบ (Dubai Chambers) ได้เปิดสำนักงานผู้แทนแห่งใหม่ประจำประเทศไทยอย่างเป็นทางการแล้ว โดยสำนักงานตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ จะมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการขยายธุรกิจจากประเทศไทยไปยังดูไบ และส่งเสริมการค้าและการลงทุนระหว่างสองตลาด
สำนักงานแห่งนี้จะช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์กับภาคีหลักทั้งภาครัฐและเอกชน พร้อมทั้งมอบการสนับสนุนที่ครอบคลุมแก่กลุ่มธุรกิจของไทย อาทิการช่วยเหลือเพื่อเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกของตลาด การสร้างเครือข่ายทางธุรกิจ และการให้คำแนะนำเชิงกลยุทธ์เกี่ยวกับการเข้าสู่ตลาดดูไบ การเปิดตัวสำนักงานจัดขึ้นระหว่างการประชุม 'Doing Business with Thailand' โดยได้รับเกียรติจาก ฯพณฯ ชุตินทร คงศักดิ์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และ นายพรวิช ศิลาอ่อน รองอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ
งานประชุมนี้จัดโดยหอการค้าดูไบ (Dubai Chamber of Commerce) โดยความร่วมมือกับหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย (TCC and BoT) กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศกระทรวงพาณิชย์ (DITP) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (FTI) สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ประจำประเทศไทย และสถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองดูไบ การประชุมในครั้งนี้ได้รวบรวมเจ้าหน้าที่ระดับสูง ผู้นำทางธุรกิจ และบริษัทไทยที่สนใจสำรวจโอกาสในการเป็นพันธมิตรกับคณะผู้แทนหอการค้าจากดูไบ นอกจากนี้ยังมีการจัดประชุมแบบทวิภาคีกับกลุ่มบริษัทจากเมืองดูไบจำนวน 20 บริษัทซึ่งดำเนินธุรกิจในหลากหลายภาคส่วน อาทิ อาหารและเครื่องดื่ม การเกษตร ยานยนต์ การก่อสร้าง อิเล็กทรอนิกส์ ธุรกิจบริการ ทรัพยากรบุคคล สารหล่อลื่นอุตสาหกรรม การลงทุน และการค้าปลีกน้ำหอม
ฯพณฯ มูฮัมหมัด อาลี รอชีด ลูตาห์ ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หอการค้าดูไบ (His Excellency Mohammad Ali Rashed Lootah, President and CEO of Dubai Chambers) กล่าวว่า "การเปิดสำนักงานแห่งใหม่ของเราในกรุงเทพฯ จะช่วยปลดล็อกโอกาสใหม่ๆ ให้กับบริษัทไทยที่ต้องการเข้าสู่ดูไบ และใช้ประโยชน์จากความได้เปรียบเชิงยุทธศาสตร์ของเมืองในฐานะประตูสู่การเติบโตระดับโลก ประเทศไทยยังคงเป็นพันธมิตรที่สำคัญในการผลักดันให้ดูไบเป็นศูนย์กลางการค้าและการลงทุนระดับโลก และเรามั่นใจว่าก้าวนี้จะสร้างโอกาสที่สำคัญให้กับธุรกิจในทั้งสองตลาด"
การประชุมทางธุรกิจในครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อสานต่อความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่กำลังขยายตัวระหว่าง ประเทศไทยและดูไบ มูลค่าการค้าระหว่างสองฝ่ายที่ไม่ใช่น้ำมันนั้นสูงเกินกว่า 2.38 หมื่นล้านเดอร์แฮมสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์(AED) ซึ่งเติบโตอย่างมีนัยสำคัญถึง 23.3% ในปี 2567 เมื่อเทียบเป็นรายปี จำนวนบริษัทไทยที่ขึ้นทะเบียนสมาชิกของหอการค้าดูไบเพิ่มขึ้น 28.4% ในปี 2567 และแตะระดับ 190 แห่ง ณ สิ้นปี สะท้อนถึงโอกาสที่เพิ่มขึ้นสำหรับบริษัทและนักลงทุนจากประเทศไทยในดูไบ
งานนี้ได้รับเกียรติจาก ฯพณฯ อูเบด ซะอีด อูเบดบินฏอริช อัลฎอฮิรี เอกอัครราชทูตสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ประจำประเทศไทย (H.E. Obaid Saeed Obaid Bintaresh Aldhaheri, Ambassador of the United Arab Emirates to the Kingdom of Thailand) และดร. พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ และยังได้รับเกียรติจาก ฯพณฯ ชุตินทร คงศักดิ์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และ นายพรวิช ศิลาอ่อน รองอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศขึ้นกล่าวสุนทรพจน์พิเศษ
หอการค้าดูไบได้นำเสนอภาพรวมเศรษฐกิจเชิงลึกของดูไบ โดยเน้นย้ำถึงความได้เปรียบในการแข่งขันที่เป็นเอกลักษณ์ของเอมิเรตส์สำหรับธุรกิจและนักลงทุน นอกจากนี้การประชุมยังมีการอภิปรายพิเศษร่วมกับผู้แทนจาก สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ซึ่งนำเสนอข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับภูมิทัศน์ทางธุรกิจของประเทศไทย รวมไปถึงโอกาสการลงทุนที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนจากดูไบ
หอการค้าดูไบยังได้ให้คำแนะนำบริษัทจากดูไบที่ดำเนินกิจการในประเทศไทย เกี่ยวกับโอกาสการลงทุนที่มีศักยภาพสูงในหลากหลายภาคส่วน ทั้งในภาคการบริการให้เช่า พลังงานหมุนเวียน บริการด้านการโฆษณาและประชาสัมพันธ์ บริการขนส่งและกระจายสินค้า รวมไปถึงการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ